หลังจากที่เลื่อนวันเปิดเรียนมาหลายวัน ทำให้นึกถึงวันเปิดเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ชื่อ เด็กหญิงสิริพร ที่เห่อเสื้อผ้าใหม่แบบมีหูกระต่าย พ่อซื้อปากกาหมึกซึมจากจีนแดงให้ ในสมัยนั้นใครมีปากกาแบบนี้ถือว่าเยี่ยมแล้ว
เด็กหญิงสิริพร นอนฝันหวานว่าจะได้เรียนในชั้น ป.5 เพราะเมื่อตอนอยู่ชั้น ป.4 เห็นพี่ๆได้เรียนวิชาดนตรี ร้องเพลงกับครูฝรั่ง ได้ว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำแสนสวยของโรงเรียน ดีใจจังและอยากให้โรงเรียนเปิดเร็วๆ แต่โรงเรียนมีความจำเป็นต้องเลื่อนวันเปิดโรงเรียนเนื่องจากฝนตกหนักโรงเรียนเป็นที่ต่ำระบายน้ำไม่ทันน้ำจึงท่วมโรงเรียน เลยฝันค้างไป
ความรู้สึกเหมือนกันเลยที่ทางมหาวิทยาลัยเลื่อนวันเปิดเรียนออกไปตั้ง 3 สัปดาห์ จึงทำให้ว่างงานและเข้ามาอ่าน gotoKnow และเว็บไซต์อื่นๆอีกหลายแห่ง
เริ่มเรียน 15 กรกฎาคม มีเพื่อนร่วมชั้นเรียนทั้งสิ้น 70 กว่าคน
ก็เหมือนเด็กอีกครั้งต้องฟังครู และปฏิบัติตามที่ครูสั่ง
บางครั้งอาจารย์สั่ง ทำให้นึกถึงเวลาสวมบทบาทเป็นครูจะไม่ทำอย่างนี้ สงสารนักเรียนจัง ถ้าคุณครูเป็นอย่างนี้ สั่งงานเหมือนเมล็ดข้าวโพดมันแตกตอนโดนความร้อนจากเตาไฟเลย
แล้วนักศึกษาก็ต่างกันมาก หมายถึง บางคนเรียนอย่างเดียว บางคนเรียนด้วยทำงานด้วย บางคนต้องเดินทางมาจากปัตตานี นครสวรรค์ อุดรธานียังมีเลยค่ะ อาจารย์ไม่ทราบเรื่องของเราเลย ดังนั้นเวลาเราสวมบทบาทเป็นครูที่โรงเรียนต้องศึกษาเด็กเป็นรายบุคคลก่อนเรียนนะจึงจะรู้ศักยภาพของนักเรียนอย่างถ่องแท้ เมล็ดข้าวโพดจะได้ไม่มีให้แตก
งานที่อาจารย์สั่งก็น่าสนุกถ้าคิดให้สนุก แต่ได้สังเกตพฤติกรรมบนรถเมล์แล้วพบอะไรหลายอย่าง แต่ที่น่าขบขันที่สุดคือ ที่แขนยังคันไม่หาย เนื่องจากแพ้รถเมล์ ไม่ได้นั่งรถเมล์มานานแสนนาน
ยังมีงานที่ไม่สนุกเลย กับการอ่านตำราภาษาอังกฤษ พยายามทำให้สนุกโดยสมมติบทบาทเป็น interpreter แปลเรื่องให้สนุกไปเลย ทั้งที่เป็นเรื่องที่ไม่สนุกเลย
และยังมีงานใหญ่อีกหลายงาน ที่ว่าใหญ่คือตอนนี้อาจารย์ได้แจกหนังสือให้แบบไม่เกรงใจนักศึกษา ดีนะที่ทางมหาวิทยาลัยแจกกระเป๋าที่มีลูกล้อ ยังลากไปนึกถึงสาวใช้บนเครื่องบิน คิดแบบสนุกนะ หนังสือนับดูแล้ว 15 เล่ม มีทั้งตำราภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เรื่องใหญ่ใหมล่ะ
ยังไม่หมดนะคะ ยังมีทุกวันที่เข้าเรียน อาจารย์สั่งงาน การบ้านเหมือนนักเรียนเลย น่าสนุกดี ได้เข้าไปใช้ห้องคอมพิวเตอร์แล้ว ไม่ต้องรีบกลับบ้านมานั่งหน้าคอมพิวเตอร์แย่งกันกับคนที่บ้าน ดีจัง
และสัปดาห์หน้าทุกคนต้องเรียนภาษาอังกฤษกันอีกด้วย พอได้เรียนก็คงต้องมีการบ้านอีกล่ะ เตรียมใจไว้ได้เลย เวลาสวมบทบาทเป็นครูอย่าลืมว่า อย่าให้การบ้านนักเรียนมากนักนะ นักเรียนไม่อยากได้การบ้านแบบนี้
เอ แต่ตอนที่สวมบทบาทเป็นครูนั้น เรายังมีแบบสอบถามนักเรียนเพื่อเตรียมความพร้อมในการเรียนก่อนนะ เช่น นักเรียนต้องการเรียนแบบใด เรียนเรื่องอะไรก่อน และยังเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญด้วย ที่มหาวิทยาลัยไม่เห็นเน้นเลย เน้นแต่การทำวิจัย อิอิ
ต้องจบแบบดื้อดื้อแล้วล่ะ วันนี้วันพุธ การบ้านให้เขียนโครงร่างวิจัย ยังไม่ได้เขียนเลย ขอจบแต่เพียงเท่านี้นะคะ ครูผู้สอนภาษาอังกฤษเรียนปริญญาเอกขอลาไปก่อนค่ะ
หนูก็อยากได้กระเป๋ามีลูกล้อบ้างเหมือนกัน แต่ตอนนี้ของนิวเป็นตระกร้า Kitty สีชมพู 2 ใบ หอบหิ้วมาทำงานทุ๊กกกวัน.....พอว่างปุ๊บ ก็หยิบขึ้นอ่านมาดูทุ๊กกกครั้งไป อิอิ..เป็นกำลังใจให้นะคะ
น้องนิวคะ กระเป๋ามีลูกล้อของพี่ สีดำ มีตราสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยด้วย โก้จัง
พี่เรียกกระเป๋าใบนี้ว่าตู้เย็น วันที่มันปฏิบัติการนั้น มันมีอาหารและน้ำด้วยค่ะ
ไม่เคยเข็นมันไปทำงานด้วยหรอกค่ะ เดี๋ยวเพื่อนครูตกใจ
แต่แบ่งหนังสือใส่กระเป๋าสะพายไปด้วย และไม่เคยได้อ่านเลย มีภารกิจเกือบทั้งวันค่ะ
ครูอ้อยเรียนมาครบ 1 ปีแล้ว
ต่อจากนี้ไป ไม่ต้องไปนั่งเรียน ต้องเรียนรู้ ค้นคว้าด้วยตนเองค่ะ
ขอบคุณกำลังใจจากทุกท่านค่ะ