สะเก็ดเงิน Psoriasis: เริ่มต้นเรียนรู้


อันดับแรกของผื่นที่ต้องแยกออกไปเป็น อันดับแรกคือผื่นจากกลาก

หลังจากที่ได้เปิดบทโหมโรงของสะเก็ดเงินไปแล้วในครั้งก่อน  ผมขอโอกาสนี้เริ่มต้นกล่าวถึงภาวะนี้ และจะทะยอย กล่าวถึงเป็นตอนๆ ไปเท่าที่เวลา และโอกาสจะอำนวยครับ

  <p style='margin: 0in; font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt'>   <br></p><p style='margin: 0in; font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt'><img src="http://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/000/049/603/original_20061211psoknee.gif?1285525977" border="0" alt="Psoriasis at elbow" title="Psoriasis at elbow" width="240" height="216"></p>  <p style='margin: 0in; font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt'> </p>  <p style='margin: 0in; font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt'>ผื่นสะเก็ดเงิน</p><p style='margin: 0in; font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt'>ผู้เป็นสะเก็ดเงินจะ <span style="background: yellow none repeat scroll 0% 50%; font-weight: bold; color: blue; -moz-background-clip: -moz-initial; -moz-background-origin: -moz-initial; -moz-background-inline-policy: -moz-initial">มีผื่นเป็นผื่นสีแดงหนา มีสะเก็ดสีขาวๆ เป็นผื่นมากบริเวณศีรษะ ศอก และเข่า</span><span style="font-weight: bold; color: blue"><span>  </span></span>มีอาการคันบ้างเล็กน้อย ภาวะนี้จะมีอาการเป็นๆ หายๆ มากบ้างน้อยบ้าง ทำให้เกิดเป็นภาวะที่เป็นผื่นเรื้อรัง ผื่นของสะเก็ดเงินจะคล้ายๆ กับผื่นในหลายโรค ทำให้ต้องวิเคราะห์แยกโรคเพื่อให้ได้การวินิจฉัยที่แน่นอน<span>  </span>อันดับแรกของผื่นที่ต้องแยกออกไปเป็นอันดับแรกคือ<strong>ผื่นกลาก</strong> ซึ่งจะมีสะเก็ดได้บ้าง แต่ไม่มากเท่าในสะเก็ดเงินครับ แต่มักมีอาการคันมากกว่า<span>  </span>ผื่นกลากมักจะมีจำนวนรอยโรคไม่มาก อาจมีเพียงสองสามแห่ง แต่ในสะเก็ดเงินมักจะมีหลายรอยโรคครับ</p>  <p style='margin: 0in; font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt'> </p><p style='margin: 0in; font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt'><img src="http://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/000/028/810/original_20060814TineaCorporis.jpg?1285419757" border="0" alt="Tinea" title="Tinea" width="258" height="186"> </p>  <p style='margin: 0in; font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt'>ผื่นโรคกลาก</p><p style='margin: 0in; font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt'> </p><p style='margin: 0in; font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt'>ลักษณะของกลากที่สำคัญก็คือผื่นตอนแรกๆ จะขนาดเล็กก่อนแล้วค่อยขยายขนาดเป็นวงกว้างออกไป จะเห็นมีขอบชัดเจน มีขุยไม่มาก</p>    <p style='margin: 0in; font-family: "Cordia New"; font-size: 16pt'> </p>  <ul><li>ความรู้ ความเข้าใจในโรคนี้จะช่วยทำให้ผู้ที่มีสะเก็ดเงิน อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขพอควร และมี<span style="font-weight: bold; color: blue">กำลังใจ</span>ในการมารับการรักษาครับ</li></ul>
หมายเลขบันทึก: 66962เขียนเมื่อ 13 ธันวาคม 2006 15:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 17:41 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)
นายฤทธิ์ฒิชัย ภู่สมเก่า

อยากรู้เป็นสะเก็ดเงิน  ควรงดอาหารประเภทไหนบ้าง  ผมเป็นมา 4 ปีแล้ว ทายาและกินยาประเภทสเตียร์รอยอยู่  แต่ยังมีกินเหล้าเป็นประจำแต่ไม่มาก เพราะต้องออกสังคม (เลี้ยงลูกค้า) ทำให้ผื่นขึ้นเป็นสะเก็ด ของหมักของดองยังมีกินบ้าง จำพวกน้ำพริกปลาร้า กะปิ ผักดอง กินอาหารรสจัด  โปรดช่วยแนะนำด้วยครับผมควรงดรับประทานอาหารชนิดไหนบ้าง  เหล้าบุหรี่พยายามลดอยู่ แต่ยังเลิกไม่ได้ครับ

ขอบคุณที่ให้ข้อมูลครับ

สวัสดีค่ะหมอสุข

หนูเป็นผิวหนังอักเสบบริเวณหนังศีรษะมาเกือบปี ไปหาเภสัชตามร้านขายยาเค้าบอกว่าเป็นสะเก็ดเงิน เเล้วให้ยาสตาโลนมา พอใช้เเล้วก็หายไปพักใหญ่ แล้วก็กลับมาเป็นอีก พอไปอีกร้านเค้าให้ยาฟังจินอกซ์มาแต่ก็ไม่ดีขึ้น เลยคิดว่าโรคนี้ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แล้วพอดีกับว่าหนูเรียนเจอโรคสะเก็ดเงิน(โรคเรื้อนกวาง)พอดี อ. บอกว่าโรคนี้รักษาได้ยากมาก ต้องใช้พวก cold tar แต่มีกลิ่นเหม็น สีดำ หนูเลยยิ่งกังวล หนูเลยตัดสินใจไปโรงพยาบาลเพราะอยากรู้ว่าเป็นอะไรกันแน่เพราะ มันสร้างความรำคาญมาก ทำให้หนูไม่มั่นใจเหมือนที่คุณหมอบอก วันนี้หนูไปพบคุณหมอที่โรงพยาบาล พอกลับมาบ้าน หนูเข้ามาดูblog ของคุณหมอตามที่คุณหมอเขียนให้ทำให้มีความรู้เกี่ยวกับโรคนี้มากขึ้นเลยค่ะ ไว้ถ้าหนูมีอาการเกี่ยวกับโรคผิวหนัง หรือคนใกล้ตัวมีอาการโรคผิวหนัง หนูรบกวนคุณหมอให้คำแนะนำด้วยนะคะ (หนูศึกษาที่คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ปี 3 ค่ะ เลยคิดว่าจะสามารถนำความรู้ที่ได้รับนี้ไปเป็นประโยชน์ต่อไปได้ค่ะ)

 

ขอบคุณ คุณหมอที่ให้ข้อมูลค่ะ

 

สวัสดีครับ คุณ jernjern

ยินดีมากที่บล็อกนี้อาจให้ประโยชน์ได้บ้าง ถ้ามีความรู้ในเรื่องนี้ก็สามารถทำประโยชน์ต่อสังคมได้ โดยการให้คำแนะนำที่ถูกต้องให้คนอื่นต่อไปนะครับ โดยเฉพาะคุณที่จะจบการศึกษาแล้วเป็นเภสัชกรในอนาคต 

หมอสุข

ตอบคุณฤทธิ์ฒิชัย ภู่สมเก่า

สุราเป็นตัวกระตุ้นที่เขียนเอาไว้ในตำราค่อนข้างชัดเจนว่าทำให้สะเก็ดเงินกำเริบหรือเป็นมากขึ้นได้ สำหรับอาหารอื่นๆ ยังไม่มีความชัดเจนในตอนนี้ครับ

หมอสุข

สวัสดีค่ะ คุณหมอสุข หนูเคยรับการรักษาจากคุณหมอเมื่อปีที่เเล้วค่ะ คุณหมอให้เเชมพูที่มียาฆ่าเชื้อรา เเต่พอหนูใช้เเล้วอาการก็ไม่หาย จริงๆเเล้วคุณหมอนัดตรวจอีกหลังจากนั้นหนึ่งเดือน เเต่หนูติดธุระหนูเลยไม่ได้ไปพบคุณหมอ หนึ่งปีต่อมาหนูก็ไป รพ อีก หมอสั่งจ่ายยา ทาร์เเชมพู หนูเลยอยากทราบว่ายานี้ใช้ไปนานๆจะมีผลข้างเคียงหรือไม่ เเล้วหากหยุดใช้จะเป็นอย่างไร คุณหมอบอกว่าอาการของหนูเป็นเเบบปกติ ยานี้จะช่วยควบคุมอาการได้ เเต่โรคนี้จะไม่หายขาด หนูเลยไม่สบายใจว่าหนูจะต้องเป็นโรคนี้ไปตลอดเลยหรือไม่ ซึ่งจริงๆเเล้วหนูอยากรักษาโรคนี้ให้หายขาด เนื่องจาก โรคนี้ทำให้หนูขาดความมั่นใจ เเละหากหนูใช้ยา สเตียรอยต์ จะมีผลข้างเคียงหรือไม่คะ เพราะหนูเคยไปร้านขายยาในช่วงเเรกที่เป็นโรคนี้ เเล้วเภสัชจ่ายยาสเตียรอยด์มา หนูคิดว่าเป็นการเเก้ที่ปลายเหตุ เนื่องจากเเค่ไปกดภูมิคุ้มกันของเราเท่านั้น คิดว่าหากใช้ต่อไปอาจเป็นอันตรายได้ หนูเลยอยากรบกวนคุณหมอช่วยชี้เเจงเรื่องนี้ด้วยนะคะ เเละ หากคุณหมอมีคำเเนะนำดีๆ หนูก้อจะนำไปใช้ประโยชน์ เเละ นำไปปฏิบัติต่อไปค่ะ สุดท้ายขอขอบคุณคุณหมอล่วงหน้าคะ ที่กรุณาตอบข้อสงสัย ที่หนูเรียนไปข้างต้นค่ะ ^ ^

คุณ J ครับ

สะเก็ดเงินไม่หายขาดก็จริง แต่ก็สามารถจะควบคุมอาการได้ ทำให้ผื่นเหลือน้อยหรือไม่มีผื่นเลย

แชมพูน้ำมันดินใช้เท่าที่จำเป็น เพราะมีส่วนผสมที่เป็นส่วนหนึ่งของสารก่อมะเร็ง แต่มีส่วนน้อยมากที่มีผลด้านนี้

สำหรับสตีรอยด์เป็นการแก้ปลายเหตุก็จริง ถ้าใช้อย่างเหมาะสมถูกขนาด ถูกความแรง ก็มีโทษน้อยมาก

 

หมอสุข

สารGM-1ในมังคุดปรับภูมิคุ้มกันที่บกพร่องในผู้ป่วยสะเก็ดเงินให้สมดุลย์ ทำให้อาการสะเก็ดเงินควบคุมได้จนไม่มีอาการ เป็นผลงานวิจัยจากสถาบันวิจัยมังคุดไทยนำโดยศาสดาจารย์ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา สอบถามเพิ่มเติมรัตติมา 0863156664,0853401586,0863216951,0819160179

ถ้าไม่อยากทานยาเชิญทานนี้การรักษาแบบชีวโมเลกุล

ข้อมูลการรักษามะเร็งความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการบำบัดทางชีวภาพ

การบำบัดทางชีวภาพ (biological therapy/biotherapy) การบำบัดทางภูมิคุ้มกัน (immuotherapy) และ การปรับเปลี่ยนการตอบสนองทางชีวภาพ (biological response modifiers) กำลังได้รับความสำคัญเพิ่มขึ้นในเรื่องสารต้านมะเร็ง มันอาจจะถูกนำมาใช้ด้วยตัวของมันเองหรือใช้ร่วมกับการรักษาต่อต้านโรคมะเร็งแบบดั้งเดิมเช่นการรักษาด้วยเคมีบำบัด การบำบัดทางชีวภาพ (biotherapies) ถูกแสดงให้เห็นในการศึกษาวิจัยการรักษาที่มีประสิทธิภาพต่อการรักษาโรคมะเร็งหลากหลายชนิด ซึ่งแตกต่างจากการรักษาโรคมะเร็งแบบดั้งเดิม ไซโตท็อกซิสเคมีบำบัด (cytotoxic chemotherapy)รังสีบำบัด (radiotherapy)และการผ่าตัด(surgery) ซึ่งจัดการกับการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งโดยตรง การบำบัดทางชีวภาพทำหน้าที่หยุดการเจริญเติบโตของมะเร็งทางอ้อมโดยการกำหนดเป้าหมายเซลล์ที่กลายเป็นเซลล์มะเร็งและเนื้องอก การทำชีวบำบัด (biotherapies)เช่นนี้ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำการต่อสู้กับโรคมะเร็ง

ชีวบำบัดที่ใช้ในการรักษาและป้องกันมะเร็ง มีด้วยกันดังนี้

-การกำหนดเป้าหมายระบบภูมิคุ้มกัน (Immune system-targeted therapies) มีผลทางอ้อมโดยการส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายในการทำงานกับโรคมะเร็ง

-เอนโดซิโนโลจิเคิล ฮอร์โมนบำบัด (Endocrinological (hormonal) therapies) ใช้ในการรักษาโรคมะเร็งที่ฮอร์โมนมีผลต่อการเจริญเติบโตของมะเร็งฮอร์โมนเหล่านี้ รวมถึงมะเร็งต่อมลูกหมากและมะเร็งเต้านม

-การบำบัดโดยการยับยั้งไทโรซีนไคเนส (Tyrosine kinase inhibitor therapy)

ยับยั้งไคเนสซายน์และเอนไซม์ที่ควบคุมการทำงานของเซลล์เช่นการผลิตและการขยาย

-การรักษายีน (Gene therapy) กำหนดเป้าหมายที่ปัจจัยทางพันธุกรรม เช่นยีนกลายพันธุ์

-ดีเอ็นเอ รักษาและซ่อมแซมเอนไซม์ในการยับยั้ง (DNA repair enzyme inhibitor therapy)

กำหนดเป้าหมายที่ยีนกลายพันธุ์ที่มีความสามารถในการซ่อมแซมดีเอ็นเอ และอาจส่งผลให้เกิดการแพร่กระจายของเซลล์ที่มีดีเอ็นเอที่เสียหายในโรคมะเร็งบางชนิด

-การบำบัดโดยการรับเซลล์ (Adoptive cellular therapy)

เซลล์จากการร่างกายมนุษย์ซึ่งถูกโคลนและสร้างใหม่ แล้วใส่กลับเข้าไปในร่างกายงชีวภาพ (biological therapy/biotherapy) การบำบัดทางภูมิคุ้มกัน (immuotherapy) และ การปรับเปลี่ยนการตอบสนองทางชีวภาพ (biological response modifiers) กำลังได้รับความสำคัญเพิ่มขึ้นในเรื่องสารต้านมะเร็ง มันอาจจะถูกนำมาใช้ด้วยตัวของมันเองหรือใช้ร่วมกับการรักษาต่อต้านโรคมะเร็งแบบดั้งเดิมเช่นการรักษาด้วยเคมีบำบัด

การบำบัดทางชีวภาพ (biotherapies) ถูกแสดงให้เห็นในการศึกษาวิจัยการรักษาที่มีประสิทธิภาพต่อการรักษาโรคมะเร็งหลากหลายชนิด ซึ่งแตกต่างจากการรักษาโรคมะเร็งแบบดั้งเดิม ไซโตท็อกซิสเคมีบำบัด (cytotoxic chemotherapy)

รังสีบำบัด (radiotherapy)และการผ่าตัด(surgery) ซึ่งจัดการกับการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งโดยตรง

การบำบัดทางชีวภาพทำหน้าที่หยุดการเจริญเติบโตของมะเร็งทางอ้อมโดยการกำหนดเป้าหมายเซลล์ที่กลายเป็นเซลล์มะเร็งและเนื้องอก การทำชีวบำบัด (biotherapies)เช่นนี้ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำการต่อสู้กับโรคมะเร็ง

ชีวบำบัดที่ใช้ในการรักษาและป้องกันมะเร็ง มีด้วยกันดังนี้

-การกำหนดเป้าหมายระบบภูมิคุ้มกัน (Immune system-targeted therapies) มีผลทางอ้อมโดยการส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายในการทำงานกับโรคมะเร็ง

-เอนโดซิโนโลจิเคิล ฮอร์โมนบำบัด (Endocrinological (hormonal) therapies) ใช้ในการรักษาโรคมะเร็งที่ฮอร์โมนมีผลต่อการเจริญเติบโตของมะเร็งฮอร์โมนเหล่านี้ รวมถึงมะเร็งต่อมลูกหมากและมะเร็งเต้านม

-การบำบัดโดยการยับยั้งไทโรซีนไคเนส (Tyrosine kinase inhibitor therapy)

ยับยั้งไคเนสซายน์และเอนไซม์ที่ควบคุมการทำงานของเซลล์เช่นการผลิตและการขยาย

-การรักษายีน (Gene therapy) กำหนดเป้าหมายที่ปัจจัยทางพันธุกรรม เช่นยีนกลายพันธุ์

-ดีเอ็นเอ รักษาและซ่อมแซมเอนไซม์ในการยับยั้ง (DNA repair enzyme inhibitor therapy)

กำหนดเป้าหมายที่ยีนกลายพันธุ์ที่มีความสามารถในการซ่อมแซมดีเอ็นเอ และอาจส่งผลให้เกิดการแพร่กระจายของเซลล์ที่มีดีเอ็นเอที่เสียหายในโรคมะเร็งบางชนิด

-การบำบัดโดยการรับเซลล์ (Adoptive cellular therapy)

เซลล์จากการร่างกายมนุษย์ซึ่งถูกโคลนและสร้างใหม่ แล้วใส่กลับเข้าไปในร่างกาย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท