สักครั้งของชีวิต...ที่ปาย
หลายครั้งที่ผ่าน..ปาย..เมื่อจะไปทำงานที่แม่ฮ่องสอน
อีกหลายครั้งเช่นกันที่ผ่าน..ปาย..เมื่อกลับจากทำงานที่แม่ฮ่องสอน
ไม่เคยเลยที่จะได้เข้าไปสัมผัสความงามของปายอย่างเต็มตาเต็มใจ ครั้งแล้วครั้งเล่า
ครั้งนี้จึงเป็นครั้งแรกของชีวิตที่ได้เข้าไปสัมผัสปาย
ก็ยังคงเป็นการเข้าไปทำงานดังเดิม
แต่..เป็นการทำงานที่เลือกสถานที่ได้ตามหัวใจร่ำร้อง
ปาย..เมืองในฝัน สวรรค์บนดิน..ของผู้รักการเดินทาง
หลายครั้งเคยได้ยินและหลายครั้งเคยได้อ่าน
บางคนพูดว่า..ขอเพียงสักครั้งให้ได้ไป..ปาย...ก็นับว่าคุ้มแล้วกับชีวิตนี้
โห...
ณ วันนี้ของชีวิต..จึงขอมีสักครั้ง
บ๊ายบาย..เชียงใหม่เมืองในหมอกสักสองวันนะคะ ตั้งใจเต็มที่ที่จะเก็บภาพสวยๆของเมืองในฝันสวรรค์บนดิน ให้ได้มากที่สุด งานนี้มีคุณครูคนใจดีเป็นโชเฟอร์ให้ ดังนั้นตลอดทางจึงมีความสุขกับสองข้างทางเต็มที่ ตั้งแต่ออกจากเชียงใหม่ ผ่านแม่ริม แม่แตง ห้วยน้ำดัง ป่าแป๋ และก็เข้าสู่ปายในยามค่ำ ตลอดเส้นทางท้องฟ้ามืดครึ้มด้วยหมอกควัน สองข้างทางมีไฟไหม้ป่าเป็นระยะ คิดอยากจะโทรบอกให้คนมาดับไฟ คุณครูบอกว่า “ไม่ต้องครับ ศน. นี่ก็ถิ่นของป่าไม้ทั้งนั้น เขาทราบแล้ว เห็นจนชินครับ” นี่ละมังสาเหตุของหมอกควันที่แก้ไขไม่ได้สักทีจนต้องรีบนำมาเป็นเรื่องด่วนจัดทำเป็นหลักสูตรระดับท้องถิ่นของหลายจังหวัดในภาคเหนือ ว่าให้ผู้ใหญ่ไม่เป็นผลก็มาลงเอยที่เด็ก คำคมที่คมคำ “ตัวอย่างที่ดีดีกว่าคำสอน” ไม่เป็นผล ใช้ไม่ได้เลยนี่ ตั้งใจจะดื่มด่ำกับความงามของสองข้างทางก็ไม่เป็นดั่งใจเท่าที่ควร เลยป่าแป๋ขึ้นสู่ดอยสูงของปาย หมอกควันเริ่มจางลง ค่อยโล่งใจโล่งตา เริ่มเก็บภาพยามอาทิตย์จะลับเหลี่ยมเขาได้หลายภาพ ก่อนเข้าสู่ “เมืองปาย” ทัวร์ปายส่งท้ายหน้าหนาวก่อนย่างเข้าสู่แล้งครั้งนี้ จึงเน้นการนำภาพมาฝากเพื่อนๆค่ะ สวยบ้าง ไม่สวยบ้าง ไม่เป็นไรนะคะ
หนึ่งราตรีที่ปาย
ปาย เมืองเล็กๆ น่ารักๆ ไกลหนทาง แต่ไม่ไกลใจของนักเดินทางที่นับวันจะมากยิ่งขึ้น จากแต่ก่อนที่มีเพียงเฉพาะคนต่างชาติเท่านั้น เพราะคนเมือง(บ่ใจ้คนไทย)ก็เห็นเป็นอำเภอชนบทเล็กๆ ไม่ว่าจะนับจากเชียงใหม่ไป หรือนับจากแม่ฮ่องสอนมา แต่เดี๋ยวนี้...ปาย...กลายเป็นเมืองในฝันของนักท่องเทียวไทยด้วยแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงค่อนข้างรู้สึกใจหายกับการเปลี่ยนไปของปาย ทั้งคนอยู่และคนไปคงคิดเช่นเดียวกัน หนึ่งคืนที่ปายจึงทำให้ผู้เขียนพบเห็นประโยคนี้เกลื่อนอยู่ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นป้ายหน้าร้าน โลโก้ติดเสื้อ คำคมในไปรษณียบัตรและในของที่ระลึกต่างๆที่วางขายตลอดถนนคนเดิน “ปายบ่เปลี่ยน คนสิเปลี่ยน”
...ชิมข้าวปุกแสนอร่อย จากแม่ค้าคนสวย ชิ้นละ 10 บาทค่ะ..คิวยาวด้วย
ถึงปายแล้ว
ถึงปายแล้วค่ะ...จุดเด่นของปายที่ผู้เขียนสัมผัสได้อย่างรวดเร็ว จากการท่องราตรีที่ถนนคนเดิน คือ ร้านค้าจะมีโปสการ์ดสวยๆ ที่เป็นไปรษณียบัตรได้ด้วย ไว้สำหรับนักท่องเที่ยวได้ส่งให้เพื่อน ญาติมิตร หรือคนพิเศษ ภาพสวยๆ สไตล์คลาสสิก ชั่วเวลาสั้นๆ ผู้เขียนเห็นกลุ่มนักท่องเที่ยววัยรุ่นหลายกลุ่มทีเดียวที่เข้าไปใช้บริการ ตั้งแต่ซื้อการ์ด แล้วก็มานั่งประทับตรายางสารพันคำพูดน่ารัก Pai … แล้วก็เขียนที่อยู่ผู้รับ ซื้อแสตมป์ใส่ และหย่อนลงตู้ไปรษณีย์ ดีจัง..เศรษฐกิจหมุนสะพัดแบบครบวงจร
หลงปาย
รีสอร์ทสวยๆ น่ารักๆ รูปร่างแปลกๆ หลากสไตล์ ทั้งแบบตะวันตกและ สไตล์ไทยๆ รวมทั้งแบบของคนเพื่อชีวิต เป็นเสน่ห์ของเมืองปายที่ทำให้ผู้เขียนหลงใหล เพราะปกติก็ชอบศิลปะการตกแต่งแบบนี้อยู่แล้ว แต่ละรีสอร์ทก็สรรหาวิธีการดึงลูกค้า ด้วยวิธีการต่างๆ ที่เห็นในช่วงเวลาสั้นๆ ก็คือ มีม้านั่งแปลก ๆ ไว้สำหรับให้นักท่องเที่ยวไว้ถ่ายรูป มีร้านกาแฟสดไว้คอยต้อนรับและให้บริการ มีโปสการ์ด แสตมป์และตู้ไปรษณีย์ไว้ให้บริการอย่างสะดวก ใกล้ และรวดเร็ว ชื่อรีสอร์ทแต่ละแห่งก็เป็นแบบเก๋ๆ ทั้งชื่อไทยและชื่อฝรั่ง ที่โดนใจและตรงใจนักท่องเที่ยวมากที่สุดว่าต้องการที่พักสไตล์ใด เช่น Pai Hotspring, Rim Pai Cottage, Huting Pai, Baan Krating, Pai River Corner, Pai River Mountain, Muang Pai, Bulun Buri Pai, De Pai Resort, Baan Pai Village, Belle Villa Pai, The Quarter, Pai Vimaan, Wang Chang Puek, Baan Suan Rim Pai, Pai Vimarn, Cafe de Doi, Pura Vida, Pai Praya, Phu Pai Art, Bura Lumpai Resort, Pai Tara Resort New!, Pai Baanthai Resort , Yoma Hotel และอีกมากมาย(ข้อมูลจากเว็บแนะนำของการท่องเที่ยวค่ะ) ผู้เขียนได้พักที่ปายเรือนไทย เอ..หรือปายบ้านไทยนะ เพื่อนๆว่าสวยไหมคะ..
เที่ยวที่ไหน ภายในเวลา 3 ชั่วโมง
หลังจากงานเสร็จดังหวัง ก็กำหนดกับทีมงานว่าก่อนกลับเชียงใหม่ อยากเที่ยวไปในปายสัก 2-3 แห่ง คุณครูก็น่ารักค่ะจัดให้ 4 แห่ง โดย 3 แห่งอยู่ในเส้นทางเดียวกัน อีก 1 แห่งเป็นเส้นทางที่จะต้องกลับอยู่แล้ว เยๆ ..ขอบคุณเจ้า
หนึ่ง..วัดน้ำฮู
วัดน้ำฮู เป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของปาย วิหารวัดน้ำฮู สร้างขึ้นในปีพุทธศักราช 2474 โดยครูบาศรีวิชัย เพื่อใช้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปอุ่นเมือง ซึ่งเป็นปูชนียวัตถุสำคัญคู่เมืองปาย มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบล้านนา หลวงพ่ออุ่นเมืองเป็นพระพุทธรูปที่ไม่เหมือนกับพระพุทธรูปใดๆ เพราะยอดพระเกศาสามารถยกขึ้นได้เหมือนฝาผะอบ ภายในพระเศียรกลวง ที่แปลกก็คือภายในจะมีน้ำซึ่งเกิดขึ้นเอง จากคำบอกเล่าของลุงที่เป็นคนดูแล เล่าว่า ประมาณ 10 วันน้ำก็จะเต็ม ลุงจะตักน้ำลงมาผสมกับน้ำในอ่างสำหรับเป็นน้ำมนต์สำหรับผู้ที่เข้าไปกราบนมัสการและต้องการขอน้ำไปใช้เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิตและรักษาโรคภัยไข้เจ็บ มีศาลากลางน้ำประดิษฐานรูปปั้นของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเอกาทศรถ และพระนางสุพรรณกัลยา มีข้อมูลทางประวัติศาสตร์ปรากฏในหลายเว็บไซต์ เพื่อน ๆ ที่สนใจ สามารถหาอ่านได้นะคะ ..ชอบหนุ่มสาวคู่นี้ค่ะ..เก๋ไก๋จังวิธีบอกรักปาย..
สอง..หมู่บ้านสันติชล
หมู่บ้านสันติชล เป็นหมู่บ้านที่จำลองวิถีชีวิตของชาวจีนยูนาน เป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของปายเช่นกัน มีร้านอาหารชาวจีนยูนานเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยว โดยในห้องครัวมีหน้าต่างบานกว้างเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถเห็นวิธีปรุงอาหารของชาวจีนยูนานได้ชัดเจน ด้านหน้าของหมู่บ้านมีของที่ระลึกขายมากมายหลายอย่าง มีที่จอดรถสะดวกสบาย มีข้าวของเครื่องใช้ของชาวจีนยูนาน และมีชิงช้าไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ลองนั่งด้วย น่าหวาดเสียวอยู่ เพราะหมุนป็นวงกลมสูงทีเดียว คุณครูขับรถพาเข้าไปในหมู่บ้านที่อยู่ลึกเข้าไปด้วย ซึ่งก็คล้ายๆ กับหมู่บ้านคนจีนที่ อ.ไชยปราการ อ.ฝาง และ แม่อาย เสียดายที่ไม่ได้แวะชิมหมั่นโถ เพราะเกรงจะกลับค่ำ
สาม..น้ำตกหมอแปง
น้ำตกหมอแปง เป็นเป้าหมายสุดท้ายของวันนี้ โดยเป็นเส้นทางที่แยกออกจากหมู่บ้านสันติชล เป็นน้ำตกสวยยอดนิยมของปาย เพราะมีความสวยงามและเดินทางไปเที่ยวสะดวก เพราะห่างจากตัวเมืองปาย เพียง 9 กิโลเมตรเท่านั้น ถึงทางแยกเลี้ยวซ้ายไปจนถึงหมู่บ้านมูเซอยะโป๋ จากนั้นเข้าไปอีกประมาณ 500 เมตร ตามถนนลูกรังขนานเล็ก สุดทางจะเป็นที่จอดรถ ตัวน้ำตกอยู่ทางด้านขวามือ เดินลงไปนิดเดียวก็ถึง จากที่เคยอ่านทราบข้อมูลว่าน้ำตกหมอแปงมี 3 ชั้น ชั้นที่ใหญ่และเหมาะแก่การเล่นน้ำคือ ชั้นสองและชั้นสาม โดยรวมแล้วจะสูงประมาณ 15 เมตร กว้างประมาณ 10-15 เมตร มีน้ำไหลตลอดปีแต่สวยงามที่สุดในช่วงฤดูฝนบรรยากาศโดยรอบร่มรื่นด้วยป่าต้นยาง ใกล้ ๆ บริเวณน้ำตกยังเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านมูเซอแดง วันที่ผู้เขียนกับคณะไปเที่ยวนั้นน้ำค่อนข้างแห้งเพราะย่างเข้าสู่หน้าแล้งได้หลายวันแล้ว เก็บภาพ 3-4 ภาพก็กลับ เติมพลังด้วยน้ำแข็งไสใส่เฮลส์บลูบอยสีเขียวสีแดงกันคนละถ้วย บริเวณใกล้น้ำตก ชุ่มฉ่ำหวานแล้วก็ขึ้นรถบ่ายหน้ากลับเชียงใหม่
สี่..สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย
สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของเมืองปาย ซึ่งผู้เขียนเคยผ่านหลายครั้งแล้ว แต่ไม่เคยศึกษาประวัติความเป็นมา จากการศึกษาข้อมูลทราบว่าสะพานแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ขณะที่ญี่ปุ่นเรืองอำนาจอยู่ในประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเส้นทางลำเลียงกำลังพลและอาวุธสู่พม่า เช่นเดียวกันกับสะพานข้ามแม่น้ำแควที่จังหวัดกาญจนบุรี ปัจจุบันมีการสร้างสะพานคอนกรีตที่มีมาตรฐานขึ้นมาแทนที่ เพราะปายได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองไทยแล้ว จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาจำนวนมาก และด้วยตัวสะพานประวัติศาสตร์ปายแห่งนี้ก็เก่าแก่มากมิอาจรับน้ำหนักของรถที่วิ่งผ่านได้ไหว จึงมีสะพานคอนกรีตเกิดขึ้นเพื่อใช้เป็นสะพานข้ามแม่น้ำปายเข้าสู่เมืองปายแทนสะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย แต่สะพานประวัติศาสตร์ท่าปายก็ยังอยู่เคียงข้างกันกับสะพานคอนกรีตที่สร้างขึ้นมาใหม่อย่างลงตัว ....เสียดายนิดเดียวที่ทุ่งนาสองข้างทางต่อจากสะพานค่อนข้างแห้งแล้ง มิฉะนั้นคงเก็บภาพวิวสะพานสวยมีดอยเป็นฉากงามได้มากกว่านี้
..แวะดื่มกาแฟรสชาติกลมกล่อมและแสนจะนุ่มลิ้นที่ร้านนี้ค่ะ..Coffee in love
สองวันผันผ่าน
เบิกบานที่ปาย
แม้ฟ้าไม่ใส
ใจแสนสุขหนอ
จะต่อเติมฝัน
เฝ้านับวันรอ
ว่างงานเพียงพอ
จะขอหวนคืน
บายๆ..ปาย..เมืองในฝันสวรรค์บนดิน..เจ้า