"ศิลปะ" ช่วยให้เกิดสันติภาพได้จริงหรือ...


แต่ผลเล็กเหล่านี้ก็ช่วยกระตุ้นและสะท้อนให้คนในสังคมรับรู้ว่า ทุก ๆ คนในสังคมควรจะมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น...

          เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาผมมีโอกาสได้ไปร่วมงานเปิดตัวหนังสือ Art of Peace ที่แต่งโดย ดร.ริชาร์ด บาร์เบอร์ และยังมีโอกาสได้ร่วมฟังการเสวนาในหัวข้อ "บทบาทศิลปะกับการสร้างสันติ" โดยมีผู้ร่วมเสวนาทั้งหมด 3 ท่านครับ คือพระวิศาล วิสาโล (เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต) รศ.ดร.ฉันทนา บรรพศิริโชติ หวันแก้ว (อาจารย์ภาควิชาการปกครอง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) และ ดร.ริชาร์ด บาร์เบอร์ โดยมีพี่นก นิรมล เมธีสุวกุล เป็นผู้ดำเนินการเสวนา โดยงานนี้จัดขึ้นที่มะขามป้อมสตูดิโอ แถวสะพานควายครับ...

                     

              เริ่มการเสวนาพี่นกก็บอกว่าคอนเซปต์ของงานเขาให้คุยกันแบบสบาย ๆ แต่จะให้เริ่มแบบสบาย ๆ ได้ยังงัย ในเมื่อละครที่แสดงให้ชมตอนเปิดงานช่างเป็นละครที่สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกแห่งการสูญเสีย ความสิ้นหวัง ความหวาดระแวง รวมทั้งความไม่ปลอดภัยของสองแม่ลูกครอบครัวหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้...            

          

            บรรยากาศของการเสวนาก็เป็นไปแบบสบาย ๆ ตามคอนเซ็ปต์จริง ๆ ครับ แต่ก็แฝงไปด้วยสาระ แง่คิด และแนวทางในการแก้ปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นปัญหาที่มีความละเอียดอ่อนและซับซ้อนมาก ๆ จากการที่ผมได้ฟังหลากหลายทรรศนะจากทั้ง 3 ท่าน ทำให้ผมรู้สึกเห็นด้วยเป็นอย่ายิ่งว่าสันติวิธีเท่านั้นที่จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์เหล่านี้ให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น...

              และปัญหาที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือ ความทุกข์ของคนในพื้นที่ที่จำเป็นจะต้องได้รับการเยียวยาโดยเร็วที่สุด และ "ศิลปะ" ก็เป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาความทุกข์ที่เกิดขึ้นของคนในชุมชนตามแนวทางสันติวิธี ซึ่งกลุ่มละครมะขามป้อม ก็เป็นอีกหนึ่งพลังที่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับชุมชนโดยใช้ศิลปะการแสดงเข้าไปเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้คนในชุมชนเปิดใจยอมรับกันมากขึ้น หันหน้าเข้าหากันเพื่อหาแนวทางร่วมกันในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นกับชุมชนของพวกเขา โดยกลุ่มละครมะขามป้อมได้รวมตัวกันเพื่อทำสิ่งดี ๆ เพื่อสังคมมาเป็นเวลา 28 ปีแล้วครับ...

             ก่อนจบการเสวนาผู้ดำเนินรายการได้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมฟังการเสวนาครั้งนี้ ได้ซักถามและแสดงความคิดเห็น มีผู้เข้าร่วมฟังการเสวนาท่านหนึ่งถามว่า "ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าศิลปะหรือวิธีการที่ท่านทำอยู่นี้ ช่วยให้เกิดสันติภาพได้จริง ๆ มีอะไรเป็นตัวชี้วัด และมีตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมให้เห็นชัด ๆ มั้ย" ...

            สำหรับผมแล้วผมมองคำถามนี้เป็นคำถามที่ตอบยากและยากที่จะอธิบายให้ใครเข้าใจได้ง่าย ๆ เพราะเรื่องของปัญหาความไม่สงบนี้เป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติหรือระดับโลกทีเดียว การจะสร้างให้เกิดสันติภาพขึ้นคงไม่สามารถทำได้ในเวลาอันสั้นและการใช้แค่ "ศิลปะ" เป็นเครื่องมือเพียงเครื่องมือเดียวก็คงไม่สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ทั้งหมด...

            ผมชอบคำตอบของ ดร.ริชาร์ดครับว่า เราไม่ได้คาดหวังผลของการกระทำจากกิจกรรมต่าง ๆ ของเราเป็นผลที่ยิ่งใหญ่ แค่เราได้เห็นคนในชุมชนที่ประสบปัญหาได้ผ่อนคลายจากความทุกข์ที่พวกเขาได้รับอยู่ ได้เห็นคนในชุมชนกลุ่มหนึ่งหันหน้าเข้าหากัน ยอมรับกันมากขึ้น ร่วมด้วยช่วยกันในการหาแนวทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น แค่นี้ก็ถือว่าสิ่งที่เราทำได้ผลและประสบผลสำเร็จแล้ว...  

               

            ผมเห็นด้วยกับ ดร.ริชาร์ดครับ แค่คนกลุ่มเล็ก ๆ ที่รวมตัวกันเพื่อทำสิ่งดี ๆ ให้กับสังคม ถึงแม้ว่าผลที่ได้จะไม่ยิ่งใหญ่ และไม่สามารถวัดได้เป็นรูปธรรมมากนัก แต่ผลเล็กเหล่านี้ก็ช่วยกระตุ้นและสะท้อนให้คนในสังคมรับรู้ว่า ทุก ๆ คนในสังคมควรจะมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ผมขอเป็นกำลังใจให้กลุ่มละครมะขามป้อมทำกิจกรรมดี ๆ เพื่อสังคมต่อ ๆ ไปครับ...

            สุดท้าย...ขอบคุณเพื่อนเอกสำหรับภาพประกอบและที่สำคัญขอบคุณที่ทำให้ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมฟังการเสวนาดี ๆ ครั้งนี้ครับ...

            ภาพประกอบจาก ที่นี่ ครับ... 

หมายเลขบันทึก: 175449เขียนเมื่อ 5 เมษายน 2008 14:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:55 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (24)

ขอบคุณคะ ที่นำกิจกรรมดีๆมาเล่าสู่กันฟังคะ ช่วงนี้ ก็มี น้องๆจาก มะขามป้อม มาอบรมละครให้เด็กๆที่นี่คะ

ครับ...พี่ดอกแก้ว P...

เห็นกลุ่มคนที่ทำกิจกรรมดี ๆ เพื่อสังคมแล้วชื่นใจครับ เลยอยากเอามาบอกต่อครับ...

เป็นกำลังใจในการทำงานนะครับ...

ขอบคุณมากครับ...

ขอบคุณค่ะ สำหรับเรื่องราวดีๆ จากศิลปะ ซึ่งเป็น จินตนาการ ที่สื่อถึงความละเอียดอ่อน ใจแง่ของจิตใจ มีคุณค่าทางจิตใจในมุมองของแต่ละคน ในชั้นสูง

ครับ...ครูเอ P...

"ศิลปะ" ช่วยเรื่องของจิตใจได้ดีทีเดียว เป็นเครื่องมือหนึ่งในการขัดเกลาจิตใจของมนุษย์ และหลาย ๆ คนก็ใช้ศิลปะช่วยในการฝึกสมาธิด้วยครับ....

ขอบคุณมากครับ...

มาเยี่ยม มาอ่านครับ มาเติมเต็มอารมณ์ที่ต่อเนื่อง

ขอบคุณครับ

ครับ...เพื่อนเอก P...

ขอบคุณอีกครั้งครับสำหรับภาพประกอบและโอกาสที่ได้เข้าฟังการเสวนาครั้งนี้ครับ...

ขอบคุณมากครับ...

ขอบคุณสำหรับบันทึกดีๆครับ

ครับ...พี่เหลียง P...

เป็นกิจกรรมที่สะท้อนให้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่างเลยครับ...

ขอบคุณครับผม...

เคยได้ดูข่าวเมื่อไม่นานมานี้ ที่มีการเก็บข้อมูลเพื่อทำการวิจัยของชาวต่างประเทศ ที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เด็กๆไม่พูดเรื่องราวใดๆเลย จึงเปลี่ยนการเก็บข้อมูลโดยให้เด็กๆวาดเป็นภาพแทน ผลก็คือภาพที่แสดงออกมาสะท้อนให้เห็นถึงความหวาดกลัว ความรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย การสูญเสีย .. บรรยายเป็นภาพสะท้อนความรู้สึกมากมายยิ่งกว่าคำพูดค่ะ..ขอบคุณเรื่องราวดีๆของคุณดิเรกค่ะ..

ครับ...คุณจรีภรณ์

การวาดภาพของเด็ก ๆ น่าจะคล้าย ๆ การทดสอบทางจิตวิทยาที่ใช้รูปภาพสะท้อนถึงความรู้สึกนึกคิดของผู้ถูกทดสอบนะครับ...

บางที "ศิลปะ" ก็สะท้อนอะไร ๆ ได้ดีกว่าคำพูดซะอีกนะครับ...

ขอบคุณครับ...

 

สวัสดีค่ะ

ชอบกิจกรรมดี ๆแบบนี้ ขอบคุณค่ะที่นำมาเล่าให้ฟัง

ยังไงศิลปะ ก็ยังใช้ในการสื่อสารได้ดีเสมอ สะท้อนให้เราได้คิดและหันหน้ามาช่วยกันให้สร้างให้เกิดสันติสุข

สวัสดีครับ

น่าสนใจมากครับและเป็นกิจกรรมที่ดี น่าส่งเสริม

ผมคิดว่า ศิลปะ ช่วยให้เกิดอะไรหลายอย่างในจิตใจคน ซึ่งมีผลต่อสังคมโดยตรง

ศิลปะ ช่วยให้เกิดสันติภาพได้พอๆ กับทำลายสันติภาพ

ดังนั้นจึงขึ้นอยุ่กับว่าเราจะใช้ศิลปะไปเพื่ออะไร

ผมเชือว่าศิลปะ ทำให้เกิดสันติภาพได้ แน่นอน ถ้าช่วยกันทำให้เกิดขึ้น

ผู้ที่เกี่ยวข้องของทุกฝ่ายจะต้องคำนึงถึงศักยภาพของศิลปะและพยายมที่จะนำให้เกิดศิลปะที่จะนำไปสู่ความสมานฉันท์ นั้นก็คือต้องเป็นศิลปะที่เกี่ยวกับความดีงาม ธรรมชาติหรือความใฝ่ฝันในทางที่ถูกของมนุษย์

เพราะว่าโดยธรรมชาติแล้ว มนุษย์ไม่ว่าจะเชื้อชาติศาสนาใดก็ย่อมมีความดีงาม ความงดงามอยู่และมองเห็นสิ่งนี้ตรงกันเป็นสากล

จึงควรใช้จุดที่เป็นสากล เชื่อมต่อของทุกศาสนาในการส่งเสริมศิลปะ เพื่อให้เกิดผลทางสันติภาพ

ผมว่าถ้าเรามีอคติ เห็นแต่ความไมงดงามของคนอื่น ก็คงไม่มีทางที่จะสมานฉันท์กันได้ แต่หากมองเห็นสิ่งที่ดีงามซึ่งมีอยุ่ด้วยกันทั้งนั้น นำสิ่งนั้นมาเป็นสื่อเชื่อมต่อกัน ก็เหมือนพูดภาเดียวกัน

คงเคยได้ยินนะครับ ว่าคนที่เป้น ศิลปิน ไม่ว่าชาติไหน ถ้ามาอยุ่ด้วยกัน อาจจะไม่ต้องพูดกันก็ได้ แต่รู้สึกและสัมผัส สื่อกันได้

นั้นแหละครับ ที่ผมคิดว่า น่าจะส่งเสริมและทำให้เกิดกัน

และที่สำคัญก็คือ ต้องลงมือทำเลย ทำเมื่อไหร่ก็เกิดเมื่อนั้น

ขอบคุณที่นำเรื่องดีๆ มาเผยแพร่กันครับ

ครับ...คุณ alinluxana P...

ส่วนตัวผมก็ชอบกิจกรรมแบบนี้ครับ เราเข้าไปฟังแล้วทำให้เราได้อะไรกลับมาเยอะจริง ๆ ครับ...

เห็นด้วยครับว่า "ศิลปะ" ช่วยในการสื่อสาร ทำให้ผู้คนเข้าใจกันมากขึ้น และที่สำคัญก็ก่อให้เกิดสันติภาพได้ครับ...

ขอบคุณมากครับ...

สวัสดีค่ะ

หลายปีก่อนหน่วยงานเดิมที่ดิฉันทำงานอยู่จัดให้มีนิทรรศการภาพถ่ายเกี่ยวกับสามจังหวัดชายแดนใต้ขึ้นเพื่อให้ศิลปะสื่อสะท้อนวิถีชีวิตคนในพื้นที่ไปสู่โลกภายนอก ศิลปินลงพื้นที่ไปถ่ายภาพ และเรานำมาจัดเผยแพร่ที่กรุงเทพฯด้วย ระหว่างที่เราเตรียมงานได้ยินเสียงคนในพื้นที่จัดงานพูดว่า ทำไปทำไมไม่เกิดประโยชน์...คนทำงานอย่างดิฉันออกจะเสียใจอยู่ไม่น้อยเชียวค่ะ

ด้วยความที่ศิลปะเป็นนามธรรม คนในบ้านเมืองของเราก็เห็นความสำคัญและบทบาทของศิลปะน้อยเต็มทน จึงต้องยอมรับว่าคงจะมีคนไม่เข้าใจอยู่มาก แต่ดิฉันคิดว่า...ขอให้เรามีความเชื่อและศรัทธาในศิลปะ ศิลปะก็เป็นได้ทุกอย่างเช่นกันค่ะ

ขอบคุณค่ะ

ได้รับรู้อะไร ก็เอามาแบ่งปันเป็นคนที่น่ารักจริง ๆ เล้ย...Mr.Direct แถมยังเก็บเอา topic เค้ามาฝากอีก...ทำให้นึกถึงเรื่องราวของตัวเองเหมือนกันค่า...เคยไปฟัง Happy workplace เค้ายกตัวอย่างแง่คิดของคุณเทียม โชควัฒนา ว่า ต้นไม้ใช้เวลาดูแลและให้ผล 100 ปี และการสร้างคนดีต้องใช้เวลา 10 ปี ดังนั้นเรื่องราวดีดี ที่จะแบ่งปัน ก็ค่อยสะสม ค่อยสร้างไปเรื่อย ๆ อย่าท้อนะคะ...

ครับ...คุณพลเดช P...

เป็นกิจกรรมที่ดีและน่าสนใจจริง ๆ ครับ บรรยากาศในงานก็ประทับใจมากครับ...

เห็นด้วยครับว่าศิลปะมีความเป็นสากล แต่ทุกคนคงต้องเปิดใจเพื่อจะได้เห็นความงดงามที่ซ่อนอยู่ในศิลปะ...

และที่สำคัญทุก ๆ คนควรจะร่วมมือร่วมใจกันใช้ศิลปะไปในทางที่ดี เพื่อจรรโลงจิตใจและจรรโลงโลกใบนี้...

ขอบคุณมากครับสำหรับหลาย ๆ ประเด็นที่ทำให้บันทึกนี้สมบูรณ์ขึ้นครับ...

ขอบคุณมากครับ...

ครับ...คุณ jaewjingjing P...

ผมว่าคนที่ได้ยินคำถามนั้นหลายคนในที่นั้นก็คงจะรู้สึกเสียใจอยู่เหมือนกันครับ เพราะการทุ่มเททำสิ่งดี ๆ แต่คนอื่นไม่เข้าใจถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่เราทำ มันย่อมทำให้เรารู้สึกท้อและเสียใจบ้าง...

เห็นด้วยมาก ๆ ครับ ความเชื่อมั่นและศรัทธาของเรา จะช่วยให้เรามีพลังในการทำงานของเราต่อไปครับ...

เป็นกำลังใจให้สำหรับการทำกิจกรรมดี ๆ เพื่อสังคมครับ...

ขอบคุณมากครับ...

ครับ...พี่เอ

เมื่อมีโอกาสได้เข้าร่วมกิจกรรมดี ๆ หรือได้รู้เรื่องราวดี ๆ ที่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อสังคมและคนอื่น ๆ ก็อยากจะนำมาแบ่งปันครับ...

แค่เป็นส่วนเล็ก ๆ ที่ได้ทำดีเพื่อสังคมบ้าง แค่นี้ก็สุขใจแล้วครับ...

ขอบคุณมากครับ...

สวัสดีครับคุณดิเรก

ผมรู้สึกเสียดายที่พลาดโอกาสดีๆแบบนี้ครับ แต่ก็ยังโชคดีที่มีบันทึกดีๆของคุณดิเรกและคุณเอกที่เก็บเรื่องราวและอารมณ์ในวันนั้นให้ติดตามกัน

ครับ...คุณกบ P...

ผมก็เสียดายครับที่พลาดโอกาสได้เจอกัน...

บรรยากาศวันนั้นประทับใจจริง ๆ ครับ...

ขอบคุณมากครับ...

ปล.ไม่ได้ทักทายกันนานเลยคิดถึงครับ...

สวัสดีค่ะคุณดิเรก

เบิร์ืดชอบคำตอบที่ ดร.ริชาร์ดตอบมากเลย ตรงและนุ่มนวล  ทำให้คนทำงานเกิดกำลังใจขึ้นเยอะนะคะ

เราไม่ได้คาดหวังผลของการกระทำจากกิจกรรมต่าง ๆ ของเราเป็นผลที่ยิ่งใหญ่ แค่เราได้เห็นคนในชุมชนที่ประสบปัญหาได้ผ่อนคลายจากความทุกข์ที่พวกเขาได้รับอยู่ ได้เห็นคนในชุมชนกลุ่มหนึ่งหันหน้าเข้าหากัน ยอมรับกันมากขึ้น ร่วมด้วยช่วยกันในการหาแนวทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น แค่นี้ก็ถือว่าสิ่งที่เราทำได้ผลและประสบผลสำเร็จแล้ว... 

ขอให้คุณดิเรกมีความสุข สดชื่น สมหวังทุกอย่างนะคะ..สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ

 

ครับ...คุณเบิร์ด P...

รู้สึกเหมือนกันครับว่าเป็นคำตอบชัดเจนและโดนใจผมมากเลยครับ...

เราได้ทำอะไรแม้ว่ามันจะเป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่ให้ผลแค่เล็กน้อย แต่ก็ดีว่าเราไม่ได้ทำอะไรเลยครับ...

สุขสันต์วันสงกรานต์เช่นกันครับคุณเบิร์ด...

ขอให้พบเจอแต่สิ่งดี ๆ ในทุก ๆ วันครับผม...

ขอบคุณมากครับ...

หวัดดีครับ

แวะมาเยี่ยมครับผมช้าไปหน่อยคงไม่ว่ากันนะครับช่วงนี้งานยุ่งครับผม

ครับ...พี่โยชน์ P...

มาช้ายังดีกว่าไม่มาครับผม...

ขอบคุณมากครับ...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท