"ทำงานเสร็จแล้วก็เลิกไม่ต้องรอเทวดาบนสวรรค์วิมานมารับรู้ เพราะถึงเวลานั้นเทวดาก็กลับบ้านไปแล้ว"


มือกระบี่ชั้นหนึ่งในแผ่นดินมองท่วงทีของศัตรูอย่างระวัง ตวัดกระบี่ในมือเพียงฉับเดียวก็เข่นฆ่าฝ่ายตรงข้าม มือกระบี่ชั้นรองต้องประกระบี่ดังโคร้งเคร้งนานนับชั่วโมง ราวกับอยากบอกโลกว่า ข้าก็ใช้กระบี่นะโว้ย โลกรับรู้ แต่คมกระบี่ก็บิ่น ต้องเสียเวลาลับกระบี่อีกหลายวัน

วันแรกที่เข้าเรียนในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผมพบเรื่องอัศจรรย์อย่างหนึ่ง เมื่อรุ่นพี่บางคนบอกว่า "การอดนอนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเรียนในคณะนี้"   วันสุดท้ายในคณะนี้ ผมพบว่าตั้งแต่เรียนมาห้าปี ไม่เคยต้องอดนอนเลย ยกเว้นเมื่อต้องทำงานกลุ่ม ทั้งนี้มิใช่เพราะผมทำงานเร็วกว่าคนอื่น แต่เพราะผมไม่เชื่อในทัศนคตินั้น จึงพยายามพิสูจน์ว่ามันไม่จริง  และพบว่า การวางแผนที่ดีแก้ปัญหาได้ทั้งหมดแม้แต่การสร้างสรรค์งานศิลปะ  ที่น่าขันก็คือ น้อยคนที่อดนอนได้คะแนนดี ผมเป็นมนุษย์เงินเดือนมานานร่วมสามสิบปี ห้าปีในนั้นผมทำงานในต่างประเทศ เมื่อกลับมาเมืองไทย ผมพบเรื่องอัศจรรย์อีกเรื่องหนึ่ง นั่นคือหลายคนมองการก้าวเท้าออกจากสำนักงานตรงเวลาเป็นเรื่องประหลาดที่สุดในโลก (มิพักเอ่ยถึงการออกก่อนเวลาเมื่องานเสร็จแล้ว)

ผมรู้ความจริงภายหลังว่า คนจำนวนมากไม่ยอมออกจากสำนักงานตรงเวลา เพื่อแสดงให้เจ้านายเห็นว่า ตนเองขยันขันแข็ง ยิ่งอยู่ดึก ยิ่งเป็นพนักงานตัวอย่าง เสียสละเพื่อองค์กร น่ายกย่องชมเชย บ่อยครั้งมีผลถึงการได้รับโบนัสตอนท้ายปี เนื่องจากเจ้านายมักเห็นหน้าเห็นตาใครคนนั้นหลังเวลาเลิกงานแล้วเสมอ 

หากไม่เคยทำงานในต่างประเทศมาก่อน ผมอาจเข้าร่วมวงไพบูลย์ "มาสายกลับดึก"ด้วย แต่หลายปีในชีวิตการทำงานในประเทศที่มีประสิทธิภาพในการจัดการที่สุด ทำให้เห็นค่าเวลาทุกนาทีในชีวิต ผมกลับมองว่าคนที่อยู่ดึกเป็นประจำ คือ พวกไร้ประสิทธิภาพไม่สามารถทำงานให้เสร็จทันเวลา จึงต้องอยู่ดึก ยิ่งทำงานมากชั่วโมงยิ่งแสดงถึงการทำงานโดยไม่มีการวางแผน ไม่มองภาพรวม ลองคิดดู

การอยู่ดึกเพื่อทำงานพิเศษหนึ่งคืน หมายถึง ค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น เครื่องปรับอากาศทำงานมากขึ้น ค่าทะนุบำรุงสูงขึ้น ผลกระทบต่อคนทำงานคือพักผ่อนน้อยกว่าที่ควรเป็น ยิ่งอยู่ดึก ประสิทธิภาพของงานในวันถัดไปยิ่งตกต่ำลง

มือกระบี่ชั้นหนึ่งในแผ่นดินมองท่วงทีของศัตรูอย่างระวัง ตวัดกระบี่ในมือเพียงฉับเดียวก็เข่นฆ่าฝ่ายตรงข้าม มือกระบี่ชั้นรองต้องประกระบี่ดังโคร้งเคร้งนานนับชั่วโมง ราวกับอยากบอกโลกว่า ข้าก็ใช้กระบี่นะโว้ย โลกรับรู้ แต่คมกระบี่ก็บิ่น ต้องเสียเวลาลับกระบี่อีกหลายวัน งานดีอย่างเดียวไม่พอ ต้องตรงเวลาด้วย งานดีไม่มีทางเกิดขึ้นตามยถากรรมหรืออารมณ์ขึ้นลง ไปจนถึงความหนาแน่นรัดกุมของกฎเกณฑ์ "ตอกบัตร" ปริมาณเวลาในการทำงานชิ้นหนึ่งไม่ได้เป็นสัดส่วนกับคุณภาพของผลงานเสมอไปบ่อยครั้งเป็นปฏิภาคกัน หลายครั้งงานที่ให้เวลาน้อย กลับออกมาดีกว่างานที่ให้เวลามาก "คนเก่งไม่เรื่องมาก คนฉลาดจริงไม่มากเรื่อง" 

"ทำงานเสร็จแล้วก็เลิกไม่ต้องรอเทวดาบนสวรรค์วิมานมารับรู้ เพราะถึงเวลานั้นเทวดาก็กลับบ้านไปแล้ว"  

วินทร์ เลียววาริณ


[email protected]   


 
4-1-2005 

หมายเลขบันทึก: 66755เขียนเมื่อ 12 ธันวาคม 2006 17:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:41 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

 น้องอึ่งอ๊อบ

  • ครูอ้อยตรงกันข้ามกับหมอนี่หมดเลย  แต่เขาก็มีเหตุผลของเขานะ  น่าสนใจนะคะ
  • ชีวิตใคร  ชีวิตท่าน
  • ลอกเลียนแบบกัน..ไม่ได้

ขอบคุณค่ะ

หนูก็ไม่เห็นด้วยนะคะ เพราะต่างจิตต่างใจ ต่างเหตุผล คนเราได้รับมอบหมายงานต่างกัน เนื้องานต่างกัน และสิ่งแวดล้อมต่างกัน อย่างหนูเนี่ย เวลาเลิกงาน หรือช่วงเวลาที่คนอื่นไม่ทำงานน่ะ เป็นเวลาที่มีประโยชน์สุด เพราสามารถใช้ความคิดในการกรองออกมาเป็นเนื้องานได้อย่างดีที่สุดซึ่งทำไม่ได้ในเวลางาน เพราะเดี๋ยวการเงินโทร. นศ.มาปรึกษาเรื่องการฝึก(วันเป็นล้านรอบ) อจ.มาปรึกษาเรื่องโครงการ การไปนิเทศ การเดินทาง การเข้าพัก ฯลฯ แล้วก็ต้องมาเริ่มเข้าจับงานที่ทำเมื่อกี้ใหม่ ใครที่คิดจะเอางานที่ต้องการคุณภาพทำช่วงนั้นก็คงแย่ล่ะ คงไม่ได้ผลดีหรอก

แล้วอีกอย่าง หนูเป็นคนติดดินค่ะ ทำงานเป็นทั้งกรรมกร ผู้ดำเนินการจัดการ พร้อมผู้บริหารค่ะ แต่มั่นใจว่าได้ใช้เวลาของตนทำงานให้ออกมาดีที่สุด มีประสิทธิภาพที่สุดยิ่งกว่าคุ้มที่เค้าจ้างมาทำงานค่ะ (ถึงใครจะว่าโง่ หรือ..ที่เค้าใช้ไถนาก็ตาม) แต่เราก็ภูมิใจที่ได้ทำงานที่เรารักได้อย่างเต็มความสามารถค่ะ

น่าสนใจมากค่ะ

ตัวเองเป็นคนไม่เชื่อเรื่องการเซ็นชื่อเข้าทำงาน8 โมงและกลับ 4 โมง ว่าจะเหมาะกับงานที่ต้องใช้ความคิดของแต่ละคนค่ะ ..และกบฏความคิดคือไม่สนใจเวลาถูกผู้บริหารกระแนะกระแหนด้วยค่ะ

  • นั่นน่ะสิครับคุณสมพร ถ้ารอให้เจ้านายรับรู้หรือคนในสำนักงานรับรู้เขาคงจะกลับไปหลับอย่างสบาย
  • เมื่อก่อนผมเคยทำ เคยคิด เราเหนื่อยแทบตาย วันหยุดยาว ๆ เขากลับบ้าน ไปเที่ยวต่างจังหวัดกันสบาย ผมก็ต้องมานั่งทำงานงก ๆ ประชุม ทำวิจัย ลงพื้นที่ พอเวลาประมาณผลงาน "แย่เลย" คุณไปทำงานให้มหาวิทยาลัยฯ แสดงว่าคุณทำงานให้คณะน้อยลง เฮ้อ เศร้า
  • แต่ในทางกลับกัน พอเวลาผ่านมาสักระยะ ผมก็รู้ว่า "เทวดาในใจ" ของเรา ความสุขจากความสำเร็จ ความสุขจากการที่ได้ความรู้ได้ปัญญามากขึ้นครับ

ขอบคุณค่ะ ทำให้รู้ว่ายังมีคนคิดแบบนี้อยู่ เพราะช่วงที่ทำงานแล้วต้องรูดบัตร นั้น...

ยังสงสัยอยู่ว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงมายืนรอเวลา 4 โมงเย็น เพื่อรูดบัตรกลับบ้าน ในขณะที่อาจารย์ทำเป็นฟอร์ม นั่งเอ้อละเหยให้เลยสี่โมงเย็น (แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรต่อมาก) แล้วค่อยรูดบัตรกลับบ้าน ดูว่าทำงานใช้สมองเลยไม่ต้องรีบร้อนกลับ ดูว่าเป็นคนงานยุ่งงานเยอะ ดูว่าคนกลับเร็วไม่ค่อยทำงาน (แต่ถ้าเหตุผลจะได้ไม่ไปรถติดเวลาเดียวกัน...อ่ะเข้าท่าหน่อย ^__^)

เพื่ออะไร ก็เพราะยังมีหัวหน้างาน...บางคน ที่ยังดู % การทำงานประกอบในการขึ้นเงินเดือน !!!??!?! มีนะ... และทำให้บางคนเต้นกับการทำเวลาการทำงานเยอะๆ เพื่อให้...ดูว่า...ทำงานหนัก แต่ก็ทำงานเท่าเดิม

แต่ท่านที่อยู่ใน...ระบบเซ็นชื่อ ที่สามารถยึดหยุ่นเวลาการเซ็นได้ มาทำงานเฉพาะตอนที่มีงาน...สอน อาจจะมองภาพไม่ออกนะคะ ว่าคนทำงานเอกชน โดนจำกัดเรื่องเวลาอย่างไร

...พอมาอยู่ออสเตรเลีย... ทำให้เห็นการทำงานในหลายๆ หน่วยงาน ทั้งธนาคาร ร้านค้า ไปรษณีย์ และอื่นๆ เวลาเลิกงานคือเลิกงาน ไม่ต้องหอบเอาอะไรไปทำต่อที่บ้าน อยู่บ้านคือพักผ่อนอยู่กับครอบครัว วันหยุดคือหยุด เวลางานทำให้เต็มที่ เวลาพัก พักให้สบาย

พยายามทำแบบคนออสซี่บ้าง แต่...ยังเป็นโรคพะวักพะวง พยายามจะทำงานเวลาว่าง พอเวลาทำงานอยากจะพัก ฮ่าฮ่า เลยดูวุ่นวายต่อไป...ไม่ได้พักซะที

^____^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท