บ้านของผมสร้างในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ พ.ศ 2540 - 2541 ครับ ผมพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสในช่วงที่ผู้รับเหมาและช่างกำลังตกงาน ช่วงนั้นธนาคารไม่ปล่อยเงินกู้ โครงการก่อสร้างหยุดชะงัก ผู้รับเหมาไม่มีงาน ช่างทำงานแล้วถูกเบี้ยวค่าแรง ท้ายที่สุดก็หยุดงานกันถ้วนทั่ว ผู้รับเหมาเหลือไม่กี่ราย ที่อยู่ก็เลี้ยงช่างไว้ประมาณร้อยละ 10-20 เพียงเพื่อให้บริษัทมีชื่ออยู่ได้ ไม่หายไปจากวงการเท่านั้น ช่วงที่ธนาคารไม่ปล่อยกู้แต่ผมมีสหกรณ์ออมทรัพย์ของหน่วยงานยังปล่อยได้อยู่จึงใช้แหล่งทุนแหล่งเดียวที่เหลื่ออยู่นี่แหละให้เป็นประโยชน์ มีที่ดินอยู่ประมาณ 4 ไร่เศษ หาเพียงช่างมารับเหมา มีทางเลือก 2 ทาง คือ 1) ถ้าเราสร้างบ้านแบบจ้างช่างโดยซื้อวัสดุเอง จะเป็นภาระการวิ่งหาซื้อวัสดุ บางครั้งเราสั่งซื้อแล้วช่างยังแอบไปแบ่งเปอร์เซ็นต์จากร้านขายวัสดุก่อสร้างเสียอีก และอีกอย่างคือเราซื้อของแพงกว่าผู้รับเหมาแน่นอน ที่สำคัญถ้าช่างก็สร้างผิดพลาดเมื่อเราสั่งรื้อหรือทุบทิ้งเราเป็นผู้แบกรับค่าวัสดุที่เสียหายเอง 2) ให้ผู้รับเหมาทั้งค่าแรงค่าวัสดุ จุดอ่อนตามประเด็นแรกก็จะถูกขจัดออกไปหมด แต่เราอาจจะจ่ายแพงกว่าได้ จึงต้องมีช่องทางแก้ดังย่อหน้าถัดไปครับ
การจะก่อสร้างให้ได้ราคาถูกจะต้องมีการแข่งขัน ผมใช้วิธีเลียนแบบการประมูลของราชการ โดยขึ้นป้ายบนพื้นที่ก่อสร้าง ต้องการผู้รับเหมาก่อสร้าง แล้วให้เบอร์โทรศัพท์ไว้ ถ่ายแบบพิมพ์เขียวจำนวน 10 ชุด ใครสนใจให้เสนอราคา ซึ่งเขาจะมารับแบบจากผมพร้อมเงินมัดจำ 5,000 บาท ถ้าไม่มัดจำรับแบบแล้วอาจหายต๋อมไปเลย เมื่อเขามาเสนอราคา ผมจึงจะจ่ายเงินค่ามัดจำแบบคืน ผมไม่ใช้วิธีขายแบบก่อสร้างเหมือนราชการ เพราะผมไม่ต้องการให้แบบบ้านของผมแพร่หลายออกไปแล้วไปสร้างตามแบบที่ผมออกแบบครับ มีผู้สนใจมารับแบบไป 8 ราย และกลับมาเสนอราคาทั้ง 8 ราย ราคาที่เสนอเรียงตามลำดับ จากสูงไปหาต่ำ ดังนี้
2.2 ล้าน, 2.1 ล้าน, 1.95 ล้าน, 1.8 ล้าน, 1.65 ล้าน, 1.55 ล้าน, และ1.4 ล้าน จำนวน 2 ราย รวมทั้งหมด 8 ราย ผมเรียกผู้เสนอราคา 1.4 ล้านมาต่อรอง ทั้ง 2 ราย รายแรกไม่ยอมลดราคา แต่อีกรายยอมลดราคาให้ 50,000 เหลือ 1.35 ล้าน บาท ผมจึงตัดสินใจเซ็นสัญญากับรายที่ยอมลดราคาให้
มีผู้หวังดีหลายราย เมื่อทราบข่าวว่าผมเซ็นสัญญาสร้างบ้านกับผู้รับเหมารายนี้ เขาบอกว่าสุดๆ เลยครับ ให้ระวัง! ผมบอกว่าขอบคุณครับที่เตือน แต่ผมมีวิธีการควบคุมงานก่อสร้างให้ได้คุณภาพตามแบบและมาตรฐานทั่วไป ช่างหรือผู้รับเหมาจะเบี้ยวผมยากครับ เคล็ดลับมีดังนี้ครับ
- ส่วนที่ไม่เขียนไว้ในแบบ แต่เป็นความต้องการของเจ้าของบ้าน ให้เขียนบรรยายไว้ในรายการประกอบแบบ เช่น ข้อความ "เมื่อก่อสร้างเสร็จ ก่อนเบิกเงินค่าว่าจ้างก่อสร้างงวดสุดท้าย ผู้รับจ้างต้องปรับระดับพื้นให้เสมอระดับ 0.00 ความกว้างห่างจากตัวอาคาร 5.00 ม. พร้อมทำความสะอาดเศษวัสดุก่อสร้าง เก็บเครื่องมือออกจากพื้นที่ก่อสร้างให้หมด" ประโยคแค่นี้ ผู้ว่าจ้างทุ่นแรงไปเป็นพันเป็นหมื่นนะครับ เพราะส่วนใหญ่ เมื่อก่อสร้างเสร็จ ผมจะเห็นเจ้าของบ้านต้องเก็บกวาด เผาขยะกันหลายวัน เครื่องมือช่างประเภทที่หนักๆ เช่นโม่ปูน ปั้นจั่น ยังไม่เคลื่อนย้าย จะปรับปรุงพื้นที่ก็ไม่สะดวก บางรายทิ้งไว้เป็นปีเลย นึกภาพดูก็แล้วกัน
- ถ้าเป็นความบกพร่องของแบบ เขียนไว้ในสัญญาว่าผู้รับเหมากับเจ้าของบ้านต้องตกลงกันก่อน และให้บันทึกข้อตกลงไว้เป็นลายลักษณ์อักษรและให้เป็นส่วนหนึ่งของสัญญา
- การทำสัญญาจ่ายเงินงวด แบ่งซอยงวดงานออกให้มากที่สุด เพราะผู้รับเหมาจะได้นำเงินไปจ่ายค่าจ้างและค่าของ แต่กำหนดจ่ายตามสัญญาไม่เกินร้อยละ 80 ของมูลค่างาน เช่น เมื่อก่อสร้างฐานรากเสร็จ มูลค่างาน 100,000 ให้ทำสัญญาจ่ายได้ไม่เกิน 80,000 บาท ไม่ใช่เอาเปรียบครับ แต่ประสบการณ์ผมรู้ว่าผู้รับเหมาก่อสร้างส่วนหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นส่วนน้อย ถ้าทำงานไประยะหนึ่งมองเห็นกำไรชัดเจน เขาจะเอากำไรก่อน ทิ้งงานเขาก็ทำ เช่น ถ้าก่อสร้างฐานรากมูลค่า 100,000 แล้วผู้ว่าจ้างจ่ายเงินไป 200,000 เห็นกำไรชัดเจน 100,000 และมีแนวโน้มว่างานนี้ถ้าทำจนจบเขากำไรน้อยกว่าหรือขาดทุน เขาทิ้งงานเลยครับ เพราะทำงานแค่นี้ได้กำไร อยู่ไปก็ขาดทุน เทคนิคการทิ้งงานง่ายนิดเดียวครับ คือ ควบคุมงานมากก็อึดอัด ชวนทะเลาะ ท้ายที่สุดก็หายไปเฉยๆ เน้นว่า เป็นผู้รับเหมาและช่างส่วนน้อยนะครับ ช่างส่วนใหญ่เขาก็มีจริยธรรมสูงอยู่ แต่เราต้องกันไว้ก่อนเผื่อไปเจอประเภทส่วนน้อยไงครับ
- การก่อสร้างต้องเป็นไปตามขั้นตอน เช่น ก่อนจะวางแบบ ต้องตรวจวัดขนาด เช็คระดับให้ถูกต้องก่อน เมื่อจะเทคานหรือพื้น ค.ส.ล. จะต้องตรวจความถูกต้องของการผูกเหล็กก่อน เพราะทุกขั้นตอนเกี่ยวโยงกันหมด ตกลงกันไว้ก่อนว่าการทำโดยพละการหากไม่ถูกตามแบบเจ้าของสามารถสั่งรื้อหรือทุบทิ้งได้ ตอนแรกๆ ก็มีการลองของกันนิดหน่อยครับ คือก่อนผมจะออกไปทำงานปกติ เห็นมีการวางไม้แบบคานไว้เรียบร้อย ก็สั่งว่าเมื่อผูกเหล็กเสร็จอย่าพึ่งเทปูน ผมจะดูความถูกต้องของการผูกเหล็กก่อน เมื่อกลับมาจากทำงานไปดูการก่อสร้างพบว่าเทปูนไปแล้วครึ่งหนึ่ง และพบว่าการผูกเหล็กไม่เป็นไปตามแบบ เหล็กเสริมคาน 2 เส้น(เหล็กคอม้า)ด้านล่างขนาดผิดไป จากเหล็ก 5 หุน เป็นเหล็ก 4 หุน ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการรับน้ำหนักหายไปจากที่วิศวกรคำนวณไว้ โชคดีที่เขาเทคานไปไม่ตลอด ไปตรวจพบเสียก่อน เลยสั่งทุบปูนทิ้ง หากจะให้รื้อเหล็กออกผูกใหม่ดูจะโหดร้ายเกินไป จึงปรึกษากับเพื่อนที่เป็นวิศวกร เพื่อนบอกว่าให้เสริมเหล็ก 4 หุนเสริมเข้าไปอีก 2 เส้น พร้อมทั้งแนะวิธีการคำวณส่วนที่ขาดให้ คือ ให้คำนวณหน้าตัดขนาดเหล็กตามแบบ เทียบกับหน้าตัดเหล็กที่หายไป และคำนวณหน้าตัดเหล็กเข้ามาเสริม เมื่อรวมหน้าตัดเหล็กที่มีกับหน้าตัดเหล็กที่เสริมอย่าให้น้อยกว่าหน้าตัดเหล็กตามแบบ แค่นี้ก็ชดเชยกันได้ ไม่ต้องรื้อเหล็กที่ผูกผิดไป
- การก่อสร้างต้องมีกำหนดเสร็จที่ระบุไว้ชัดเจนแน่นอน ถ้าไม่เสร็จปรับวันละเท่าไร ให้ระบุให้ชัด ไม่เช่นนั้น คุณก็จะต้องจ่ายเงินเป็นแสนเป็นล้าน สองปีสามปีก็ยังไม่เสร็จ เงินไปจมอยู่เท่าไร ผมใช้วิธีถามเขาตอนมาเสนอราคาว่าจะเสร็จประมาณกี่เดือน เขาบอกว่า 1 ปีเสร็จ ผมแถมให้อีก 3 เดือน เซ็นสัญญาให้ใช้เวลารวม 15 เดือน เมื่อครบ 15 เดือน งานยังเหลืออีกประมาณร้อยละ 30 ผมใจดีขยายเวลาให้อีก 3 เดือน แล้วบอกว่าหลังจากขยายเวลาให้แล้วหากไม่เสร็จ ผมปรับวันละ 3,000 ตามสัญญา ซึ่งคำนวณแล้วเงินงวดสุดท้ายยังเหลืออีกสามแสนกว่าบาท ท้ายที่สุดเขาก็ก่อสร้างไม่เสร็จตามเวลาที่ตกลงกัน เลยไปอีก 25 วัน แต่ผมจะลดให้เหลือ 15 วัน ค่าปรับ สี่หมื่นห้า ผมแจ้งว่าผมปรับเต็มนะครับ ผมเสียโอกาสเข้าอยู่บ้านมา 6 เดือนแล้ว ฤกษ์ที่ดูไว้เป็นอันพลาดหมด เมื่อจ่ายงวดสุดท้ายผมก็หักเงินค่าปรับออกจากเงินงวดสุดท้าย แต่งานก่อสร้างก็เสร็จครับ ได้ตัวอาคารอย่างที่เห็นนั่นแหละครับ
หลังจากนั้นมาผมก็มุ่งมั่นที่จะจัดสวน ปลูกต้นไม้เอง ตามใจชอบ แล้วก็ค่อยๆ ทำมาตามที่เห็นนะครับ เน้นปลูกหญ้า เพาะพันธุ์ไม้ปลูกเอง ดูแลเอง
เคยได้ยินคำกล่าวของใครคนหนึ่งทางทีวีที่ปลูกต้นไม้มาตลอดชีวิตเป็นล้านต้น (ที่เป็นอดีตตำรวจนะครับ - จำชื่อไม่ได้) ท่านบอกว่า หากต้องการความสุขเดี๋ยวนี้ก็ให้กินเหล้า หากให้มีความสุขชั่วคืนก็ให้จีบสาว หากจะให้มีความสุขถาวรให้ปลูกต้นไม้ ผมเห็นจริงตามท่านว่า เมื่อสร้างบ้านเสร็จผมก็ปลูกต้นไม้ได้ความสุขแบบยั่งยืนจริงๆ ครับ
บ้าดังกล่าวผมออกแบบเองครับ วันหลังจะเขียนเรื่องการออกแบบบ้านให้นะครับ ถ้าสนใจ
ขอบคุณครับ
บันทึกนี้ดีมากเลยครับ เหมาะสำหรับผู้สร้างบ้านด้วยตนเองได้เรียนรู้ ปัญหาที่อาจพบได้ คนที่ไม่สันทัดเรื่องนี้ ต้องหาช่างรับเหมาที่ดีเชื่อถือได้
รอบคอบดีจังเลยครับ ยังไม่มีประสบการณ์แต่ดีใจที่จะได้เรียนรู้ จะได้ไม่ผิดหวังครับ
สวัสดีค่ะ คุณชนันท์
เรื่องปลูกบ้านนี่ ถ้าไม่มีความรู้ ก็แย่เลยนะคะ
ได้มาอ่านบันทึกนี้ จะเก็บไว้เป็นข้อมูล เผื่อมีโอกาสสร้างบ้านเป็นของตนเองบ้าง
ขอบคุณมากค่ะ หากมีเวลาอยากให้เขียนเล่าอีกค่ะ ^_^
ความใฝ่ฝันอันยิ่งใหญ่ของชีวิตในขณะนี้คือมีบ้านสักหลัง ..บริเวณบ้านมีพื้นที่ให้ชีวิตได้ท่องเล่นอย่างเสรี ..มีต้นไม้, สระน้ำเล็ก ๆ ให้ปูปลาได้ว่ายเล่น, มีต้นหมากและต้นมะพร้าวเยอะ ๆ ... รวมถึงพันธุ์ไม้ที่เก็บผลกินได้ และพื้นที่สำหรับผูกเปลใต้ร่มไม้ที่ครึ้มเขียว
ตอนนี้กำลังตัดสินใจเรื่องการปลูกบ้านอยู่กลางทุ่ง ...
เป็นความฝันที่อยากให้เป็นจริงมาก ๆ เลยครับ
ตอบ พันคำ, คุณขจิต, คุณมะปรางเปรี้ยว ขอบคุณที่ให้กำลังใจเขียนครับ ผมมีประสบการณ์เรื่องเหล่านี้พอควรครับ ลองตามไปอ่านได้ครับ ถ้ามีคนสนใจก็จะเขียนให้อีกครับ
ตอบ คุณแผ่นดิน กลางทุ่งนา เป็นที่ที่อากาศถ่ายเทดีครับ บ้านของผมหันหน้าไปทิศตะวันตก หันหลังพิงเขา ผลก็คือในฤดูร้อน ลมตะวันออกโดนภูเขาบัง เชื่อว่าถ้าคุณแผนดินสร้างกลางทุ่งลมโกรกสบายครับ ผมเขียนเรื่องเกี่ยวกับแนวคิดและประสบการณ์จากการสร้างบ้านไว้ จากหลังที่ 1 ผิดพลาดอย่างไร หลังที่ 2 ผิดพลาดอีก จนมาสร้างหลังที่ 3 จึงแก้ข้อผิดพลาดก่อนหน้านั้นได้ แม้ไม่หมดแต่ก็ดีกว่าเดิมเยอะครับ ลองเข้าไปดูนะครับ เผื่อเก็บประโยชน์เอาไปใช้ได้บ้างครับ
อยากทราบว่าบ้านมีขนาดเท่าไรคะ เพราะดิฉันกำลังจะสร้างบ้าน ตอนนี้ให้สถาปนิกออกแบบอยู่ขนาดเนื้อที่ใช้สอยประมาณ 230 ตารางเมตร คุณคิดว่าจะสร้างได้ในราคาเท่าไร
ตอบคนอยากมีบ้าน ขออภัยที่มาตอบช้าครับ บางทีไม่ได้มาดูนานๆเลยช้าไปหน่อย วิธีการคำนวณราคาหากทราบพื้นที่ใช้สอย ปัจจุบันราคาน่าจะอยู่ที่ ตรม.ละ 10,000 บาท 230 ตรม. = 230 X 10,000 = 2,300,000 บาท ครับ ลองถามช่างที่กำลังเขียนแบบนะครับ ว่าขณะนี้การก่อสร้างบ้าน ตรม. ละกี่บาทแล้ว ขึ้นอยู่กับคุณภาพวัสดุ ฝีมือความละเอียดละออของช่างและของแบบด้วยครับ ค่าแรงก่อสร้างของช่างแถวปัตตานีเขาจะคิดประมาณ ตรม. ละ 1,700 - 2,000บาทครับ ที่อื่นอาจถูกหรือแพงกว่า หาข้อมูลเองนะครับ สำหรับบ้านผมพื้นที่กี่ตารางเมตรแล้วไม่ทราบ จำไม่ได้แล้วครับ ตอนนั้นผู้รับเหมาค่าแรงเขาเหมาค่าแรงต่ออีกช่วงในราคาประมาณ 400,000 บาท ดังนั้น ค่าวัสดุจึงประมาณ 950,000 บาท + ค่าทำไฟฟ้าอีกประมาณ 100,000 บาท ครับ เบ็ดเสร็จไม่เกิน 1,500,000 บาทครับ
สวัสดีคร้าฟฟฟฟ คุณชนันท์
แอบเข้ามาหาความรู้ครับ...
เยี่ยมมากเลย ผมกำลังอยากมีบ้านใหม่สักหลังอยู่พอดี
รู้สึกว่าคุณชนันท์จะเชี่ยวชาญด้านนี้อยู่มาก...
ยังไงผมขอศึกษา และขอปรึกษาท่านด้วยนะคร้าฟฟฟ
ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ...
เข้ามาเยี่ยมชมไว้ก่อน
แล้วจะกลับมาอ่านโดยละเอียดอีกครั้งนะครับ