ผมเคยเขียนเรื่อง พื้นที่นาร้างในจังหวัดปัตตานี ไว้เมื่อ มกราคม 2551 โดยได้แจงสภาพปัญหาว่า ทำไมนาข้าวจึงร้างไม่มีข้าว แต่ก็เป็นความรู้เพื่อรู้กันเท่านั้นเอง ไม่มีเจ้าภาพดำเนินการเพื่อปลดปล่อยให้นาไม่ร้าง ในช่วงที่ผ่านมายังไม่มีอะไรคืบหน้า ทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเคลื่อนไหว ขณะที่ผมเขียนตอนนั้น ราคาข้าวสารถังละ 220 บาท ตอนนี้(มิ.ย.51) ราคาถังละ 420 บาทแล้ว ชาวบ้านมีการเคลื่อนไหวที่จะบุกเบิกนาร้างกันแล้ว แต่ปัญหาการเข้าพื้นที่ทำกินยังไม่ได้รับการแก้ไข
ในแผนที่ แสดงพื้นที่เป้าหมาย ถนนที่ผ่ากลางแผนที่ในแนวดิ่ง เป็นทางหลวงชนบทสาย ปน 2003 บ้านปรัง - โคกโพธิ์ สีเขียวๆ แสดงพื้นที่นาร้าง จะเห็นลำคลองและลำเหมืองล้อมท้องทุ่งรอบทุกด้าน ในแผนที่แสดงจุดฝังท่อที่ต้องการครับ
เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 51 ผมตัดสินใจทำหนังสือถึงผู้ว่าฯ สำเนาเดียวกันเรียนนายอำเภอ และนายก อบต.
ภาพแสดงให้เห็นทางเข้าออกพื้นที่ทำกินดังกล่าวครับ เป็นทางข้ามลำเหมืองขนาดกว้างประมาณ 3 เมตร
สะพานไม้ที่เห็นพึ่งซ่อมช่วงหลังฤดูเก็บเกี่ยวที่ผ่านมา แค่รถไถเดินตามก็ไม่กล้าข้ามแล้วครับ กลัวพังลงมา ภาพล่างแย่กว่าครับ เดินข้ามสะพานไม้หมากสองท่อนอย่างที่เห็นครับ
เป็นทางเดินข้ามที่ข้ามได้เฉพาะคนครับ รถทุกชนิดไม่มีสิทธิ์ ถ้าตกลงไปในร่องน้ำนั่น น้ำจมเครื่องยนต์นะครับ
จากการติดตามผล ว่าการตอบสนองจะเป็นอย่างไร ได้ผลดังนี้ครับ
ก็คอยดูกันต่อไปครับ ทุกเรื่องขอให้มีความคืบหน้าก็เป็นที่พอใจของชาวบ้านแล้วครับ
ไม่ว่าประเทศชาติจะพัฒนาไปไกลด้วยเทคโนโลยีสักแค่ไหน.
แต่เราก็ต้องไม่ลืมคนส่วนใหญ่ของประเทศ
และนั่นก็หมายถึง ชาวนา หรือเกษตรกร นั่นเอง
ถ้าคนส่วนใหญ่ของประเทศยืนได้ อยู่ได้ ประเทศชาติก็เจริญ และอยู่ได้ ขอบคุณนะคะ
ขอบคุณแผ่นดิน และ Ranee ครับ ที่ดินแถวนั้นของผมไม่มีสักแปลงจริงๆ ครับ ที่ดำเนินการนั้นเพื่อชาวบ้านจริงๆ ครับ แล้วก็ไม่เคยคิดสมัครรับเลือกตั้งอะไรด้วยเลย ได้ทำให้เขาสะดวกขึ้น ก็จะเป็นโอกาสลดนาร้างลงได้ แค่นี้ก็ดีใจแล้วครับ