แวะเข้ามาทักทายครับ
สามารถ update ข้อมูล เพื่อการเพิ่มผลผลิต "นาดำ" แบบครบเครื่อง ได้ที่ บลอก ต้นกล้า ครับ
ขอบคุณครับ / กำลังต้องการข้อมูลอยู่พอดีครับ
จุดเด่นของข้าวพันธุ์นี้คือสิ่งใดครับ หรือว่าเหมือนกับพันธุ์อื่นๆ
สวัสดีครับ
ก่อนการปักดำด้วยรถดำนา ขอให้เช็คก่อนนะครับว่าสภาพดินที่เหมาะสมก่อนดำด้วยเครื่องนั้นควรเป็นอย่างไร
1.ควรเช็คก่อนว่าดินในแปลงที่จะดำนั้นเป็นดินเหนียวหรือดินเหนียวปนทราย วิธีเช็ค
ให้เอาดินในนามาบดแล้วบรรจุในขวดน้ำ เติมน้ำด้วย เสร็จแล้วให้เขย่า แล้วปล่อยให้ตกตะกอน
การสังเกตุ : เมื่อตกตะก่อนแล้วปรากฏว่าทรายมากกว่าดิน หรือดินมากกว่าทราย (ในขวด) ที่มีมากก็คือดินนั้นๆ
2.เมื่อรู้ว่าดินอะไรแล้ว ให้เช็คความตึงของหน้าผิวดินก่อนปักดำ ดังนี้
2.1 ถ้าเป็นดินทราย ให้ใช้ปลายนิ้วมือจะเป็นนิ้วชี้ก็จะดี ตวัดไปที่ผิวดินในแปลงปักดำ ให้ดูผลคือ
ถ้าตวัดไปแล้วยังเป็นรอยนิ้วเต็มๆ แสดงว่าหน้าดินตึงและแข็งเกิน ไม่เหมาะแก่การปักดำ ถ้าดำไปรับรองกล้าลอยอยู่บนดิน
ถ้าตวัดแล้วดินไหลกลบมิดอย่างเร็ว แสดงว่าเหลวไป ให้รอก่อน ถ้าขืนดำรับรองกล้าล้มหรือมิดจมโคลน
ถ้าตวัดแล้วดินไหลมากลบครึ่งหนึ่งของรอย นั้นแหละครับเหมาะสมที่สุด ดำมากอตั้งตรงสวย ดำไม่ลึกมาก แตกกอดี
2.2 ถ้าเป็นดินเหนียว ให้ใช้ลูกกอล์ฟ หรือทำดินให้เป็นก้อนเท่าลูกกอล์ฟหรือลูกมะนาว ยืนแล้วปล่อยโยนที่ระดับความสูง 1 ม.
ถ้าหลังโยนแล้ววางอยู่บนผิวดินแบบไม่ยุบเลย แสดงว่าหน้าดินตึงและแข็งเกินไป
ถ้าหลังโยนแล้วจมหายไปในดิน ก็หน้าดินเหลวจนเป็นวุ้น ก็ต้องรอก่อน
ถ้าหลังโยนแล้วจมครึ่งโผล่ครึ่ง นั้นแหละเหมาะสมที่สุด
ถ้าหน้าดินแข็งเกิน การแก้ไขต้องเตรียมแปลงใหม่ ครับ
สำคัญที่สุด ก่อนดำต้องป้องกันหอยเชอรี่ก่อน ถ้าดำต้นกล้าขณะที่หอยเต็มแปลง พรุ่งนี้รับรองไม่เหลือ
ใช้รถดำนา ไม่ใช่ยาวิเศษครับ เราต้องศึกษาและให้ความสำคัญเรื่องเทคนิคการป้องกันและดูแล รับรองคุ้มค่าแน่นอน ครับ
ตอบ 4.
Ico32
อ้ายต๋อง ใจ๊หัวออกแฮง ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ กำลังต้องการข้อมูลจากผู้รู้ออยู่พอดีเลยครับ สงสันนิดหนึ่ว่า การทดสอบผิวดิน(เทือก) ต้องเปิดน้ำออกหมดไหมครับ / ดำทั้งน้ำได้ไหม? หรือต้องเปิดน้ำออกให้แห้งสนิท?
ตอบ คุณโสภณ
จุดเด่นของข้าวพันธุ์นี้ คลิกที่นี่ครับ หรือที่นี่ก็มีข้อมูลให้ศึกษา
คุณชนันท์ การเช็คสภาพดินที่เหมาะสมกับการปักดำของรถดำหลังการทำเทือก
1.ไม่ต้องปล่อยน้ำจนหมดแปลง แค่ท่วมหลังมือก็พอ เพราะน้ำคือหัวใจของการควบคุมวัชพืช
2.ระดับน้ำที่รถดำนาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพคือ ท่วมหลังมือ แต่ก็สามารถดำได้ที่ระดับน้ำลึกไม่เกิน 10 ซม.
3.ระดับน้ำที่พอดี สามารถดำที่ความเร็วสูงได้ แต่จะให้ดีคือ 0.8 ม./วินาที(ระดับที่คนเดินทำงานแล้วไม่รู้สึกเหนื่อย) ถ้าลึกต้องช้าๆ 4.การเช็คความตึงหน้าดินก็คือระดับน้ำที่เรามองเห็นได้ครับ(ท่วมหลังมือดีที่สุด) รถดำของคุณชนันท์ เป็นยี่ห้ออะไรและรุ่นไหนครับ มันมีเทคนิคอีกพอสมควร (ผมมีของคูโบต้าทั้งเดินตามและนั่งขับ) แชร์ให้ได้ ข้าวเกรียบปลาปัตตานี หร่อยจังหู้ ต้นตำรับเป็นของปัตตานีหรือไม่ เห็นทอดที่ปทุมฯเยอะแต่ก็พิมพ์ว่าข้าวเกรียบปลาปัตตานี
ขอบคุณครับ คุณอ้ายต๋อง
1) ผมซื้อคูโบต้าเดินตามป้ายแดงมาครับ ผ่อนไป 12 งวดแล้ว ยังไม่เคยดำ เพราะติดที่วัสดุเพาะ ไม่มีแกลบดำครับ ปีที่แล้วซื้อรถดำนามาเพื่อเป็นแรงขับในการหาความรู้ ปีนี้เลยเริ่มต้นแบบเริ่มจากศูนย์(ซีโร่)
2) ข้าวเกรียบปลาปัตตานี เป็นสูตรเฉพาะของชาวบ้านที่ี่ครับ เขาใช้"ปลาหลังเขียว" ซึ่งมีมากหน้าอ่าวปัตตานี ชนิดที่ตกเบ็ดพวงใช้เหยื่อปลอมโสก ได้คราวละเป็นสิบตัว เรียกว่าเป็นพวงเลยครับ เมื่อสิบปีที่แล้วผมพักผ่อนเสาร์-อาทิตย์ ทำบาปอยู่ในทะเลครับ ก่อนขึ้นบกมาทำนา เข้าใจว่าแถวปทุมที่ทอดข้าวเกรียบปลาปัตตานีนั้น เขาสั่งข้าวเกรียบที่ตากแห้งแล้วไปทอดขายครับ ผมเคยส่งไปให้ญาติที่ลำพูนขายเหมือนกันใช้วิธีนี้ครับ ทำที่อื่นคงลำบากตรงที่วัตถุดิบ "ปลาหลังเขียว" คงหายาก นอกจากเมืองติดทะเล (เช่น สมุทรสาคร) อยากทานข้าวเกรียบปลา อีเมล์ที่อยู่มาให้ซิครับ ผมจะส่งไปให้ลองชิม แล้วลองเปรียบเทียบดูว่าเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
3) อยากมาเที่ยวปัตตานียินดีต้อนรับครับ ไม่ได้รุนแรงอย่างที่เป็นข่าวครับ ที่นี่มีนาร้างเยอะ ผมกำลังเอาตนเองเข้าต่อสู้กับนาร้าง(ของชาวบ้าน)อยู่ครับ ลงมือทำเป็นตัวอย่างแล้วค่อยขยายผล จัดหาและลงทุนเทคโนโลยีด้วยตนเอง ไม่เรียกร้อง(จากรัฐ) ไม่สนใจว่าใครจะเห็นหรือไม่ ผมเชื่อใน ทำคือธรรม ครับ
เมื่อเช้า 28 ต.ค. 53 หลังจากเริ่มลงเมล็ดพันธุ์ 5 วัน ออกไปดูกล้าถาดที่เพาะไว้ พบว่างอกแล้ว สูงประมาณ 1-2 ซ.ม. โดยส่วนใหญ่ก็งอกสม่ำเสมอดี มีประมาณ 10 ถาด ที่วางไม่ถึงน้ำจึงยังไม่งอก พึ่งแตกราก แสดงว่าความชื้นยังไม่พอ เลยย้ายถาดให้ลงในน้ำแฉะๆ ลึกประมาณ 1/2 ของความสูงถาด อีกทั้งพบว่าถาดที่โรยทับหนาๆ กล้างอกดีกว่าถาดที่โรยบางๆ เมื่อโดนน้ำแล้วโผล่เมล็ด แสดงว่าถ้ากลบเมล็ดให้หมดอาจจะงอกดีกว่า ได้สมมุติฐานความรู้ใหม่แล้วครับ
ดีครับ อย่ารอเลย Gov ไหนๆก็เห็นธรรมแล้ว ก็มีคติให้ "ความสำเร็จต้องสร้างบนความสำเร็จล่วงหน้า"
มีปัญหาเรื่องแกลบดำมาเพาะกล้า เห็นใจเหมือนกันจะแนะนำดิน ก็ 4 แดด 8 ฝนอีก แต่ก็อดแนะนำไม่ได้ เอาไปเลย
นำดินย่อยตากให้แห้งพอจะบดด้วยเครื่องได้ และหาแกลบดิบเก่าค้างปีมาผสมอัตรา ดิน 1 : แกลบ 2 (โดยปริมาตร)ผ่านเครื่องบด
ให้ละเอียด ก็สามารถใช้เป็นวัสดุเพาะและมีน้ำหนักเบาหน่อย ผ่านกระบวณการเพาะปกติ รับรองต้นกล้างอกมาอวบ แข็งแรงกว่า
แกลบดำเพียว(พอดีผมชอบทดลอง ก็เอาต้นกล้าที่พร้อมดำ ทั้ง 2 วัสดุเพาะ มาตากให้แห้งแล้วชั่งน้ำหนัก ผลกล้าที่เพาะแบบดิน
ผสมมีน้ำหนักมากกว่าแกลบดำ 26% แสดงว่ากล้าแข็งแรงกว่า)
ส่วนเตาเผาแกลบ ผมรู้จักอาจารย์เกษตรบางพูน ท่านมีเตาเผาแบบกุนตัง เดี๋ยวหาได้แนะนำอีกที
อื่นๆดีครับมันต้องมีความเป็นนักวิทย์ฯด้วย ข้าวถ้างอกต้องระวังแดดแรงเผารากที่โผล่มาอาบแดดนะครับ รากแรกตายเม็ดนั้นตาย
รีบเอาแกลบดำปิดรากทันที อย่าให้วัสดุเพาะแห้งแรกๆให้น้ำครึ่งถาด จนกว่าใบแรกโผล่มาบานก่อนค่อยให้น้ำท่วมขอบถาด
ขอบคุณสำหรับข้อมูลข้าวเกรียบ ผมเป็นคนเหนือนี่แหละที่ผมฝันอยากไปสักครั้งเพราะใต้สุดผมไปแค่หาดใหญ่
วันทีผมบันทึกนี่ (2 พ.ย. 53 ตีสองเศษ) ถาดกล้าคงจะเรียบร้อยลอยหายวับไปกับสายน้ำแล้ว ครั้งสุดท้ายที่ไปดู คือ 18.00 น. ของเย็น 31 ต.ค. 53 เพราะเห็นฝนตกหนักติดต่อกันสองวัน ส่วนใหญ่ เห็นกล้างอกดีสูงประมาณ 1-2 นิ้ว มีประมาณ 5-7 ถาดไม่งอกเลย คงเป็นเพราะรากโดนแดดอย่างที่ว่านั่นแหละ เพราะหว่านเมล็ดเสร็จเอาออกแปลงเลย แถมกลบแกลบน้อยอีกต่างหาก
วันที่ 1 พ.ย. 53 ผมกลับจากทำงานพบว่าน้ำทั้งทุ่งนองขาวโพลน คิดว่าถาดกล้า 200 ใบ คงจะลอยหายวับไปกับสายน้ำแล้ว หรือถ้ายังอยู่บางส่วนคงเน่าตายเรียบ เย็นวันที่ 2 พ.ย. 53 น้ำยังสูงอยู่ พึ่งลดลงจากที่เคยสูงสุดประมาณ 50 ซ.ม. เมื่อบ่ายสามถึงห้าโมงเย็น ต้องออกแรงเปิดประตูระบายน้ำ ช่วยกัน(จริงๆ) 4 คน จนท.ของชลประทาน 2 คน ผมกับชาวบ้านอีก 2 คน เปิดได้ประมาณเมตรเศษ แต่น้ำไหลได้เต็มที่แล้วแหละ เช้าเดี๋ยวค่อยไปดูอีกทีว่าจะโผล่ไหม คืนนี้ทั้งคืนจัดว่าฝนหยุดแล้ว มีโปรยปรายนิดหน่อย
พูดถึงหาดใหญ่หนักหนาสาหัสกว่าเยอะครับ แม้เขาไม่ได้ปลูกข้าวแต่ก็เสียหายมากกว่า ของผมถาดหายไปเพียง 200 ใบ ของเขาหายไปทั้งเนื้อทั้งตัว หมดเนื้อหมดตัวไง
เสาร์ที่ ๖ พ.ย. ๕๓ ไปสำรวจมาแล้ว ลอยน้ำหายไป ๗๐ถาด เก็บคืนมาได้ ๒๐ ถาด ติดอยู่ตามสมทุมพุ่มไม้ และที่ไม่ลอยตามน้ำเพราะมีรากชอนลงตามรูเล็กๆ ยึดติดกับพื้น ๑๓๐ ถาด