"ตำนานแห่งเสรีภาพ และหนทางแห่งการภาวนา" เป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งของท่าน เชอเกียม ตรุงปะ รินโปเช เป็นหนังสือเล่มที่ผมอ่านบ่อยที่สุดของเดือนนี้ครับ (แต่ตอนนี้ก็ยังอ่านไม่จบอยู่ดี) ผมคิดว่า หนังสือเล่มนี้เหมาะกับท่านมือใหม่ทั้งหลายที่สนใจจะเริ่มต้นฝึกปฏิบัติวัชรยานอย่างยิ่ง แต่สำหรับผู้อ่านมือเก่านั้นอาจไม่สนุกนัก เพราะดูเหมือนว่า หนังสือจะสอนตั้งแต่แนวคิดขั้นพื้นฐานและค่อย ๆ ไต่ระดับสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ผมคิดว่า เป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งที่ไม่ควรพลาด สุดยอดมากครับ โดยเฉพาะในเนื้อหาส่วนที่ว่าด้วย "สีหนาทบันลือ" ที่จะนำมาถอดบทเรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ดังต่อไปนี้ครับ
สีหนาทบันลือนั้น ได้แก่ การประกาศก้องอย่างไรความหวาดกลัวว ว่าทุกสภาวจิตรวมถึงทุกห้วงอารมณ์เป็นสิ่งที่ใช้การได้ เป็นดังสิ่งที่เฝ้าเตือนเราในการฝึกฝนสมาธิภาวนา เราเริ่มตระหนักว่าสถานการณ์อันปั่นป่วนสับสน หาใช่สิ่งที่ต้องถูกปฏิเสธไม่ เราหาได้ตีตรามันว่าเป็นตัวถ่วง เป็นสิ่งฉุดรั้งเรากลับสู่วังวนอันสับสน เราจะต้องเคารพในทุกสิ่งที่อุบัติในสภาวจิตของเรา ความปั่นป่วนสับสนได้ถูกมองว่าเป็นดังข่าวสารอันประเสริฐ
วันเสาร์ที่ผ่านมามีบุญได้ไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพท่านหลวงตาพวง ที่จังหวัดยโสธร เมื่อวันอาทิตย์ได้ไปสอนที่บุรีรัมย์ ตอนเดินทางกลับจึงแวะไปกราบศพท่านหลวงปู่จันทร์แรม ทำให้รู้สึกว่าจิตใจมีสติ สมาธิ และมีปัญญา วิวัฒน์ขึ้นอย่างมากครับ ทำให้อ่านหนังสือเข้าใจได้ดียิ่งขึ้นครับ
ผมเข้าใจว่า "การวิปัสสนาในชีวิตประจำวัน" เป็นวิธีการฝึกฝนสมาธิภาวนา ที่เหมาะกับยุคสมัยปัจจุบัน เพราะป่าและที่สัปปายะหรือที่สงบเริ่มหายากมากขึ้น ผู้คนในปัจจุบันต้องดิ้นรนทำงานหัวเป็นน็อตตัวเป็นเกลียวทำให้ไม่มีเวลานั่งสมาธิตามรูปแบบได้ง่ายนัก
การวิปัสสนาในชีวิตประจำวันนั้น ถ้าดูผิดเผินอาจดูเหมือนว่า ทำให้ก้าวหน้าได้ช้ากว่าวิธีการอื่น ๆ โดยเฉพาะในช่วงของการฝึกปีแรก ๆ นั้น จะพบว่า การต่อสู้ระหว่างกิเลสตัณหากับธรรมนั้น ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะอยู่บ่อยครั้ง
เมื่อฝึกไปเรื่อย ๆ หลายท่านจะพบว่า ภูมิธรรมจะแข็งแรกขึ้นเรื่อย ๆ และจะเอาชนะทุกข์ทางโลกได้บ่อยขึ้นมากขึ้น แต่ก็ยังพบว่า ถ้าภูมิธรรมแพ้ให้กับเจ้าปัญหาทางโลกคราใด ความคิดและจิตใจก็จะกลับมาวุ่นวายเหมือนเช่นเคยดั่งปุถุชนทั่ว ๆ ไป
เมื่อฝึกมาอีกสักพัก เราจะพบว่า เราสามารถเล่นกับอารมณ์ได้ดีมากขึ้น ท่านอาจจะสามารถเต้นรำกับอารมณ์ได้บ้างในบางครั้งคราว
...หนังสือเล่มนี้จะแนะนำวิถีแห่ง "สีหนาทบันลือ" ที่จะทำให้ท่านเต้นรำได้ดีขึ้นกับทุกอารมณ์ แปรเปลี่ยนจากที่เคยคิดว่าอารมณ์เป็นตัวถ่วงที่ดึงท่านกลับมาวุ่นวายสับสนแบบเดิม ๆ เยี่ยงปุถุชนทั่วไป ศาสตร์ที่จะฝึกให้ท่านแปรเปลี่ยนทุกอารมณ์ให้กลายเป็นพลังที่ใช้การได้...
มีขั้นตอนหลายขั้นตอนในการสัมพันธ์กับอารมณ์ อันได้แก่ ขั้นตอนแห่งการเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การสัมผัส และขั้นตอนแห่งการแปรเปลี่ยน
สิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้นกับจิตอันเวียนว่าย ย่อมถือเป็นมรรควิธี เป็นสิ่งที่นำไปใช้การได้
สวัสดีค่ะท่าน อ.ดร.
ขอบคุณวิถี สีหนาทบันลือ เป็นมรรควิธีที่ยอดเยี่ยมค่ะ
ศศินันท์
สวัสดีครับ อ.ศศินันท์
ปาฏิหารแห่งการตื่นรู้อยู่เสมอ...ของท่านอาจารย์ ติท นัท ฮัน ก็ดีนะครับอาจารย์ เหมาะกะจิตปัญญาดี
นมัสการพระคุณเจ้า
lสวัสดีค่ะอาจารย์ ไม่ค่อยทราบความหมายของศัพท์ทางพุทธศาสนาเท่าไร รู้แต่ว่าการจะทำอะไรต้องมีสติเพราะสติมาปัญญาก็เกิด
แต่ก่อนไม่ทราบหรอกว่า ถ้าสติมาปัญญาเกิดเพราะเราอาจจะยังไม่มีสมาธิถึงขั้นนั้นก็เลยไม่ค่อยเข้าใจความหมายแต่พอได้ปฏิบัติจริงเเล้วไม่น่าเชื่อว่าเราสามารถปล่อยวางได้ไม่น่าเชื่อเลยแต่ก็เป็นไปแล้ว และยังนึกว่าทำไหมเราไม่ทำตั้งแต่ก่อน พึ่งรู้ซึ้งถึงคำว่าอิ่มบุญเป็นยังไง เพื่อนๆคนไหนไม่เชื่อก็ลองปฏิบัติดู จะรู้ว่านรก สวรรค์เป็นยังไง มีจริงไหม ทำอะไรก็ดีไปหมดเพราะเราปล่อยวางมันได้
สาธุ สาธุ ครับ