สีหนาทบันลือ (2) : ทุกข์ห้วงอารมณ์ใช้การได้


 

 

             "ตำนานแห่งเสรีภาพ และหนทางแห่งการภาวนา" เป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งของท่าน เชอเกียม ตรุงปะ รินโปเช เป็นหนังสือเล่มที่ผมอ่านบ่อยที่สุดของเดือนนี้ครับ (แต่ตอนนี้ก็ยังอ่านไม่จบอยู่ดี) ผมคิดว่า หนังสือเล่มนี้เหมาะกับท่านมือใหม่ทั้งหลายที่สนใจจะเริ่มต้นฝึกปฏิบัติวัชรยานอย่างยิ่ง แต่สำหรับผู้อ่านมือเก่านั้นอาจไม่สนุกนัก เพราะดูเหมือนว่า หนังสือจะสอนตั้งแต่แนวคิดขั้นพื้นฐานและค่อย ๆ ไต่ระดับสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ  ผมคิดว่า เป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งที่ไม่ควรพลาด สุดยอดมากครับ โดยเฉพาะในเนื้อหาส่วนที่ว่าด้วย "สีหนาทบันลือ" ที่จะนำมาถอดบทเรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ดังต่อไปนี้ครับ

สีหนาทบันลือนั้น ได้แก่ การประกาศก้องอย่างไรความหวาดกลัวว ว่าทุกสภาวจิตรวมถึงทุกห้วงอารมณ์เป็นสิ่งที่ใช้การได้ เป็นดังสิ่งที่เฝ้าเตือนเราในการฝึกฝนสมาธิภาวนา เราเริ่มตระหนักว่าสถานการณ์อันปั่นป่วนสับสน หาใช่สิ่งที่ต้องถูกปฏิเสธไม่ เราหาได้ตีตรามันว่าเป็นตัวถ่วง เป็นสิ่งฉุดรั้งเรากลับสู่วังวนอันสับสน เราจะต้องเคารพในทุกสิ่งที่อุบัติในสภาวจิตของเรา ความปั่นป่วนสับสนได้ถูกมองว่าเป็นดังข่าวสารอันประเสริฐ

            วันเสาร์ที่ผ่านมามีบุญได้ไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพท่านหลวงตาพวง ที่จังหวัดยโสธร เมื่อวันอาทิตย์ได้ไปสอนที่บุรีรัมย์ ตอนเดินทางกลับจึงแวะไปกราบศพท่านหลวงปู่จันทร์แรม ทำให้รู้สึกว่าจิตใจมีสติ สมาธิ และมีปัญญา วิวัฒน์ขึ้นอย่างมากครับ ทำให้อ่านหนังสือเข้าใจได้ดียิ่งขึ้นครับ

             ผมเข้าใจว่า "การวิปัสสนาในชีวิตประจำวัน" เป็นวิธีการฝึกฝนสมาธิภาวนา ที่เหมาะกับยุคสมัยปัจจุบัน เพราะป่าและที่สัปปายะหรือที่สงบเริ่มหายากมากขึ้น ผู้คนในปัจจุบันต้องดิ้นรนทำงานหัวเป็นน็อตตัวเป็นเกลียวทำให้ไม่มีเวลานั่งสมาธิตามรูปแบบได้ง่ายนัก

             การวิปัสสนาในชีวิตประจำวันนั้น ถ้าดูผิดเผินอาจดูเหมือนว่า ทำให้ก้าวหน้าได้ช้ากว่าวิธีการอื่น ๆ โดยเฉพาะในช่วงของการฝึกปีแรก ๆ นั้น จะพบว่า การต่อสู้ระหว่างกิเลสตัณหากับธรรมนั้น ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะอยู่บ่อยครั้ง

             เมื่อฝึกไปเรื่อย ๆ หลายท่านจะพบว่า ภูมิธรรมจะแข็งแรกขึ้นเรื่อย ๆ และจะเอาชนะทุกข์ทางโลกได้บ่อยขึ้นมากขึ้น แต่ก็ยังพบว่า ถ้าภูมิธรรมแพ้ให้กับเจ้าปัญหาทางโลกคราใด ความคิดและจิตใจก็จะกลับมาวุ่นวายเหมือนเช่นเคยดั่งปุถุชนทั่ว ๆ ไป

            เมื่อฝึกมาอีกสักพัก เราจะพบว่า เราสามารถเล่นกับอารมณ์ได้ดีมากขึ้น ท่านอาจจะสามารถเต้นรำกับอารมณ์ได้บ้างในบางครั้งคราว  

            ...หนังสือเล่มนี้จะแนะนำวิถีแห่ง "สีหนาทบันลือ" ที่จะทำให้ท่านเต้นรำได้ดีขึ้นกับทุกอารมณ์ แปรเปลี่ยนจากที่เคยคิดว่าอารมณ์เป็นตัวถ่วงที่ดึงท่านกลับมาวุ่นวายสับสนแบบเดิม ๆ เยี่ยงปุถุชนทั่วไป ศาสตร์ที่จะฝึกให้ท่านแปรเปลี่ยนทุกอารมณ์ให้กลายเป็นพลังที่ใช้การได้...

           มีขั้นตอนหลายขั้นตอนในการสัมพันธ์กับอารมณ์ อันได้แก่ ขั้นตอนแห่งการเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การสัมผัส และขั้นตอนแห่งการแปรเปลี่ยน

  1. การเห็นและยอมรับอารมณ์
  2. การได้ยิน เป็นการสัมผัสได้ถึงจังหวะแห่งพลัง
  3. การได้กลิ่นว่าพลังเป็นสิ่งที่นำมาใช้การได้
  4. การสัมผัสรู้สึกได้ถึงความพุยพ่วงของพลัง
  5. การแปรเปลี่ยน รับรู้และยอมรับกองอารมณ์ทั้งหลายดังที่มันเป็น ไม่ต่อต้าน แต่จับคู่เริงรำ

 

สิ่งใดก็ตามที่เกิดขึ้นกับจิตอันเวียนว่าย ย่อมถือเป็นมรรควิธี เป็นสิ่งที่นำไปใช้การได้

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 348150เขียนเมื่อ 30 มีนาคม 2010 00:19 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มกราคม 2014 13:24 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

สวัสดีค่ะท่าน อ.ดร.

ขอบคุณวิถี สีหนาทบันลือ เป็นมรรควิธีที่ยอดเยี่ยมค่ะ

ศศินันท์

 

สวัสดีครับ อ.ศศินันท์

  • วันก่อนพลิกไปอ่านท้ายเล่มของหนังสือเล่มนี้ พบคำภีร์โบราณสำคัญเรื่องหนึ่ง น่าจะเรียกได้ว่าเป็นเคล็ดวิชาขั้นสูงที่น่าสนใจอีกเล่มหนึ่งครับ จะนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในบันทึกต่อไปครับ

ปาฏิหารแห่งการตื่นรู้อยู่เสมอ...ของท่านอาจารย์ ติท นัท ฮัน ก็ดีนะครับอาจารย์ เหมาะกะจิตปัญญาดี

นมัสการพระคุณเจ้า

  • เป็นหนังสือที่ผมเคยได้มา 2 ครั้ง และก็แปลกที่ให้คนอื่นไป โดยที่ยังไม่ได้อ่านทั้ง 2 ครั้งเลยครับ
  • ตอนนี้หนังสือของท่านติช นัท ฮัน ที่มีอ่านอยู่คือ "สู่ชีวิตอันอุดม" เป็นหนังสือที่ดีมากอีกเล่มหนึ่งครับ แต่ก็ยังอ่านไม่จบเหมือนเช่นเคยครับ

lสวัสดีค่ะอาจารย์ ไม่ค่อยทราบความหมายของศัพท์ทางพุทธศาสนาเท่าไร รู้แต่ว่าการจะทำอะไรต้องมีสติเพราะสติมาปัญญาก็เกิด

แต่ก่อนไม่ทราบหรอกว่า ถ้าสติมาปัญญาเกิดเพราะเราอาจจะยังไม่มีสมาธิถึงขั้นนั้นก็เลยไม่ค่อยเข้าใจความหมายแต่พอได้ปฏิบัติจริงเเล้วไม่น่าเชื่อว่าเราสามารถปล่อยวางได้ไม่น่าเชื่อเลยแต่ก็เป็นไปแล้ว และยังนึกว่าทำไหมเราไม่ทำตั้งแต่ก่อน พึ่งรู้ซึ้งถึงคำว่าอิ่มบุญเป็นยังไง เพื่อนๆคนไหนไม่เชื่อก็ลองปฏิบัติดู จะรู้ว่านรก สวรรค์เป็นยังไง มีจริงไหม ทำอะไรก็ดีไปหมดเพราะเราปล่อยวางมันได้

สาธุ สาธุ ครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท