Humanized Health Care คืออะไร


 

โรงพยาบาลส่วนใหญ่ที่ดำเนินงานพัฒนาคุณภาพด้วยระบบ Hospital Accreditation:HA ของ พรพ.ได้กำหนดให้การดูแลผู้ป่วยครบองค์รวมหรือที่เรียกว่า Holistic Care เป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์หรือพันธกิจหรือมาตรฐาน      เมื่อโรงพยาบาลต่างๆได้ดำเนินงานพัฒนาคุณภาพไปแล้วระดับหนึ่ง   มีความสามารถที่จะประเมินและให้การดูแลผู้ป่วยด้านร่างกาย   จิตใจ และสังคมอย่างดีแล้ว   จึงพบว่าเริ่มติดขัดที่การประเมินและดูแลผู้ป่วยด้านจิตวิญญาณ  ดังที่เรียกว่า Spiritual Care     นำไปสู่คำถามที่ว่า Holistic Care คืออะไร

          หากเราพิจารณาการให้บริการแบบแยกส่วน   เราจะพบว่าแพทย์มักรับผิดชอบการดูแลทางร่างกายหรือทางชีววิทยาคือ Biological Care       พยาบาลมักจะมีความสามารถดูแลด้านจิตใจและสังคมไปพร้อมกันคือ Psychosocial Care     หากต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะ  นักจิตวิทยาช่วยได้เรื่อง Psychological Care      นักสังคมสงเคราะห์ช่วยได้เรื่อง Social Care  และจิตแพทย์ช่วยได้เรื่อง Psychiatric Care       อย่างไรก็ตามการดูแลผู้ป่วยแบบแยกส่วนมิใช่สิ่งพึงปรารถนาของระบบสุขภาพ       อันที่จริงแล้วผู้ให้บริการทุกคนควรมีความสามารถให้บริการด้วย Holistic Care คือดูแลผู้ป่วยครบองค์รวม

          เมื่อคนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจคำว่า Holistic Care จึงปฏิบัติการดูแลผู้ป่วยครบองค์รวมไม่ได้   นายแพทย์โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ สำนักวิจัยสังคมและสุขภาพ(สวสส.) ได้บัญญัติคำศัพท์ใหม่คือ Humanized Health Care หรือการแพทย์ที่มีหัวใจของความเป็นมนุษย์     .นพ.ประเวศ วะสีได้ช่วยขยายความและปาฐกถาในหลายโอกาสและสถานที่           รวมทั้งผลักดันให้เครือข่ายสุขภาพขับเคลื่อนการแพทย์ที่มีหัวใจของความเป็นมนุษย์อย่างคึกคัก           นำไปสู่คำถามว่าการแพทย์ที่มีหัวใจของความเป็นมนุษย์คืออะไร           รวมทั้ง Humanized Health Care แตกต่างจาก Holistic Care อย่างไร     เป็นคำถามที่ผู้คนในระบบสุขภาพสามารถช่วยกันหาคำตอบได้

          Humanized Health Care ควรมีองค์ประกอบอย่างน้อย 3 ข้อ ข้อแรกคือความสามารถในการมองเห็นองค์รวม   ข้อสองคือความสามารถในการมองเห็นมนุษย์ และข้อสามคือความสามารถในการมองเห็นความทุกข์

          ข้อแรก ความสามารถในการมองเห็นองค์รวม    เรื่องนี้คุณหมอโกมาตรได้ยกตัวอย่างที่ดีมากคือเรื่องดอกไม้    เวลาถามว่าดอกไม้ประกอบด้วยอะไร   คนส่วนใหญ่มักตอบว่าประกอบด้วยก้านดอก   กลีบดอก เกสรตัวผู้ และเกสรตัวเมีย   เรามักลืมว่าองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของดอกไม้คือความงาม   อาจจะเพิ่มเติมว่ามีกลิ่นหอมและสัญลักษณ์ของความรักร่วมด้วย    เราจะมองเห็นความงามของดอกไม้ได้เราต้องมีความสามารถที่จะมองเห็นองค์รวม     ในทำนองเดียวกันเราจะมองเห็นผู้ป่วยทั้งคนได้โดยไม่แยกส่วนเป็นอวัยวะหรือแม้กระทั่งแยกส่วนเป็นวิชาชีพ   เราก็ต้องมีความสามารถที่จะเห็นองค์รวมเช่นกัน   

          ข้อสอง ความสามารถในการมองเห็นมนุษย์    เรื่องนี้คุณหมอโกมาตรได้ยกตัวอย่างที่ดีมากอีกเช่นกันคือเรื่องการฟังเสียงหัวใจ     เวลาคุณหมอใช้หูฟังฟังเสียงหัวใจ   ผู้ป่วยบางรายจะชอบพูด  คุณหมอบางท่านก็มักจะขอให้ผู้ป่วยเงียบก่อน     อาจจะเพราะเสียงพูดนั้นดังรบกวนการตรวจหรืออาจจะเพราะยังมีผู้ป่วยรอตรวจอีกมาก    ไม่มีเวลาจะฟัง     จะด้วยเหตุใดก็ตามเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยซึ่งเป็นมนุษย์คนหนึ่งอยากจะพูด    แต่คุณหมอยังไม่อยากจะฟัง   เพราะเราถูกฝึกมาให้เก็บข้อมูล    เราต้องการฟังเสียงของอวัยวะคือหัวใจ  แต่ไม่ฟังเสียงของมนุษย์    

          ข้อสามคือความสามารถในการมองเห็นความทุกข์     เคยมีคุณแม่ท่านหนึ่งอุ้มลูกอายุ 3 ปีซึ่งเป็น Cerebral Palsy  ไปที่โรงพยาบาลชุมชนแห่งหนึ่งเพื่อขอใบรับรองความพิการ  ตามกฎแล้วแพทย์มีหน้าที่ออกใบรับรองความพิการทางสติปัญญาเมื่อพบว่าเด็กมีไอคิวน้อยกว่า 70   นายแพทย์ที่โรงพยาบาลชุมชนก็ทำตามกฎ   เมื่อไม่สามารถตรวจไอคิวได้จึงส่งผู้ป่วยเข้ามาที่โรงพยาบาลศูนย์เพื่อพบกุมารแพทย์    กุมารแพทย์ก็ทำตามกฎจึงส่งมาที่จิตแพทย์     จิตแพทย์มีทางเลือก 2 ทางเลือก ก.ทำตามมาตรฐานคือส่งพบนักจิตวิทยาเพื่อตรวจไอคิวซึ่งคิวจะยาวประมาณ 1 เดือน     แม่และเด็กอาจจะต้องมาพบนักจิตวิทยาอีก 1-3 ครั้งแล้วแต่กรณี       ซึ่งน่าจะสร้างความทุกข์ยากให้แก่แม่และเด็กอีกเป็นอันมาก    ทางเลือก ข.คือดูด้วยสายตา สัมภาษณ์ประวัติเพิ่มเติมแล้วออกใบรับรองแพทย์เลย     เพราะอย่างไรเด็กก็แขนขาลีบเดินไม่ได้อยู่แล้ว    มีสิทธิได้รับใบรับรองความพิการเรื่องแขนขา   รวมทั้งอนุมานได้ว่าสติปัญญาบกพร่องแน่         จะเห็นว่าบางครั้งการทำตามกฎเกณฑ์และมาตรฐานสามารถสร้างความทุกข์ให้แก่ผู้ป่วยได้อย่างไม่น่าเชื่อ     ความสามารถที่สำคัญของผู้ให้บริการจึงน่าจะเป็นความสามารถที่จะสัมผัสความทุกข์ของผู้ป่วย

          ตัวอย่างเรื่องใบรับรองความพิการนี้เป็นสากล     ในการประชุมระดมพลังเพื่อสร้างระบบสุขภาพที่มีหัวใจของความเป็นมนุษย์ให้เต็มทุกอำเภอ       ซึ่งจัดโดยแผนงานพัฒนาจิตเพื่อสุขภาพ มูลนิธิสดศรี-สฤษดิ์วงศ์ และ สสส. ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์  เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2551 นั้น   ในตอนท้ายของการประชุม พยาบาลท่านหนึ่งจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งลุกขึ้นเล่าเรื่องความยากลำบากในการต่อสู้เพื่อให้ผู้ป่วยรายหนึ่งได้รับใบรับรองความพิการว่าแสนเข็ญเพียงใด     จนกระทั่งร่ำไห้กลางที่ประชุมนั่นเอง

          ความเจ็บไข้ได้ป่วยหรือ illness ไม่ควรหมายถึงโรคหรือ disease เท่านั้น     แต่ควรหมายรวมถึงทุกข์ผู้ป่วยหรือ suffering ด้วย   และดังที่ทราบกันว่าโรคหรือ disease จำนวนมากเป็นโรคเรื้อรังที่รักษาให้หายขาดไม่ได้คือไม่ cure    อย่างมากก็เพียงทุเลาหรือสงบคือ remission   ปัจจุบันจำนวนผู้ป่วยโรคเรื้อรังก็ทวีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ    การแพทย์แผนปัจจุบันไม่สามารถช่วยให้ผู้ป่วยจำนวนมากเหล่านี้ให้หายขาดได้  ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถบำบัดทุกข์ผู้ป่วยด้วย  การที่ผู้ให้บริการพุ่งความสนใจไปที่ตัวโรคแต่เพียงอย่างเดียว    แล้วละเลยทุกข์ผู้ป่วยทำให้เกิดความเครียดในระบบสุขภาพอย่างมาก   เป็นทุกข์ทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการ

          คำศัพท์เช่น Humanized Health Care ช่วยให้เราเข้าใจ Holistic Care มากยิ่งขึ้น      เห็นความสำคัญของสิ่งที่เรียกว่าองค์รวม      เห็นความสำคัญของการมองผู้ป่วยเป็นคนทั้งคน        และเห็นความสำคัญของความสามารถที่จะสัมผัสทุกข์ผู้ป่วยรวมทั้งคิดเรื่องบำบัดทุกข์ผู้ป่วย

         

                                                                            

นายแพทย์ประเสริฐ  ผลิตผลการพิมพ์  

 
คำสำคัญ (Tags): #พัฒนาจิตปัญญา
หมายเลขบันทึก: 205584เขียนเมื่อ 4 กันยายน 2008 11:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 15:45 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีคะ ตอนนี้พี่ต้อย ออกมาสร้างเครือข่ายเรื่องนี้ ประมาณ ๑๒ จังหวัดคะ humanized health care คือการสามารถมองเห็นทั้งหมด จริงๆคะ ทั้งด้านการดูแลคนไข้ ความเป็นมนุษย์ และความทุกข์ยากของผู้คนที่รอบข้างคะ

ขอขอบคุณ......ที่เผยแพร่เป็นธรรมทานแก่ชีวิตค่ะ อ่านจบแล้ว 1 รอบ จะนำไปเล่าต่อ เพื่อเป็นการทำบุญให้กับผู้อื่นได้รับอนิสงค์นี้ด้วยต่อไป หวังว่าดอกไม้ในหัวใจของความเป็นมนุย์จะเบ่งบานไปทั่วโลกา......

ท่านอาจารย์ สบายดีนะครับ ตามมาอ่าน จาก คุณหมอสุชาติ อ้างอิงไว้ครับ

เจริญพรขอบใจมากคุณหมอ ตอนนี้กำลังจะบรรยายธรรมให้แก่พยาบาลฟัง ได้ประเด็นจากอาจารย์นับเป็นประโยชน์มาก

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท