ท่านที่ขับรถผ่านสองข้างทางสายเอเชีย ที่เป็นทุ่งนา อาจจะมองว่า ท้องนาสีเขียวดูสวยงามสบายตา
อยากให้ทุกท่านลงไปพิเคราะห์อย่างละเอียดนิดนึงว่าที่ท่านเห็นเป็น "ข้าว" หรือ "ข้าววัชพืช
ข้าววัชพืช
ปัจจุบัน ชาวนาในเขตภาคกลางจนถึงเหนือตอนล่าง กำลังประสบกับวัชพืชชนิดใหม่ที่มีลักษณะเหมือนต้นข้าวจนแยกไม่ออกในระยะต้น กล้า วัชพืชชนิดนี้มีชื่อเรียกต่างๆกันในแต่ละท้องถิ่นตามลักษณะภายนอกที่ปรากฏว่า “ข้าวหาง ข้าวนก ข้าวดีด ข้าวเด้ง ข้าวลาย หรือ ข้าวแดง” ซึ่งข้าวเหล่านี้จัดเป็นวัชพืชร้ายแรงในนาข้าว มีชื่อสามัญ ว่า “ข้าววัชพืช” ตรงกับภาษาอังกฤษว่า “weedy rice” ในระยะเริ่มต้นของการ ระบาด ข้าววัชพืชจะแฝงตัวเข้ามาในนาข้าวเพียงไม่กี่ต้น หากไม่มีการกำจัดในระยะเวลา 2-3 ฤดู เท่านั้น ข้าววัชพืชสามารถเพิ่มจำนวนเป็นหลายล้านต้นปกคลุมจนมองไม่เห็นต้นข้าว
ประวัติการระบาดของข้าววัชพืช
พบการระบาดรุนแรงครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม ปีพ.ศ. 2544 ในนาหว่านน้ำตม ที่ตำบลเขาสามสิบหาบ อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี และในนาหว่านข้าวแห้ง ในเขตจังหวัดนครนายกและปราจีนบุรี การระบาดเริ่มขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันปี พ.ศ. 2548 ข้าววัชพืชกลายเป็นปัญหาร้ายแรงที่พบในพื้นที่ทำนาหว่านน้ำตมจำนวนหลายแสนไร่ ทั้งในเขตภาคกลางจนถึงเหนือตอนล่าง ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี ชัยนาท นนทบุรี สิงห์บุรี นครนายก ปราจีนบุรี อ่างทอง อยุธยา และพิษณุโลก
ทำความเสียหายต่อผลผลิตข้าวได้ตั้งแต่
10-100%
ข้อมูลจาก :http://www.brrd.in.th/rkb/data_006/rice_xx2-06_weedrice001.html
ข้าวกับข้าววัชพืช งอกในเเปลงนา ไล่เลี่ยกัน แล้วข้าววัชพืช ก็โตเเซงข้าวจริง
หาก ชาวนายังปล่อยข้าววัชพืช ไม่เก็บเเปลง ให้ทั่วถึง
จากนาข้าว ก็เตรียมเปลี่ยนเป็น นาหญ้า ข้าววัชพืช ได้เลย
การป้องกัน และแก้ไข ก่อนที่ปัญหาข้าววัชพืช
บานปลาย สิ้นนา สิ้นชาติ
ปล.ภาพข้างบน เป็นภาพ การเก็บหญ้าในเเปลงนาดำ ที่จ.กำเเพงเพชร
สวัสดีครับ
ชาวนาอีสานสมัยก่อน
สถาพท้องนาหน้าแล้งชาวอีสาน
สวัสดียามเช้าค่ะ
สดชื่นไปกับทุ่งนาเขียวๆ ขอบคุณมากค่ะ
เป็นความรู้ใหม่ของผมเลยครับ "ข้าววัชพืช"
ผมสงสัยมาโดยตลอดเกี่ยวกับนาหว่าน เพราะชีวิตผมคุ้นชินกับนาดำ เห็นนาหว่านเเล้วก็คิดว่าจะได้ผลผลิตมากมายขนาดไหน? เพราะเหมือนกับการเติบโตอย่างแออัดยัดเยียดขนาดนั้น เม็ดข้าวจะสมบูรร์หรือไม่อย่างไร?
เป็นเพียงความสงสัยของหนุ่มนาดำนะครับ..
นาหว่าน อาจจะได้ผลผลิตสูง แต่ก็ใช้ปัจจัยการผลิต สูงเช่นเดียวกัน และเป็นการปลูกที่ไม่เอื้อต่อ การแตกกอ ของข้าว และการจัดการดูแล ครับ
ไม่เหมาะสำหรับทำพันธุ์ ครับ เนื่องจากเมล็ดไม่เเกร่ง และการตัดข้าวปนพันธุ์
ทำได้ยาก จึงไม่ได้เมล็ดพันธุ์ที่บริสุทธิ์ (ข้าวดีด ข้าวเด้งปนมาด้วย)
พี่เอกลองตามลิงค์นี้เพิ่มครับ เริ่มจากพื้นฐานการปลูกข้าวเลยครับ
ระบบการเพิ่มผลผลิตข้าว S.R.I “Achieving More with Less: A new way of rice cultivation" “ผลิตให้มากขึ้นด้วยทรัพยากรที่น้อยลง: หนทางใหม่ในการเพาะปลูกข้าว”
http://gotoknow.org/blog/supersup300/405066
"Rice is Life"-1 ว่าด้วย วิธีการเพาะปลูกข้าว
http://gotoknow.org/blog/supersup300/411482
ขอบคุณมากครับ ตามไปอ่านเเล้วได้ความรู้มากๆเลยครับ :)
สวัสดี ครับ
บันทึกนี้ ให้ความรู้ ทางการเกษตรฯ ดีมากเลยครับ
ขออนุญาต save ไว้นะครับ
...
อ่านประวัติของคุณต้นกล้าแล้ว พบว่า จบที่ รร.พรหมมานุสรณ์ ที่เดียวกับพี่สาวคนโตของผมเลย ครับ
...
ปัจจุบัน พี่สาวเป็นครู และทำหน้าที่ของครูได้ตามที่หัวใจของครูคนหนึ่งจะเป็นครูเพื่อศิษย์ได้ เช่นกัน
ขอบพระคุณมากนะครับ
สวัสดีครับ คุณต้นกล้า
ได้ความรู้ เรื่อง นาหว่าน ขึ้นมาอีกเยอะครับ
ข้าววัชพืช สร้างปัญหา และ เพิ่มต้นทุน การทำนา อย่างมาก
แถวบ้านผม เขาชอบ หว่าน กัน แล้วแก้ปัญหาโดยพ่นยาฆ่าหญ้าก่อนงอก มันก็เพิ่มต้นทุนไปอีก
แต่ประเด็น เขาชอบหว่านกันมากกว่า ไม่รู้ทำไม คงจะไวกว่ามั่ง
คุณอภิชิต ขอยืนยันว่า "Put the right thing at the first time" ครับ
นาดำ จริงๆ ก็ไม่ได้ช้า อะไร แต่ส่วนใหญ่ ทำใจไม่ค่อยได้มากกว่า
เพราะดูมันโหลงเหลง ไม่แน่นพรืด เหมือนนาหว่าน
เปลี่ยนเป็นนาดำ ได้ครับ "แต่ต้องทำใจ กับภาพข้างบนให้ได้ก่อน"
"ต้องเชื่อมั่น ในศักยภาพ ต้นข้าวนาดำ สามารถเเตกกอ ออกรวง ได้"
-สวัสดีครับ....คุณต้นกล้า....
-แวะมารับความรู้เพิ่มเติมครับ..
-อำเภอพรานกระต่าย ตอนนี้ก็เริ่มใช้วิธีการ "ดำนา" (ใช้รถ) เพิ่มมากขึ้น...
-ปัญหาเรื่องข้าววัชพืช....เป็นวิกฤติ....
-ขอบคุณสำหรับข้อมูล/จะนำไปบอกต่อครับ...
-เก็บ "ลูกตะขบ"มาฝากครับ...
ขอบคุณที่ชี้ปัญหาและการแก้ไขเหล่านี้ ที่อยากให้มีการเร่งดำเนินการอย่างทั่วถึงค่ะ..ก่อนที่จะเกิดความเสียหายมากกว่านี้..
นำผักของเครือข่ายมาฝากค่ะ
แวะมาเติมเต็ม (เป็นลูกชาวนาค่ะ ) ปีนี้ให้เขาทำนาให้ คุณท้องทำปุ๋ยชีวภาพให้ไปใส่ได้ 2 ปี ผลผลผลิตได้มากกว่าปีกลายอีกค่ะ ก็พยายามเชิญชวน ให้หันมาใช้ปุ๋ยชีวภาพกันค่ะ
ขอขอบคุณบันทึกดีๆค่ะ
*** ชอบศึกษาเรื่องข้าวและการปลูกข้าวมากๆค่ะ
*** ขอบคุณบันทึกดีๆ ที่ทำให้ได้ข้อมูลไปคุยกับลูกชาวนา
ตอนนี้ มี 3 เรื่อง ใหญ่ของชาวนาไทย
1. "เรื่องน้ำน้อย" ต้องพัก นา มาปลูกพืชใช้น้ำน้อย ตัดวงจรแมลงอย่างพวกเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล
2.โรคแมลงระบาด อย่างเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เนื่องจาก ชาวนาต่างคนต่างทำ ทำให้ แมลงมีเเหล่งอาหารตลอด
แปลงนาข้างๆกัน เเปลงหนึ่งหว่าน เเปลงหนึ่ง กำลังเขียว อีกเเปลงกำลังเกี่ยว
แมลงมัน ก็ชอปปิ้ง อาหาร ครับ ลงกินเเปลงเขียว ไข่ไว้ก่อน พอโตมาก็ไปลงเเปลง ที่หว่าน กำลังเข้าเขียว พอจะฉีดยา ก็หนีเข้าเเปลง อื่นต่อครับ
3. ข้าววัชพืช ทำชาวนาไทย คนลงมากครับ เพราะทำนาแล้วไม่ได้ข้าว ค่าใช้จ่ายบานปลาย
ส่วนเรื่องราคา ไม่น่าเป็นห่วง ถ้าเกษตรกรสามารถลดต้นทุนจากการทำนา ได้ครับ
ครูกิติยา ต้นกล้าขอ แนะนำหลักสูตร
"จัดระเบียบการปลูกข้าว จากเเปลงนา สู่การพัฒนาประเทศ "
ได้ผลประการใด เดี๋ยวมาแลกเปลี่ยนครับ
ได้รับความรู้ค่ะ ขอบคุณมาก
วันนี้ไปดูนาข้าว ที่คนอื่นปลูกในที่ของเรา
พบว่าข้าวเริ่มสุกเหลือง แต่ต้นล้มระเนระนาด สงสัยทีข้าววัชพืชนี่เอง
นาดำที่ในพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านที่เมืองทาคายาม่าค่ะ
ได้อ่านหลายตอนรวดเดียวเลยค่ะ ได้ความรู้มากมาย ขอบคุณนะคะ
เครื่องปลูกข้าว - หยอดแถวข้าว สำหรับนาหว่านน้ำตม http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=21254.48
เพื่อความเป็นระเบียบ ปลูกข้าวเป็นแถวเป็นแนว
อยากให้อาชีพชาวนา ทำนาอย่างมืออาชีพ
ขอบคุณ ที่แวะมาเยี่ยมเยียน แลกเปลี่ยนความรู้ครับ
ศาสตร์เรื่องของการปลูกข้าว ของญี่ปุ่น น่าทึ่งมาก ครับ ว่ากันด้วยพัฒนาอย่างเป็น ระบบ ระเบียบ และความปราณีต เอาใจใส่ทุกขั้นตอน ทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม
พัฒนาคน : มีคุณภาพ มีการศึกษา มีจิตวิญญาณของเกษตรกร ห่วงใยสิ่งแวดล้อม
พัฒนาพันธุ์ :ให้ได้ผลผลิตสูง ต้านทานโรคเเมลง รสชาตถูกปากผู้บริโภค
พัฒนาเครื่องจักร: รองรับแรงงานภาคเกษตรที่หายไป ซึ่งปัจจุบันเหลือประมาณ ร้อยละ 7 ของประชากรทั้งหมด
ตั้งแต่เครื่องมือ
การเพาะกล้า-เป็นระบบสายพานลำเลียงผลิตแผ่นกล้า ใช้เมล็ดพันธุ์ จำนวนที่เหมาะสม มีการอนุบาลก่อนลงเเปลง ต้นกล้าข้าวไม่ต้องลงไปโตแข่งกับหญ้าในแปลงนา
เตรียมดิน -ให้เรียบเสมอ ลึกในระดับที่เหมาะสม 12-18 cm.พร้อมสำหรับการปักดำ
ปักดำ - เป็นแถวเป็นแนว มีระเบียบ มีช่องว่างให้อากาศผ่าน แสงแดดส่องถึงพื้น การจัดการดูแลในเเปลงนาก็ง่ายขึ้น
ดูแล -ใช้เครื่องพรวนหญ้า (weeder)ลดการใช้ยาปราบวัชพืช และเครื่องชักร่องน้ำ ระบายน้ำได้ น้ำไม่ท่วมขังเเปลงนา
เก็บเกี่ยว -ใช้ระบบนวดเฉพาะคอรวง ใช้พลังงานในการนวดนวดน้อยลง ได้ข้าวที่มีความชื้นต่ำ เนื่องจากไม่ต้องเอาต้นข้าวเข้าตู้นวด (ซึ่งบริเวณโคนต้นข้าวมีความชื้นสูง) ประหยัดพลังงานในการอบลดความชื้น หลังการเก็บเกี่ยว
การจัดเก็บ -ไซโล ขนาดเล็ก เก็บข้าวที่โรงนาเกษตรกร ไว้ทยอยสีขายทั้งปี สีเป็นข้าวกล้อง และข้าวขาว หรือบรรจุเป็นข้าวเปลือกใส่ถุง กระดาษรีไซเคิล
การสี - มีตู้สีข้าวหยอดเหรียญตามชุมชน เพื่อผู้บริโภคได้สารอาหารครบถ้วน กรณีซื้อข้าวเปลือกมาไว้ที่บ้าน แล้วต้องการบริโภคข้าวกล้องเเบบสีสดๆร้อน
เพราะ เปลือกข้าวเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ดูแลคุณภาพข้าวได้ดีที่สุด ...
หลังการเก็บเกี่ยว : เครื่อง กระจายฟาง รวมฟาง อัดฟาง ไว้ใช้ประโยชน์ทำปุ๋ย เลี้ยงสัตว์ต่อ
พัฒนาระบบชลประทาน : ควบคุมน้ำ ได้ก็ประหยัดน้ำ จัดการในเเปลงนาได้ดั่งใจ ที่ระดับ 5cm. น้ำสลับเเห้ง ข้าวก็ไม่ต้องโตยืดตัว หนีน้ำ (มีผลต่อปัจจัยการผลิตอย่างอื่นต่อ ปุ๋ย ยา การร่วงหล่น ) หรือเเห้งตาย เพราะไม่มีน้ำ
พัฒนาตลาด :ผ่านระบบสหกรณ์ หรือ JA ทำให้เกษตรกรได้รับส่วนแบ่งที่เป็นธรรม
และให้ "คุณค่ากับเเหล่งผลิต ว่ามาจากเเปลงนาใคร คนปลูก ดูแลอย่างไร" ใส่ใจกันทุกขั้นตอนจริงๆ ครับ
ยืนยันคุณภาพการผลิตกันตั้งแต่เเปลงนา ผู้บริโภคก็มั่นใจ
ไม่ใช่ ทำ Marketing ข้าวบรรจุถุงขาย อย่างเดียวเหมือนบ้านเรา ที่ใครปลูกก็ไม่รู้ ปลูกดูแลกันอย่างไร ก็ไม่รู้อีก คนกิน คนซื้อ รู้แค่ว่าข้าวยี่ห้ออะไร รู้ กันอยู่ไม่กี่ยี่ห้อ ตราห้าง... ตราร่ม... ตราหัวเรือ... ตรา ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ...
"ชาวนาญี่ปุ่น ไม่ขายข้าวเปลือกทีเดียวหลังเก็บเกี่ยวครับ แต่จะเก็บและทยอยสีขายตลอดทั้งปี ทำ packing ติด brand เจ้าของนา brand เเหล่งผลิต ทำให้ปริมาณข้าวไม่ล้นตลาด (มี Buffer stock ที่โรงนาเกษตรกร) "
ขอบคุณค่ะที่ให้ความรู้เจาะลึกรายละเอียด
น่าประหลาดใจที่บ้านเรามีความพร้อมทุกอย่างที่จะปลูกข้าวและทำการเกษตรได้อย่างมีคุณภาพ มีทั้งความรู้บรรพบุรุษและความรู้สมัยใหม่ แต่การเปลี่ยนแปลงเพื่อทำการเกษตรอย่างยั่งยืน มีคุณธรรม ยิ่งกว่าการเข็นครกขึ้นภูเขา
ขอให้มีกำลังใจทำต่อไปนะคะ ยังมีเพื่อนชาวนาและเกษตรกรอีกไม่น้อยกระจัดกระจายทำเกษตรคุณธรรมอยู่หลายแห่งค่ะ
ตอนนี้ค่าแรงจ้างแรงงานคนดำนาในภาคเหนือราคาแพงมาก และเกษตรกรก็ยังติดวิธีการเพาะกล้าวิธิเดิมๆอยู่ ถ้าใช้ถาดเขาก็ต้องลงทุนสูง และการที่จะซื้อรถดำนามาใช้ก็ราคาสูงเช่นกัน วิธีแก้ไขที่ดีทีสุดก็คือการทำนาหว่าน จึงเกิดปัญหามากมาย เช่นในด้านของการดูแลแปลงนา เช่น การกำจัดวัชพืชที่ออกมาปะปนกับข้าวที่เหมือนกันมากๆ การกำจัดหอยเชอรี่ การกำจัดปู การกำจัดโรค ก็อยากจะปลูกข้าวแบบใช้สารเคมีให้น้อยที่สุดเหมือนกัน แต่ดูแล้วเป็นไปได้ยากมากเลยคะ ทำยังไงดี ใครพอจะมีวิธีแก้ไข มีทางออกดีๆ ช่วยบอกหน่อยนะคะ
ตอบคุณ pai
ข้อมูลที่คุณ ให้เหมือนกับหาข้อสรุปไม่ได้ เรื่องของเรื่องก็คือคิดถึงตัวเองเป็นหลัก โน่นก็ไม่ดีนี่ก็ไม่ได้
ทางออกของปัญหาคือ "การรวมกลุ่ม" มีการบริหารองค์ความรู้ ปฏิบัติ ให้เหมาะสมกับภูมิสังคม และรับเทคโนโลยีที่เหมาะสมเข้าไปปรับใช้
http://www.gotoknow.org/blog/supersup300/428473
โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี ทุกอย่างก็มีต้นทุน รู้จักเลือกใช้ และวิเคราะห์กันยาวๆ อย่างชาญฉลาด เมื่อมีข้อจำกัดของแรงงานคงหลีกเลี่ยงพวกเครื่องจักรไม่ได้
-เมื่อต้องลงทุนแล้วจะบริหารเป้าหมาย บริหารงาน บริหารคนในกลุ่ม อย่างไร
-เป็นโจทย์ที่ต้องไปคิดต่อ ว่าใช้สิ่งที่จะต้องจ่ายอย่างไรให้คุ้มค่ามากที่สุด ครับ
- ต้องศึกษาอย่างละเอียด และคลุกคลีจริงๆ จัง ไม่ตัดสินเเบบผิวเผินครับ
การขจัดปัญหาเรื่องวัชพืชในแปลงนา เป็นเรื่องที่ทุกคนหนักใจ พอสมควร แต่วิธีหนึ่งที่สามารถแก้ไขได้จริงๆ คือการใช้จุลินทรีย์ในการย่อยสลายตอซังข้าว
การใช้จุลินทรีย์ สำหรับย่อยสลายตอซังข้าว จะช่วยย่อยสลายตอซังข้าวให้กลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ช่วยย่อยสลายเมล็ดวัชพืช ข้าวดีด ข้าวลาย ข้าวนก ช่วยย่อยไข่หอยเชอรี่ ไข่เพลี้ย ตัดวงจรการแพร่ระบาดของเพลี้ยไฟ มีจุรินทรีย์ที่ทำให้ดินร่วนซุย และมีจุรินทรีย์ที่ช่วยยับยั้งเชื้อรา ที่เป็นสาเหตุของโรคข้าวต่างๆ ในแปลงนา ช่วยให้ดินดี น้ำดี ไม่มีสารพิษตกค้าง
การย่อยจะเกิดผลดีดังนี้คือ
1. ฟางข้าวเมื่อเน่าสลายจะให้ธาตุอาหารแก่พืชเมื่อฟางข้าวย่อยสลายแล้วจะได้ธาตุไนโตรเจน (N) ธาตุฟอสฟอรัส (P) ธาตุ
โพแทสเซียม (K) แคลเซียม (Ca) แมกนีเซียม (Mg) และซิลิก้า (Sio)
การไถกลบฟางข้าวจำนวน 1 ตัน จะได้ธาตุอาหารทั้งธาตุหลักและธาตุรอง ดังนี้คือ ไนโตรเจน (N) 6 กิโลกรัม ฟอสฟอรัส (P2O5) 1.4 กิโลกรัม โพแทสเซียม (K2O) 17 กิโลกรัม แคลเซียม (Ca) 1.2 กิโลกรัม แมกซีเซียม (Mg) 1.3 กิโลกรัม และที่สำคัญคือได้ธาตุซิลิก้า (SiO2) จำนวน 50 กิโลกรัม โดยประมาณแล้ว 1 ไร่จะได้ฟางข้าว 800-1,000 กิโลกรัม/ไร่ และตอซังอีก 1,200 – 1,500 กิโลกรัม/ไร่
2. ย่อยวัชพืชในแปลงนา โดยเฉพาะข้าวดีด ข้าวหาง ข้าวลาย ข้าวนก จะถูกย่อยสลายโดยจุลินทรีย์ เป็นการ
ขจัดวัชพืชใน แปลงนาอย่างได้ผล
3. ทำให้ดินร่วนซุย ทำให้ต้นข้าวออกรากลึกและรากเยอะ ช่วยให้ต้นข้าวหาอาหารได้มาก ลำต้น
แข็งแรง
4. ช่วยควบคุมจุรินทรีย์ตัวร้าย หรือ เชื้อราซึ่งเป็นสาเหตุของการแพร่ระบายโรคต่างๆ ของต้นข้าว
5. ย่อยสลายไข่เพลี้ย เพลี้ยไฟ เพลี้ยกระโดย ซึ่งเป็นการตัดวงจรชีวิต ทำให้การแพร่ระบาดลดลง
6. ย่อยสลายไข่หอยเชอรี่ ซึ่งเป็นการตัดวงจรชีวิต ทำให้การแพร่ระบาดลดลงลดการสูญเสียของการทำลายของต้นข้าว
7. จุรินทรีย์จะช่วยปรับสภาพดินที่เป็นกรด-ด่าง ให้เป็นกลาง