มาแล้วค่ะ Day2 ช่วงนี้งานเข้า บวกกับความร้อนของอากาศ และสถานการณ์บ้านเมืองตึงเครียด ทำให้หนึ่งเขียนบันทึกไม่ค่อยต่อเนื่องเท่าไหร่ แหะๆๆ (เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย **)

          สืบเนื่องมาจากบันทึกที่แล้วค่ะ ชะอำ-วัดห้วยมงคล day1 ^____^ ทริป OD ของศูนย์มะเร็งฯ ทริปนี้มี 3 วันค่ะ เพิ่งเขียนบันทึกเสร็จไปแค่วันเดียวเอง อิอิ มาต่อวันที่สองกันเลยดีกว่านะคะ วันที่สองนี้ออกแนวโหดๆนี้สสสนึงค่ะ เพราะต้องลุยๆและออกกำลังกายเล็กน้อย ที่ถ้ำพระยานคร กรมหลวงชุมพร และต่อด้วยเพลินวานค่ะ

          หนึ่งและพี่แดงนัดกันว่าจะตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นกันในเช้าวันที่สองนี่ล่ะค่ะ

สองภาพนี้ถ่ายโดยตี๋น้อย(น้องห้องโสตฯ ศูนย์มะเร็งฯค่ะ) ภาพบนน้องตี๋น้อยบ่นเสียดายที่หัวใจไม่เต็มดวง

นี่คือตี๋น้อยคนที่พูดถึงคือภาพนี้ค่ะ

ภาพนี้เป็นฝีมือหนึ่งถ่ายให้ตี๋น้อยเองค่ะ และดีไซน์ท่ากระโดดให้ด้วย หุหุหุ เก่งจริงๆๆ 555 (ชมตัวเองซะงั้น)

ยามเช้าได้ภาพสวยๆไปหลายภาพเลยค่ะ

          เมื่อเก็บภาพกันจนพอใจแล้วเราก็เตรียมตัวออกเดินทางไปถ้ำพระยานครกันต่อค่ะ

          ประวัติคร่าวๆ ของถ้ำแห่งนี้เขาเล่ากันว่า ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ มหาราช เจ้าเมืองนครศรีธรรมราช ได้เข้ามาราชการที่เมืองหลวง ซึ่งในสมัยก่อนจะเดินทางโดยใช้เรือล่องขึ้นมา (ลองนึกตามดูแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะคะ ในปัจจุบันแค่เราขับรถไปเมืองนครฯ ทางดีๆยังใช้เวลากันเป็นวันๆ) ..เมื่อล่องเรือมาถึงบริเวณเขาสามร้อยยอดแห่งนี้ก็เกิด พายุขึ้น เลยต้องแวะหลบพายุกันที่นี่ แต่ติดพายุกันอยู่หลายวันจึงต้องออกหาเสบียงและน้ำดื่มกัน ก็เลยมาพบถ้ำแห่งนี้ล่ะครับ และนี่ก็คือที่มาของชื่อ "ถ้ำพระยานคร"

          เวลาผ่านไปจนย่างเข้ารัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านก็ได้เสด็จประพาส ณ สถานที่แห่งนี้พร้อมกับทรงโปรดเกล้าให้สร้างพลับพลาที่ประทับไว้ในตัวถ้ำด้วย สวย และประทับใจสุดๆ และต้องถือว่าเป็นไฮไลท์ของทริปนี้เลยล่ะค่ะ หลังจากนั้นก็มีพระมหากษัตริษย์อีกสองพระองค์เสด็จประพาส ณ สถานที่แห่งนี้ คือ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลฯ ล้นเกล้าของเราชาวไทยในปัจจุบัน ซึ่งพระองค์ท่านเสด็จมา ถึง 2 ครั้ง 2 คราด้วยกัน

         พร้อมลุยกันต่อรึยังคะ ไปกันเลยค่า ^^

หาดที่เรากำลังจะลงเรือไปถ้ำพระยานครค่ะ

ต้องลุยกันเล็กน้อย เพื่อไปลงเรือหางยาวค่ะ

เรือแบบนี้ค่ะ นั่งเรือไปแป๊บบบเดียวก็ถึงแล้วค่ะ

ถึงปุ๊บก็ลงมาถ่ายรูปปั๊บ อิอิ

         เดินไปอีกหน่อยก็จะเจอป้ายบอกทางป้ายนี้ค่ะ

          มีป้ายบอกทางว่าเดินอีกเพียง 430 เมตร เท่านั้นค่ะเราก็จะถึงถ้ำพระยานครแล้ว ทำให้เรามีแรงฮึดสู้ที่จะไปให้ถึง แต่ปรากฏว่าเดินยังไง๊ยังไงก็ยังไม่ถึงซักทีค่ะ เหนื่อยตั้งแต่เมตรแรกกันซะแล้วค่ะ 555 ก็ที่เค้าบอก 430 เมตรนั้น เป็น 430 ในแนวดิ่งสิค้า วัดจากพื้นเหนือน้ำทะเลขึ้นไปอีก 430 เมตรเท่าน้านๆๆๆๆ มาดูสภาพกันดีกว่าค่ะว่าแต่ละคนเป็นไง 555

เดินไปได้ไม่ไกลเจอกับน้องใบหม่อน (ลูกสาวน้องการเงินค่ะ) ดูสิค้าน้องใบหม่อนยังสู้ๆเลย ทำให้เราต้องไปต่อค่ะ

ตอนนี้ยังไหวค่ะ หุหุหุ แต่เหงื่อเริ่มเยอะ

ยังยิ้มได้ทุกคน แต่หน้ามันกันครบทีมเชียวค่ะ อิอิ

ที่สำคัญของการปีนเขาขึ้นไปครั้งนี้คือเมื่อเดินจนถึงยอดเขาแล้ว เราจะต้องเดินลงไปในถ้ำอีกสิค้า...

ตรงนี้ถึงทางลงไปในถ้ำแล้วค่ะ

 อ้าว..ตีหนึ่งกว่าๆซะแล้ว มิน่าอ่ะรู้สึกง่วงๆๆ อิอิ ขอตัวไปพักก่อนนะคะ พรุ่งนี้มาเขียนต่อค่ะ

          มาเขียนต่อแล้วค่า ไม่รอช้า อิอิ เราเริ่มเห็นความงดงามภายในถ้ำกันแล้วค่ะ

          เมื่อลงมาถึงถ้ำแล้วจะมีป้ายแผนที่บอกจุดสำคัญที่น่าสนใจไว้ตามป้ายเลยค่ะ นักท่องเที่ยวที่ดีต้องเก็บข้อมูล(ภาพ)ให้ได้ครบตามแผนที่บอกไว้นะค้า อิอิ ขอสารภาพว่าครั้งนี้หนึ่งเก็บได้ไม่หมดจริงๆค่ะ แหะๆ เสียดายมากที่อุตส่าห์เสียเหงื่อไปตั้งเยอะแต่ไม่สามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศได้ครบ แหะๆๆ ครั้งหน้าจะไม่พลาดค่ะ (จะมีครั้งหน้าอีกป่าวเนี่ย...>o<)

          มาดูแผนที่กันเลยค่ะ ว่าในถ้ำพระยานครนี้มีจุทีน่าสนใจอะไรบ้าง

เยอะแยะมากมายเลยค่ะ มีทั้งหมด 10 จุดค่ะ

 

จุดแรกน้ำตกแห้ง แหะๆ ไม่แน่ใจว่าจะใช่ตรงนี้ป่าวค่ะ เค้าบอกว่าเป็นหินย้อยที่ลักษณะคล้ายน้ำตก แต่หนึ่งไม่เห็นป้ายแสดงจุดที่ 1 ไว้เลยไม่มั่นใจอ่ะค่า

จุดที่ 2 สะพานมรณะ หนึ่งเห็นแต่ป้ายนี้ค่ะ แต่หาสะพานไม่เจอ ถามพี่แดงว่าสะพานอยู่ไหน ก็พากันหาไม่เจอ ที่ไหนได้ สะพานต้องแหงานหน้าขึ้นไปดูข้างบนค่ะ เลยนำภาพจากเน็ทมาให้ดู เพราะตอนนั้นคิดไม่ถึงเจงๆว่าสะพานจะอยู่ข้างบนอ่ะค่า แหม..เสียดายจัง .. อิอิ

ภาพจาก internet ค่ะ สะพานมรณะ

จุดที่ 3 ทางสันจรเข้ แหะๆ ไม่เจอจริงๆค่ะ

จุดที่ 4 หินรูปเจดีย์

ตรงนี้ค่ะหินรูปเจดีย์

จุดที่ 5 พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ เป็นจุดเด่นของถ้ำนี้เลยค่ะ

          "พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์" เป็นพลับพลาแบบจตุรมุข สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 คราวเสด็จประพาสเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2433 เป็นฝีพระหัตถ์ของพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าขจรจรัสวงศ์ ทรงสร้างขึ้นในกรุงเทพฯ แล้วส่งมาประกอบทีหลัง โดยให้พระยาชลยุทธโยธินเป็นนายงานก่อสร้าง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จมายกช่อฟ้าด้วยพระองค์เอง

จุดที่ 6 ลายพระหัตถ์

ที่กำแพงหินด้านขวาของพระที่นั่งคูหาคฤหาสน์มีพระปรมาภิไธยย่อในรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 7 เป็นตัวหนังสือใหญ่สีขาวสะดุดตา

จุดที่ 7 อัฐิหลวงพ่อ

จุดที่ 8 ต้นซุ้มรอดคู่

สำหรับคนโสด จุดนี้ไม่ไปไม่ได้ค่ะอิอิ เค้าว่ากันว่าเป็นต้นไม้ที่เกิดจากลำต้นเดียวกัน โดยมีความเชื่อกันว่า ผู้ใดยังไม่มีคู่ ถ้าลอดแล้วจะพบกับเนื่อคู่

จุดที่ 9 หินจรเข้

 จุดนี้ไม่ได้ถ่ายภาพไว้ค่ะ เสียดายมาก

จุดที่ 10 ต้นไม้มีพิษ

จุดนี้ก็เช่นกัน งือๆๆๆ ต้นไม้มีพิษ เค้าจะเขียนป้ายเตือนไว้ ให้นักท่องเที่ยวระวังไม่ไปแตะหรือสัมผัสค่ะ

          ยังถ่ายรูปกันได้ไม่ครบทุกจุดน้องไกด์ก็ประกาศเตือนว่าหมดเวลาแล้ว ต้องกลับซะแล้วค่ะ ขากลับเราก็ต้องปีนเขากลับทางเดิม ขากลับจะลำบากกว่าขามาค่ะ เพราะหินทุกก้อนจะลื่นเป็นมันแววทีเดียวค่ะ เวลาเดินต้องระวังลื่นล้มกันสุดๆ

          และหนึ่งใช้ช่วงเวลากลับถ่ายรูปตรงจุดชมวิวเวอร์ชั่นไม่มีคนอื่นๆ อิอิ (ก็ตอนมาคนเยอะมากไม่เห็นวิวข้างหลังเลยค่ะ ตอนกลับเค้าลงกันไปเกือบหมดแล้ว เลยได้ภาพนี้มา อิอิ)

          ข้างหลังจะเห็นเกาะนมสาวค่ะ เกาะนมสาวจะมีตำนานเล่าขานกันมาค่ะ

          มีตำนานเล่าว่า ตาม่องล่ายและยายรำพึงมีลูกสาวสวยชื่อยม โดยมีเจ้าลายจากเพชรบุรีและเจ้ากรุงจีน มาชอบพอสู่ขอ เจ้าลายสู่ขอจากยายรำพึง ส่วนเจ้ากรุงจีนขอจากตาม่องล่าย ยายตาก็มิได้ปรึกษากัน ในวันแต่งงานเจ้าลาย และเจ้ากรุงจีน ยกขันหมากมาทางเรือพร้อมกัน ต่างอ้างสิทธิที่จะแต่งงานกับยม ตากับยายจึงทะเลาะกัน ตาม่องล่ายพาลโกรธยม จึงได้จับฉีกเป็นสองซีก ซีกหนึ่งขว้างไปทางทิศตะวันออก กลายเป็น เกาะนมสาว ที่ชลบุรี อีกซีกหนึ่งขว้างไปทางทิศเหนือ กลายเป็น เกาะนมสาว ที่บ้านบางปู ตำบลสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อย่างที่เห็นในรูปนี่ล่ะค่ะ อิอิ หนึ่งมองก็คิดว่าเหมือนนะคะ

เฮ้อ...เล่าไปเล่ามา ชักจะยาวค่ะ ยังไม่ได้ออกจากถ้ำพระยานครเลย แหะๆๆ เด๋วกลับบ้านก่อน แล้วจะมาเล่าต่อนะคะ ^^