เป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับสุขภาพของตัวเองมั่งค่ะ
ด้วยความที่เป็นหมอฟัน และสามีเป็นหมออายุรกรรม ทำให้เวลาเป็นโรคอะไร ก็ไม่รู้สึกถึงความรุนแรง ที่ต้องทุกข์ทรมานสักเท่าไร เพราะคุณสามีอธิบายได้หมด
จะมีก็แต่ตอนที่เป็น Hyperthyroid ที่ต้องพบแพทย์เฉพาะทางโดยเฉพาะ ซึ่งก็ต้องกินน้ำแร่รักษา 2 ครั้งได้ คุณสามีต้องไปขอลดปริมาณรังสีที่กิน เพราะกลัวว่า กินมากไป จะ Hypo ตามมาภายหลัง ซึ่งก็ไม่แคล้ว เป็น Hypothyroid จนได้ ณ ปัจจุบันนี้ ซึ่งคุณหมอรณรัฐ ที่จะนิ่วในถุงน้ำดีครั้งให้ ก็บอกว่า ถ้าถามหมอศัลย์ นะ เรื่อง Hyperthyroid ก็ผ่าดีกว่า ซึ่งก็ตรงกับหมอศัลย์เพื่อนกันที่รามาฯ ก็บอกเหมือนกันว่า เป็นเขาก็แนะนำให้ผ่า ... แต่ความที่เราไม่ชอบการผ่าตัด ก็เลยเลือกที่จะกินยา
เพราะฉะนั้นก็มีโรคนี้ละ คือ Hypothyroid ที่เป็นโรคประจำตัว โรคส่วนตัวมาจนถึงทุกวันนี้
และเรื่อง Anemia ก็มีใครหลายคนทัก ท่านรองฯประเสริฐ คุณหมอนันทา ก็ยังทักว่า หน้าซีดจัง anemia หรือเปล่า ก็บอกว่า ใช่แล้วค่ะ ... อิอิ แต่ไม่ชอบกินยา เหราะว่ามันคลื่นไส้ ... มาครั้งนี้ละ ที่ต้องกิน เพราะก่อนจะผ่านิ่ว ถูก consult หมอ Med เรื่อง anemia ปรากฎว่า Hct ต่ำมาก หมอถามไปถามมา ก็รู้ว่า ไม่กินยาเม็ดธาตุเหล็กน่ะเอง เพราะกินแล้วคลื่นไส้ ท่านก็เลยเข้าใจ และลองสั่งตัวใหม่ หมอบอกว่า เขาให้คนท้องกิน น่าจะกินได้ ... ก็สำเร็จค่ะ เพราะว่าไม่คลื่นไส้ และกินได้ดี ... ก็เลยได้กินมาตลอด แถมให้ลูกสาวกินได้ด้วย เพราะว่าเธอก็เป็น anemia เหมือนกัน เพราะว่าจะไปบริจาคเลือด และเขาไม่รับ เพราะว่าเป็น anemia นี่เอง
และคงจะได้ thalasemia อีกโรค เพราะหมอบอก น่าจะมี sign เพราะดูแล้วเม็ดเลือดแดงมีความผิดปกติอยู่ แต่ผลตรวจยังไม่ออก ก็เลยยังเล่าไม่ได้ละค่ะ
หลายปีมาแล้ว ก็ได้ไป ultrasound ตรวจสุขภาพน่ะเอง โดยคุณสามีสั่ง ก็พบ นิ่วในถุงน้ำดี และ Myoma อยู่แล้ว คือว่า รู้ตัวนานแล้วว่า เป็นละค่ะ แต่ยังรออยู่ เพราะคิดว่า ดีเสียอีก จะได้กินน้อยๆ และหัดใช้ชีวิตอยู่กับโรค ... นี่ดีนะคะ เรื่องอื่นๆ ก็คือ ปวดหัว เป็นไข้ธรรมดา
ปีนี้ กรณีลูกชายเป็นเหตุให้ต้องมาตระหนักในเรื่องการดูแลสุขภาพตัวเอง ก็เลยตัดสินใจ (คุณสามีอีกน่ะแหล่ะกระตุ้น) ผ่านิ่วก่อนดีกว่า ก็เลยมาเอาจริงเอาจัง ไปหาหมอจริงจัง ที่ รพ.รามาฯ คุณหมอก็ยิ้มใจดี เข้าใจไม่อยากผ่า แต่หมอก็บอกว่า สมควรแล้วละ เพราะว่าตอนนี้ผนังหนามากแล้ว ... อิอิ คงจะอยากพูดต่อมา ไม่รู้ทนได้ยังไงตั้งนาน ไม่มีอาการปวดเลย ... เหตุการณ์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็เลยจะทำให้ถึงวันที่จะผ่า ได้ฤกษ์งานประจำเสร็จแล้ว และทำให้เสร็จก่อนที่จะรับงานใหม่ ... ตัดสินใจทำแบบที่คิดว่า แผลน้อยที่สุด และน่าจะหายเร็วที่สุด ซึ่งหมอบอกว่า ผ่าเสร็จแล้ว ก็นอน รพ. ประมาณ 2 วัน และ พักฟื้นสัก 1 อาทิตย์ ... ได้ฤกษ์สะดวก ก็ 19 สค.51 นี้ละค่ะ
... ขนาดฤกษ์สะดวกนี้ วันจันทร์ก็ยังต้องไปอัมพวา ลปรร. เรื่องเครือข่ายการทำงานทันตฯ กับคุณหมอสุณ ผลฯ ค่ะ ไปให้ได้แต่ 1 วัน วันที่ 2 ไม่ได้อยู่ด้วย ก็ต้องกลับมาเข้า รพ.แล้ว
... ผ่าเสร็จ พักฟื้นเกือบ 1 อาทิตย์ ก็ตั้งใจจะไปนครสวรรค์ เพื่อดูเวทีตลาดนัดของศูนย์ฯ นครสวรรค์ นัดคุณหมอนันทาไว้ด้วย ไม่ทราบถึงวันนั้นท่านจะยังคงว่างหรือไม่ แต่งานนี้อยากไปจริงๆ ต้องรักษาตัวให้แข็งแรงให้ทัน
... ตามมาด้วยตลาดนัดกรมอนามัย วันที่ 2-3 กย. ที่อุบลฯ และตามมาด้วย PMQA กองทันตฯ ที่ชลจันทร์ พัทยา 4-5 กย. และตามมาด้วย 8-9 กย. ที่กระบี่ จะไป ลปรร. ผู้สูงอายุภาคใต้กัน อื่นๆ ยังนึกไม่ออก คลับคล้ายคลับคลาว่าจะมีอีก
วันนี้ไปคุยกับคุณหมอเพื่อเตรียมตัวก่อนเตรียมผ่าตัด ... ไปเข้าระบบ RPX ค่ะ คือ ผ่าตัดนอกเวลา ของ รพ.รามาธิบดี คงต้องจ่ายเกินกว่าที่จะเบิกได้ แต่ว่ามีข้อดีก็คือ ไวหน่อย และกำหนดวันที่เราสะดวกได้ กับมีเตียงให้พร้อม แบบ 1 ห้อง 4 คน
หมอได้ให้คำแนะนำเรื่องการเตรียมตัวผ่าตัด ก็คือ
ดูเหมือนจะไม่ยากอะไร ตอนนี้ก็ทำใจไว้ก่อน แต่ใครๆ หลายคนที่มีประสบการณ์ บอกว่า จิ๊บ จิ๊บ สบายมาก ...
สวัสดีค่ะ อาจารย์เพื่อน
จิ๊บๆจริงๆค่ะ อยู่บ้านนอกอย่างบ้านป้าแดง ก็อยู่โรงบาลแค่วันเดียวเองค่ะ
ส่งใจไปช่วยเป็นกำลังใจนะคะ
สวัสดีค่ะ
เรื่องจิ๊บ ๆ จริง ๆ ค่ะ คุณแม่อายุ 70 แล้ว ไปผ่ามาเช่นกัน อยู่ร.พ.นานกว่าป้าแดงหน่อย แต่หายวันหายคืน คุณแม่บอกว่ารู้ว่าผ่าแล้วสบายตัวอย่างนี้ ไปผ่าซะนานแล้ว เก่งจริง ๆ แม่เรา
อ่านพบที่คุณหมอเล่าไว้ในอนุทิน น่าสนใจและแปลกใจกับค่า Hb กับ Hct ที่ต่ำมาก แต่ไม่เป็นไรนะครับ คนในวงการ "สาสุข"แถมมีคนรอบข้างและคนข้างกายเป็นกำลังใจล้นเปี่ยม สู้ สู้ ครับ
การอยู่กับตัวเองแบบรู้จักตัวเอง ได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไรในตัวตนเรานี่ก็ดีไปอย่างนะครับ โดยส่วนตัวผมเองก็น่าจะคล้ายกับคุณหมอที่อยู่กับภาวะความหวานมากๆมานาน แถมไม่ค่อยยอมกินยาเพราะกินทีไรเวลา hypo แล้วมีแต่ง่วงนอนไม่ได้การได้งาน
เห็นด้วยกับการป้องกันโรค ดีกว่าการรักษาแน่นอนครับ