ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 2) พ.ศ2545 ได้กำหนดหลักการจัดการศึกษาข้อหนึ่งว่า ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา โดยบุคคลแต่ละคน ครอบครัว ชุมชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันทางสังคมอื่นทั้งหมดต้องมีส่วนร่วมและผนึกกำลังอย่างเข้มแข็ง เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เป็นพันธมิตรถาวร เพื่อการปฎิรูปการศึกษาที่ยั่งยืน
การมีส่วนร่วมทางการศึกษาในรูปแบบคณะกรรมการบริหารในระดับเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษาเป็นวิธีการบริหารอย่างหนึ่งที่กำหนดไว้ในกฎหมายทางการศึกษา ซึ่งสามารถมีส่วนร่วมได้หลายวิธี เช่น ร่วมแสดงความคิดเห็น ร่วมกำกับติดตามการดำเนินงานของสถานศึกษา ร่วมระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา เป็นต้น
แต่จากการวิจัยติดตามผลการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการศึกษา ของสภาการศึกษาแห่งชาติฯ พบว่า ประชาชนยังเข้ามามีส่วนร่วมทางการศึกษาไม่มากนัก กรรมการสถานศึกษาจำนวนมากยังมีศักยภาพ ความรู้ ความสามารถและคุณลักษณะยังไม่ถึงระดับที่จะมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ และปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ซึ่งเท่ากับว่ารัฐได้เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา แต่ยังขาดมาตรการที่เอื้อต่อการส่งเสริมการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง
จากประสบการณ์ในการเป็นกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน(ผู้ทรงคุณวุฒิ) ของผม 3 โรงเรียน และได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับนักวิชาการ และคณะกรรมการสถานศึกษาอื่นๆอีกหลายแห่งทำให้เกิดความคิดที่อยากเสนอแนะแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องถึง...
ปัจจัย(เงื่อนไข)สู่ความสำเร็จในการพัฒนาสถานศึกษาตามบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ว่าน่าจะมีอย่างน้อย 6 ประการคือ
1.บุคคลในแต่ละสาขาที่จะมาเป็นกรรมการสถานศึกษาต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจด้านการศึกษา และตระหนักในบทบาทหน้าที่ ตลอดจนมีความมุ่งมั่น จริงใจที่จะเข้ามาดูแลการจัดการศึกษาของสถานศึกษาให้เยาวชนได้รับโอกาสและความก้าวหน้าทางการศึกษาสูงสุด(ไม่ใช่เป็นเพียงอนุสาวรีย์เท่านั้น) และปฏิบัติหน้าที่อย่างมีกัลยาณมิตร (ซึ่งข้อจำกัดของเราในขณะนี้คือ ความหลากหลายของแต่ละพื้นที่ในการสรรหากรรมการ)
2.สถานศึกษาต้องสร้างโอกาส เปิดโอกาส เปิดใจ และให้เกียรติคณะกรรมการฯได้ปฏิบัติตามหน้าที่อย่างแท้จริง ซึ่งปัจจุบันยังพบว่าโรงเรียนหลายแห่งให้ความสำคัญกับกรรมการสมาคมฯ กรรมการมูลนิธิฯ มากกว่ากรรมการสถานศึกษา(ซึ่งเป็นกรรมการตามพรบ.) และสถานศึกษาบางแห่งครูและบุคลากรยังไม่รู้จักกรรมการสถานศึกษาด้วยซ้ำ
3.สถานศึกษาและหรือ สพท.ควรจัดให้มีเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ หรือให้ความรู้ด้านนโยบายทางการศึกษา และความเคลื่อนไหวทางการศึกษาให้แก่คณะกรรมการฯอย่างสม่ำเสมอ ตัวอย่างหนึ่งเกี่ยวกับการให้ความรู้ความเข้าใจด้านการศึกษาแก่กรรมการสถานศึกษาที่ผมเคยทำ คือ เมื่อ พ.ศ. 2549 ผมได้เขียนหนังสือเล่มหนึ่งคือ “ศัพท์ปฏิรูปการศึกษาที่ควรรู้” ตีพิมพ์โดยโรงพิมพ์องค์การค้าฯ ด้วยการคัดสรรรวบรวมศัพท์ปฏิรูปการศึกษาสำคัญที่กรรมการสถานศึกษาควรรู้ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่ที่มีเวลาไม่มากนักได้ศึกษา เพื่อจะได้เกิดความรู้ความเข้าใจเรื่องการปฎิรูปการศึกษาในเวลาอันสั้น ก็จะทำให้กรรมการสถานศึกษาสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาได้อย่างมั่นใจมากขึ้น เป็นต้น
4.คณะกรรมการสถานศึกษาฯควรศึกษาและเอาใจใส่กำกับติดตามดูแลสถานศึกษาเป็นพิเศษอย่างน้อย 7 เรื่องคือ
4.1 แผนพัฒนาคุณภาพการศึกษา (3-5 ปี) และแผนปฏิบัติการประจำปี
4.2 หลักสูตรสถานศึกษา การจัดการเรียนการสอน และการวัดผลประเมินผล(คุณภาพผู้เรียน)
4.3 ระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา
4.4 ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน
4.5 การปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมนักเรียน(เช่น ขาดวินัย,เบื่อเรียน,ติดเกม ฯลฯ)
4.6 กิจกรรมส่งเสริมสุนทรียภาพนักเรียน เช่น ดนตรี กีฬา ศิลปะ
4.7 การพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา ฯลฯ
5. คณะกรรมการต้องหากลวิธีที่เหมาะสมในการกำกับติดตาม และให้ข้อเสนอแนะอันเป็นทางออกที่สร้างสรรค์ในการจัดทำแผนพัฒนาโรงเรียน และแผนปฏิบัติการประจำปี การดำเนินการตามแผน การติดตามประเมินผล และการปรับปรุงพัฒนาการดำเนินการอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องตามวงจร PDCA รวมทั้งติดตามการนำมติที่ประชุมไปปฏิบัติด้วย ภายใต้บรรยากาศที่ดีอย่างมีกัลยาณมิตร และมีการปรับตัวอย่างยืดหยุ่น
6.เนื่องจากการประชุมคณะกรรมการมีจำนวนครั้งไม่มากนัก การประชุมแต่ละครั้ง ประธานการประชุมต้องสามารถนำการประชุมให้มีประสิทธิภาพ และเกิดคุณค่าสูงสุด โดยให้ความสำคัญกับระเบียบวาระเรื่องพิจารณาเป็นพิเศษ ที่ต้องมีการระดมพลังสมองอย่างทั่วถึง โดยฝ่ายเลขานุการ((ผู้บริหารโรงเรียน)ต้องเตรียมข้อมูลให้กรรมการศึกษาล่วงหน้า รายละเอียดเกี่ยวกับเทคนิคการประชุมกรรมการสถานศึกษา ผมได้เคยนำเสนอไว้ในบล็อกก่อนหน้านี้แล้ว
ผมเปิดประเด็นไว้เพียง 6 ข้อ... ก็อยากฟังความเห็น และข้อเสนอแนะจากประสบการณ์เรื่องนี้ของท่าน เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และต่อยอดความรู้ให้กว้างขวาง หลากหลายมากขึ้นอีกครับ
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ ผมคิดว่าควรเน้นรูปแบบควบคู่กับเนื้อหาให้เกิดความสมดุลย์จึงจะเกิดประโยชน์ต่อสถานศึกษาอย่างแท้จริง
ใช่แล้ว "ควรเน้นรูปแบบควบคู่กับเนื้อหาให้เกิดความสมดุล"...เห็นรูปนี้แล้ว คล้ายกับว่า "พระภิกษุ" เป็นประธานใช่ไหม?
สวัสดีค่ะอาจารย์
เดิมที่โรงเรียนบ้านนอกห่างไกล คนในชุมชนยังไม่เข้าใจบทบาทและหน้าที่ที่มีต่อการจัดการศึกษา
คณะกรรมการก็ยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับ พรบ.การจัดการศึกษา ชุมนและคณะกรรมการไม่ให้ความสนใจกับการมีส่วนร่วมมากนัก เพราะขาดความมั่นใจ เวลาประชุมก็ไม่อยากมา
ภายหลังโรงเรียนได้ขอสนับสนุนทุนการวิจัย ฯ จาก สกว.ภาคโรงเรียนมีปัญหามากกับการมีส่วนร่วม พยายามอยู่อย่างมาก หาวิธีพูดให้เป็นภาษาชาวบ้าน ให้เกียรติ ยอมรับความคิดเห็น ยกย่องและสอดแทรก พรบ. ให้ฟัง ผลงานวิจัยฉบับนั้นล้มเหลวจากการมีส่วนร่วม
ต่อมา..ได้เปลี่ยนผู้บริหารคนใหม่ ได้ออกไปเยี่ยมพบปะชาวบ้าน (โรงเรียนนี้ไม่มีครูในท้องถิ่น มีแต่เดินทางเช้าไป เย็นกลับจากอำเภอและจังหวัด) นัดประชุมบ่อย ๆ ประชุมใหญ่ ประชุมย่อย (โฮมรูมผู้ปกครองกับครูที่ปรึกษา)
จัดกิจกรรมที่ให้ชาวบ้านและคณะกรรมการมามีส่วนร่วมเช่น
กิจกรรมค่ายบูรณาการ (โครงการพัฒนาแหล่งเรียนรู้โดยชุมชนมีส่วนร่วม) กิจกรรม CSR กับสิ่งแวดล้อม โดยเชิญคณะกรรมการฯและคนในชุมชนมาเป็นวิทยากร เรียนรู้ร่วมกับนักเรียน (นักเรียนเรียกบุคคลเหล่านั้นว่าคุณครู)
ช่วยกันสร้างปัจจัยภาพใน คือ...ให้นักเรียนเก่งมีความสามารถด้านต่าง ๆ จัดเวทีให้นักเรียน และเชิญคนในชุมชนเข้ามาร่วม
เชิญประธานกรรมการ (ผู้ใหญ่บ้าน/อบต.) มาเป็นประธานแทบทุกงานจัดให้นักเรียนเป็นตัวแทนแสดงแทนครู เช่นการกล่าวต้อนรับ การกล่าวขอบคุณ ฝึกให้นักเรียนเคารพ กราบไหว้คนทุกคนในชุมชน
กิจกรรมเช่นนี้ดำเนินมาเป็นเวลาเกือบ 2 ปี ในปัจจุบันคณะกรรมการศึกษาและคนในชุมชนเข้ามาร่วมกิจกรรมของโรงเรียนเกือบเต็มร้อย
กิจกรรมทีทำร่วมกันในปัจจุบันคือ กระบวนการสร้างจิตสาธารณะสู่นักเรียนโดยชุมชนมีส่วนร่วม (โรงเรียนต้นแบบคุณธรรมชั้นนำ)
แต่ทุกกิจกรรมยังไม่ได้ยืนยันด้วยระเบียบ หรือกระบวนการวิจัย แต่ทั้งนี้พวกเรามีข้อสนเทศจากการทำวิจัย PAR มาแล้วเมื่อปี 2547-2548
ขอขอบคุณค่ะที่ได้แสดงความคิดเห็น
ด้วยความเคารพอย่างสูง
นพวรรณ พงษ์เจริญ โรงเรียนวิทยสัมพันธ์
สพท.พิษณุโลก เขต 3
ขออนุญาตแสดงข้อมูลในการมีส่วนร่วมของชุมชนด้านการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมฯ ค่ะ
http://www.krukimpbmind.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538703850
ขอบคุณอาจารย์มากเลยที่แสดงข้อมูลให้เห็นถึงความตั้งใจ ความพยายาม จนบรรลุผล แม้เรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องง่ายก็ตาม สามารถให้บทเรียนแก่โรงเรียนอื่นได้อย่างดี
...ตอนที่ผมไปติดตามประเมินผล สพท.พิษณุโลก เขต 3 เราได้พบกันแล้วใช่ไหมครับ
เรียนอาจารย์ที่เคารพ
ก็ได้เห็นอาจารย์ห่าง ๆ ได้ทักทายสวัสดีเมื่อเดินผ่านค่ะ
แต่อาจารย์ไม่รู้จักดิฉัน
ดิฉันรู้จักอาจารย์มานานจากบทความทางวิชาการและจากเว็ปไซท์อื่น ๆ ค่ะ
วันพรุ่งนี้โรงเรียนวิทยสัมพันธ์ ถูกกรรมการไปประเมิน(การประกวด)โรงเรียนต้นแบบคุณธรรมชั้นนำ ของธนาคารออมสินค่ะ
พิษณุโลก 3 เขต มีโรงเรียนต้นแบบคุณธรรมชั้นนำจำนวน 11 โรงเรียนค่ะ
วัฒนธรรมการทำงานของครูที่โรเงรียนมีความพร้อมในการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ค่ะ ผู้บริหารเป็นผู้ร่วมงานคนสำคัญ ให้โอกาสกับครูและนักเรียนค่ะ
กราบขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ ขอให้อาจารย์มีสุขภาพดีค่ะ
ส่งหนังสือ "KM เล่มจิ๋ว" ไปให้แล้วนะครับ
สวัสดีค่ะอาจารย์ที่เคารพ
ดิฉันขอกราบขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ
ดิฉัน จะทำโอกาสรับใช้สังคม ก่อนที่จะเกษียรอายุราชการ
โดยความตั้งใจอย่างมีเจตนาที่เป้าหมายค่ะ