วันนี้ 12 ธันวาคม 2552
นศ.ปี 2 PBL กลุ่ม 7 ทำกิจกรรม "พี่หมอขอเลี้ยงน้อง" ซึ่งจัดเพื่อผู้ป่วยเด็กที่กำลังรักษาตัวในหอผู้ป่วยเด็ก 2 ที่รพ.ชั้น 6 ค่ะ
โครงการ พี่หมอขอเลี้ยงน้อง
หลักการและเหตุผล
เนื่องจากในปัจจุบันโรงพยาบาลสงขลานครินทร์มีผู้ป่วยเด็กที่ต้องได้รับการรักษาพยาบาลเป็นจำนวนมาก และหนึ่งในนั้นเป็นผู้ป่วยที่ต้องเข้าได้รับการรักษาเป็นเวลานาน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อ ตัวเด็ก ผู้ปกครอง บุคคลากร โรงพยาบาล และผู้ปกครอง โดยเฉพาะผลกระทบต่อตัวผู้ป่วยเด็กเอง ที่ได้รับการรักษาเป็นเวลานาน ทำให้ผู้ปกครองไม่มีเวลาในการดูแลอย่างเต็มที่ อาจส่งผลกระทบทั้งด้านสุขภาพจิต และการเรียนรู้ ของผู้ป่วยเด็ก ทำให้เด็กเกิดความเบื่อหน่าย ความเครียด ขาดกำลังใจ ทำให้เกิดความซึมเศร้าตามมา จนอาจเป็นผลในการรักษาทำให้ไม่มีประสิทธิภาพที่ดี ส่วนผลกระทบต่อผู้ปกครอง และบุคลากร นอกจากจะทำให้เสียเวลาแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของผู้ปกครองด้วย อีกทั้งยังเป็นการทำให้ต้องเพิ่มการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์มากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้ป่วยคนอื่น เพราะจะทำให้มีบุคลากรทางการแพทย์ที่จะดูแลผู้ป่วยคนอื่นในโรงพยาบาลลดลง และเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณโรงพยาบาลที่ต้องใช้จ่ายไปกับการดูแลผู้ป่วยเด็กเหล่านี้
ดังนั้นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 2 กลุ่ม PBL 7 จึงเล็งเห็นปัญหาดังกล่าวจึงได้คิดจัดทำโครงการนี้ขึ้นมาเพื่อให้เด็กมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้นและเกิดกำลังใจ ช่วยส่งเสริมให้เด็กมีการพัฒนาที่ดีทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์สังคมและสติปัญญานอกจากนี้ยังทำให้เด็กได้รับความสนุกสนานและผ่อนคลายความเครียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเด็กเจ็บป่วย ผู้ดูแลหลายคนมักให้ความสำคัญของการดูแลรักษามากกว่ากิจกรรมการเล่น ทั้งที่การเล่นเป็นกิจกรรมสำคัญที่ช่วยบรรเทาความวิตกกังวลและความเจ็บป่วยจากโรคที่เป็นอยู่อีกทั้งยังช่วยให้เด็กมีสัมพันธภาพที่ดีและเกิดความไว้วางใจในบุคลากรทางการแพทย์มากยิ่งขึ้น ตลอดจนลดความเครียดของผู้ป่วย ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพดีขึ้น มีแนวโน้มที่จะหายเร็วขึ้น ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยเด็กมีจำนวนลดลง ผู้ปกครองของเด็กมีเวลาว่างมากขึ้น และทำให้บุคลากรที่ดูแลผู้ป่วยเด็กในส่วนนี้มีเวลาไปดูแลผู้ป่วยคนอื่นอย่างทั่วถึง และลดงบประมาณของโรงพยาบาล อีกทั้งยังมุ่งหวังให้สถาบันครอบครัวมีความอบอุ่น เด็กได้รับการเลี้ยงดูที่ดี มีพัฒนาการสมวัย อีกทั้งเสริม ไอคิว และอีคิว เด็กอย่างต่อเนื่อง ด้วยนิทานและเพลง เสียงสูง- ต่ำ ที่ถ่ายทอดเป็นเพลงหรือการเล่านิทาน ส่งผลดีต่อพัฒนาการภาษาและการสื่อสารของเด็ก รวมทั้งจังหวะดนตรี ที่ได้จากการฟังเพลง ร้องเพลง และเต้นตามจังหวะ ยังทำให้เด็กอารมณ์ดี ฝึกความจำ ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาสมอง หรือ ไอคิว และอีคิวดี
โครงการที่กลุ่มของข้าพเจ้าได้จัดทำขึ้นสอดคล้องกับโครงการสายใยรักแห่งครอบครัว ในพระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 ดังที่กล่าวไว้ว่า
ยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพคนและสังคมไทยสู่สังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้ ให้ความสำคัญกับ
(๑) การพัฒนาคนให้มีคุณธรรมนำความรู้ เกิดภูมิคุ้มกัน โดยพัฒนาจิตใจควบคู่กับการพัฒนาการเรียนรู้ของคนทุกกลุ่มทุกวัยตลอดชีวิต เริ่มตั้งแต่วัยเด็กให้มีความรู้พื้นฐานเข้มแข็ง มีทักษะชีวิต พัฒนาสมรรถนะ ทักษะของกำลังแรงงานให้สอดคล้องกับความต้องการ พร้อมก้าวสู่โลกของการทำงานและการแข่งขันอย่างมีคุณภาพ สร้างและพัฒนากำลังคนที่เป็นเลิศโดยเฉพาะในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและองค์ความรู้ ส่งเสริมให้คนไทยเกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต จัดการองค์ความรู้ทั้งภูมิปัญญาท้องถิ่นและองค์ความรู้สมัยใหม่ตั้งแต่ระดับชุมชนถึงประเทศ สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
(๒) การเสริมสร้างสุขภาวะคนไทยให้มีสุขภาพแข็งแรงทั้งกายและใจ และอยู่ในสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่ เน้นการพัฒนาระบบสุขภาพอย่างครบวงจร มุ่งการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน การฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ เสริมสร้างคนไทยให้มีความมั่นคงทางอาหารและการบริโภคอาหารที่ปลอดภัย ลด ละ เลิกพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
(๓) การเสริมสร้างคนไทยให้อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสันติสุข มุ่งเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีของคนในสังคมบนฐานของความมีเหตุมีผล ดำรงชีวิตอย่างมั่นคงทั้งในระดับครอบครัวและชุมชน พัฒนาระบบการคุ้มครองทางเศรษฐกิจและสังคมที่หลากหลายและครอบคลุมทั่วถึง สร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งทุน ส่งเสริมการดำรงชีวิตที่มีความปลอดภัย น่าอยู่ บนพื้นฐานของความยุติธรรมในสังคม เสริมสร้างกระบวนการยุติธรรมแบบบูรณาการและการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังควบคู่กับการเสริมสร้างจิตสำนึกด้านสิทธิและหน้าที่ของพลเมือง และความตระหนักถึงคุณค่าและเคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เพื่อลดความขัดแย้ง
ดังนั้นนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 2 กลุ่ม PBL 7 ได้จัดทำกิจกรรมดังกล่าวขึ้นเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับสังคม และเพื่อเป็นโครงการนำร่อง ให้เป็นแบบอย่างในการพัฒนาต่อไปในระยะยาว
จุดมุ่งหมาย / วัตถุประสงค์
1.เพื่อให้เด็กมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้นและเกิดกำลังใจ
2.เพื่อเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
3.ทำให้เด็กมีเพื่อนมากขึ้นและเป็นการเสริมสร้างการเข้าสังคม
4.เพื่อให้เด็กและญาติรู้สึกว่า การอยู่โรงพยาบาลไม่เป็นเรื่องน่าเบื่อ
5.เพื่อให้เด็กได้มีโอกาสในการรับความรู้และความสนุกสนาน
6.เพื่อให้ผู้ปกครองได้เข้าร่วมกิจกรรมและมีความใกล้ชิดกับผู้ป่วยและบุคลากรทางการแพทย์
7.เพื่อลดความกังวลของผู้ปกครองในขณะที่เด็กอยู่ในโรงพยาบาลตามลำพัง
8.เพื่อลดความเครียดของผู้ป่วย ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพดีขึ้น มีแนวโน้มที่จะหายเร็วขึ้นสามารถเป็นแนวทางให้กับโรงพยาบาลอื่น
9.ช่วยให้เด็กพัฒนาทักษะการเรียนรู้ การใช้เหตุผล และทักษะทางสังคม
สถานที่จัดกิกรรมตามโครงการ
โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา แผนกหอผู้ป่วยเด็ก 2
ระยะเวลาการปฏิบัติงาน
26 ตุลาคม 2552 - 10 มกราคม 2553
ผู้เข้าร่วมโครงการ จำนวนทั้งสิ้น 26 คน ประกอบด้วย
อาจารย์ จำนวน 1 คน
นักศึกษา จำนวน 10 คน
ประชาชนกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 15 คน
ขั้นตอนการดำเนินงาน และแผนการดำเนินงานโครงการ
ขั้นวางแผนงาน
ขั้นดำเนินการ
ขั้นสรุปและประเมินผลการจัดกิจกรรม
1. ประเมินประสิทธิภาพในการจัดโครงการ โดยการสำรวจจากแบบประเมินในผู้ปกครอง และบุคลากร ส่วนเด็กเลือกใช้วิธีสอบถามความคิดเห็น
2. พบอาจารย์ที่ปรึกษา
3. จัดทำรูปเล่มรายงาน
4. นำเสนอโครงการ
5. จัดนิทรรศการ
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
สภาพจิตใจของเด็กดีขึ้นหลังจากได้เข้าร่วมกิจกรรม
เพิ่มพูนทักษาความรู้และมนุษยสัมพันธ์
มีส่วนช่วยให้อาการของเด็กดีขึ้น เนื่องจากมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้นส่งผลต่อร่างกาย
ทำให้บรรยากาศภายในหอผู้ป่วยเด็กดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
เป็นตัวอย่างโครงการที่ดี มีประโยชน์ต่อผู้ป่วย และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับโครงการอื่นๆ ได้ต่อไป
กำลังติดตามครับ
ว่าเมื่อไหร่ลูกศิษย์จะมาเล่าข่าวเสียที
ตามไปดูกลุ่มที่ 5 ได้นะครับ