อาการแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่หญิงครับ ผมเองยังเป็นเลย วิตกว่าจะสอบผ่านไหม
อาการน่าเป็นห่วงค่ะ ..ห่วงคนข้างๆนะคะ
บางทีเราพบเห็นอะไรมากๆเราก็ต้องคิดตามไปด้วย
หรือว่าเราจะหยุดคิด ..หยุดได้ไหมคะ..ก็เราชอบคิดนี่นา.. จริงมั๊ย
สวัสดียามเช้าค่ะ น้องชาย... คนพลัดถิ่น
ขอบคุณค่ะ
แต่ เอ...มันเป็น โรค หรือเปล่า ใครหนอจะเข้ามาตอบให้หายสงสัย
สวัสดีค่ะน้องรัก ... NONGYAO - CHAMCHOY
ขอบคุณค่ะ
อาการพวกนี้เกิดจาก
วิธีแก้
วัยทอง
ถ้าสิ่งแวดล้อมเราแก้ไม่ได้ เราต้องมีวิธีจัดการ
การแก้ที่ตัวเราเอง
ขอให้พี่ครูอ้อย มีความสุขนะคะ
สวัสดีค่ะน้องแก้ว .... แก้ว..อุบล จ๋วงพานิช
ขอบคุณค่ะ น้องแก้ว ก็มีความสุขมากๆๆนะคะ
สวัสดีค่ะ ครูอ้อยของครูแตน
ครูแตนหายไปนาน.............นานมาก
งานเยอะค่ะครูยุคใหม่.........งานจริง ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการเรียนการสอน
ครูแตนเพิ่งเริ่มปฏิบัติธรรมได้ไม่นานนัก........แต่
สรุปได้ด้วยตนเองว่า......ไม่มีใครทำให้เราทุกข์หรือวุ่นวายใจได้เลย....ถ้า
เราหยุดคิด....มีสมาธิ....ไม่คิดตามสิ่งที่ไม่ดีทั้งปวง.....หรือ
แค่คิดว่า.....สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม...
ด้วยความปราถนาดีจาก....ครูแตน(ขอฝากตัวเป็นศิษย์ค่ะ)
สวัสดีค่ะ น้องสาว ... ครูแตน
คิดถึงนะคะ
มาอีกแล้วค่ะครูอ้อยคะ ขออนุญาตเสนอแนวคิด
หากคิดแล้ว หยุดคิดแล้วต่อมน้ำตาทำงาน น้ำตาก็ไหลริน
เป็นธรรมชาติของร่างกายเราหรือสังขาร....
แต่จิตต่างหาก...จิตของเรานี้แหล่ะ...ปรุงแต่ง
เมื่อจิตปรุงแต่งแปลว่าเรายังไม่หยุดคิด...
หยุดคิดไม่ได้ ....ก็ปล่อยให้คิดไปเรื่อย....
แล้วเอาจิตเราตามดูความคิด....ที่ปรุงแต่งไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
คิดแล้วคิดไม่ตก ก็คิดอีก.....เรื่อยๆๆๆๆๆๆๆๆ
แล้วก็คงจะเหนื่อยที่จะคิด หรือ ปลงตกนั่นเอง ....
เฮ้อ....ทุกสิ่งเป็ฯเรื่องสมมุติ....สมมุติว่าเป็นคนชื่อแตน
สมมุติว่าเป็นครูอ้อย....สมมุติอยู่เรื่อยไป
สรุปว่าปลงให้ตก......สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกาล
ตื่นเช้ามา ทำงาน เจอผู้คน ค่ำกลับบ้านเจอครอบครัว เข้านอน
เช้าตื่นนอน ทำงาน เฮ้อ! เมื่อไรจะจบสิ้นนะคนเรา
อุ้ยพูดมากไปหรือเปล่าคะ บ้ายบายค่ะ
สวัสดีค่ะน้องสาว....ครูแตน
อะไรก็ไม่ใช่ของเรา ...
สวัสดีครับ....คุณครูอ้อยครับ...แวะมาเยี่ยมครับ พอดีเจอคำถาม เลยขอแลกเปลี่ยนด้วยคนครับ....
1. วิตกจริต เป็นโรคหรือไม่ ทางโลกไม่ทราบครับ(เป็นหรือไม่ก็ไม่แน่ใจครับ) แต่ทางธรรม อาการวิตกจริต เป็นจริตหนึ่ง ใน 6 จริตซึ่งทุกคนมีครับ ถือเป็นปกติครับ
2. ที่กล่าวมานี้ หญิงคนนี้ ใช่เป็น วิตกจริต หรือไม่...เป็นครับ แต่ไม่ผิดปกติครับ
3. คนข้างเคียง มีส่วนที่ทำให้หญิงคนนี้ เป็นแบบนี้หรือไม่...ทางธรรมบอกว่า จริตนั้นเกิดได้จากบุคคลนั้นเกิดเอง (จากการสัมผัสทางกายและทางใจครับ)อาจจะเป็นจากสิ่งแวดล้อม(บุคคล,สังคม,ธรรมชาติ)ตอบว่าอาจเป็นได้ครับ
4. น่าจะเป็นที่นิสัย จู้จี้ ขี้บ่น ของหญิงคนนี้ หรือไม่ ...นิสัยเป็นพื้นฐานจิตของแต่ละบุคคล ถ้าเราคิดว่า เป็นมุสาวาทา (ศีลข้อ 4)หรือเปล่าครับ(พูดเท็จ,พูดเพ้อเจ้อ,พูดคำหยาบ,พูดส่อเสียด)ถ้าใช่ก็ไม่พูดครับ.. แต่ถ้าไม่ใช่ก็ไม่เป็นไรครับ(อนุญาตไว้ท่านหนึ่งครับ)
5. หากเป็น ทำไมเพิ่งจะมาเป็นตอนนี้ นิสัยนี้น่าจะเป็นมาตั้งนานแล้ว...เป็นก่อนเป็นหลังไม่แปลกครับ เพราะว่าถ้าไม่ผิดศีลก็ไม่น่าจะเป็นห่วงครับ
6. หาทางแก้ไข หาทางบรรเทา ได้อย่างไร..ถ้าเป็นหลักการทั่วไป การไม่พูดก็ทำให้อยู่คนเดียว(ไม่ถูกต้องครับ เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ต้องมีเพื่อนครับ)คงใช้คำว่า"ควบคุม"ดีกว่ามั้งครับ...คติคือ "อยู่คนเดียวระวังความคิด อยู่กับมวลมิตรระวังคำพูด" ครับ...ทางธรรมอาจจะยากไปสำหรับกรณีผู้ไม่เคยปฏิบัติครับ....เพราะวิธีการแก้ไขคือ เพ่งวรรณะกสิน ครับ(ไม่ต้องรู้มากหรอกครับ)
7. คนรอบข้าง มีส่วนทำให้หนักขึ้น หรือ บรรเทาได้หรือไม่...ไม่ได้ครับเป็นเรื่องของความเข้าใจเสียมากกว่า ...ลูกเข้าใจแม่ ก็จะไม่ว่าไม่โต้เถียง ..แต่จะพาไปเที่ยว พาไปออกกำลังกายให้เหนื่อย..สามีที่เข้าใจภรรยาก็จะดูแลภรรยาเพิ่มขึ้น ..ลดงานตัวเองลงเพื่อภรรยาจะได้ช่วยงาน..จะได้คิดหาวิธีบรรเทาอาการดังกล่าวได้ครับ เป็นการบรรเทา แต่ถ้าต่างคนเอาแต่ใจเข้าหากัน ก็ตัวใครตัวมันก็กัน คุณครู...
มารายงานตัวครับ.."ครูอ้อย"
ผมหายไปนานมากกกกกส์... ไม่รู้ยังจำ...กันได้หรือเปล่า........
แต่ก็ยังคิดถึงครูอ้อยเสมอ....ก็ครูอ้อยนี่แหละ..ที่แนะนำให้รู้จักชุมชนแห่งนี้........ขอบคุณครับ....
สวัสดีค่ะท่าน .... นาย สมพงศ์ ตันติวงศ์ไพศาล
ขอให้ท่านโชคดีตลอดไปค่ะ
สวัสดีค่ะท่าน ผอ..นิพนธ์.... หลานเจ้าตาก
ขอบคุณค่ะ