พระแท่นศิลาอาสน์ บรมธาตุทุ่งยั้งสถาน
เวียงแลงศิลาลาน อันลึกล้ำอยู่ลับแล
พร้าวหลากแล้วหมากหลาย เย็นสายน้ำลำห้วยแม่
พูลเปี่ยมไป่เคยแปร มาปรุงเหย้าให้ร่มเย็น
ม่อนภูคือภูพระ พนมมาศบำราศเข็ญ รู้ปรับรู้แปลงเป็น ให้เป็นตัวและเป็นตน เป็นวัดเป็นศรัทธา เป็นผืนผ้าอันอำพล หอมทั่วทั้งมณฑล พระทองหอมแห่งลับแล
ชุมชนบ้านทุ่งยั้งใต้ อำเภอลับแล เป็นชุมชนที่มีความเก่าแก่ชุมชนหนึ่ง จากตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาว่า
ชื่อหมู่บ้านทุ่งยั้งใต้นี้ถือกำเนิดมาครั้งก่อนพุทธกาล เชื่อว่ามีการเสด็จมาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อมาถึงทุ่งนาที่กว้างใหญ่พระองค์ทรงหยุดทอดพระเนตรออกไปสู่ทุ่งนาดังกล่าว จึงเป็นสาเหตุที่ใช้ชื่อเรียกชุมชนที่อยู่ละแวกนี้ว่า "ทุ่งยั้ง"
คาดว่าคนกลุ่มแรกที่เริ่มตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนนั้น เป็นชาวเมืองของเวียงท้าวสามลหรือ "เวียงเจ้าเงาะ" ซึ่งแต่เดิมนั้นถูกใช้เป็นเมืองหน้าด่านของเมืองศรีสัชนาลัย ในสมัยพระเจ้าพศุจราชและใช้เป็นเมืองหน้าด่าน ป้องกันข้าศึกของทัพเมืองเชียงแสน เพราะพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การประกอบกิจกรรมทางการเกษตร และจากความต้องการในการขยายตัวของเมืองจากการเพิ่มของประชากร
สมัยหนึ่งเมืองทุ่งยั้งเคยมีหน้าที่สำคัญในการเป็นเมืองหน้าด่านให้กับกรุงสุโขทัยครั้งกรุงสุโขทัยเป็นราชธานีของราชอาณาจักรไทย เป็นเมืองที่มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูกและมีความเจริญรุ่งเรืองทั้งทางด้านประเพณีและวัฒนธรรม มีการใช้ภาษาถิ่นของตนเอง เรียกว่า "ภาษาทุ่งยั้ง" ซึ่งเป็นภาษาที่สันนิษฐานว่าเป็นภาษาสมัยสุโขทัย ที่มีใช้กันมานานตั้งแต่สุโขทัยเป็นราชธานี
คนทุ่งยั้งส่วนใหญ่เป็นคนสุโขทัยแต่เดิม และเป็นทหารที่มาจับจองที่ทำมาหากิน จึงได้ตั้งรกรากอยู่นี้จนถึงปัจจุบัน ซึ่งคนส่วนใหญ่จะพูดภาษาสุโขทัย
เมื่อสมัยโบราณอาณาจักรเชียงแสนมีคันคูเมืองหลายชั้น มีกำแพงเมืองชาวบ้านเรียกว่า "บ้านหกเขย"
นอกคูเมืองด้านตะวันออกเป็น เวียงเจ้าเงาะ มีร่องรอยคูเมืองปรากฏอยู่ ภายในเมืองทุ่งยั้งเป็นสถานที่เหมาะสมเป็นเมืองอย่างยิ่ง มีบ่อน้ำตื้นมากมาย มีฐานเจดีย์เก่าอยู่ชาวบ้านเรียกว่า "วัดแตงอ่อน" ภายในวัดมีฐานเจดีย์มีพระธาตุ กระดูก และทับทิม จารึกอยู่บนฐานเจดีย์
ภายในเมืองทุ่งยั้งมีสระโบราณเรียกว่า "สระเจ็ดนาง" เป็นพระอาบน้ำของธิดาทั้ง 7 ของท้าวสามล
บ่อน้ำทิพย์ อยู่ใต้กำแพงศิลาแลงของเวียงเจ้าเงาะ จากคำบอกเล่าของผู้อาวุโส ที่เรียกว่า น้ำทิพย์ นั้น เป็นเพราะตักเท่าไรก็ไม่แห้ง ทั้งที่เป็นบ่อตื้น น้ำใส สะอาด ใช้ดื่มกินได้ บางรายเจ็บป่วยก็มาเอาไปทำน้ำมนต์ บ้างก็อธิษฐานให้หายป่วย สัตว์น้อยใหญ่มาดื่มกินก็จะปลอดภัย เนื่องจากมีต้นไม้ซ่อนเร้นมิดชิด
ขนบธรรมเนียม ประเพณีของบ้านทุ่งยั้ง ชุมชนบ้านทุ่งยั้งเป็นชุมชนที่เก่าแก่และมีประวัติศาสตร์ที่มีความเชื่อถือและขนบธรรมเนียม ประเพณีที่เป็นศูนย์กลางความเคารพศรัทธาอยู่หลาย ๆ อย่างด้วยกัน ประกอบด้วยการจัดงานสักการะศาลเจ้าปู่ประตูเมือง
ศาลเจ้าปู่ประตูเมือง เป็นศาลศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้าน มีอายุยาวนานกว่า 20 ปี เป็นที่สักการบูชาของคนในหมู่บ้าน มีลักษณะเป็นศาลไม้ ตั้งอยู่ประตูทางเข้าหมู่บ้าน มีความเชื่อกันว่าสมัยก่อนมีโรคห่าระบาด คนในหมู่บ้านจึงได้บนบาลไว้ว่าขออย่าให้โรคห่าเข้ามาในหมู่บ้านและโรคห่าก็หายไปไม่มีคนในหมู่บ้านเป็นโรคนี้ จึงเชื่อว่าเจ้าปู่ได้ทำการกั้นโรคห่าเอาไว้ไม่ให้เข้ามาในหมู่บ้าน จึงได้เคารพกราบไหว้และในหมู่บ้านจะมีพิธีการบวงสรวงเลี้ยงหัวหมู อาหาร สุรา และถวายช้าง ม้า วัว ควาย แก่ศาลเจ้าปู่ประตูเมือง มีการเข้าทรงโดยร่างทรงทุกปี ประเพณีจะจัดขึ้นในช่วงประมาณสิ้นเดือนเมษายน ถึงต้นเดือนพฤษภาคมของทุกปี งานอัฎฐมีบูชา เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนา คือเป็นวันเผาพระบรมศพจำลองของพระพุทธเจ้า หลังจากเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานได้ 10 วัน
การจัดงานแต่เดิมเป็นลักษณะที่ชาวบ้านนำไม้ไผ่มาสานจำลองเป็นพระพุทธรูป เมื่อถึงวันวิสาขบูชาหลังจากที่มีการ เวียนเทียนเสร็จก็จะเผาพระบรมศพจำลองของพระพุทธเจ้า ซึ่งจะมีการเทศน์สรุปประวัติวันวิสาขบูชา
ภายหลังได้เปลี่ยนให้มีการจัดงานทั้งหมด 10 วัน ให้เอามีการบำเพ็ญกุศล รูปแบบเมรุก็เปลี่ยนให้เป็นแบบทรงไทย ซึ่งแต่เดิมเป็นแบบอินเดียในปีนี้เริ่มงานตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน แล้วทำบุญ 7 วันตามจำนวนของลูกท้าวสามล ได้แก่ มลิวรรณ์ ถันวิลา มลุลี ยี่สุ่นเทศ เกษเมือง เรืองยศ รจนา
วันที่ 8 ก็จะมีการจัดงานสลากภัต ซึ่งการจัดงานสลากภัตนี้ จะให้ชาวบ้านที่ต้องการถวายอาหารกับพระภิกษุสงฆ์ไปจองสลากภัทรที่วัด ซึ่งทั้งหมู่บ้านจะมีชาวบ้านจองประมาณ 200 ถึง 400 สลาก ใ นการถวายอาหารนี้ชาวบ้านจะถวายให้กับพระภิกษุสงฆ์รูปใดนั้น พระภิกษุจะเป็นผู้จับสลากที่ทำมาเมื่อตรงกับชื่อชาวบ้านคนไหน ก็จะให้ชาวบ้านคนนั้นนำอาหารมาถวายพระที่จับสลากได้ ในวันที่ 9 ของการจัดงานจะมีการ เลี้ยงพระ และ วันที่ 10 ทำการถวายพระเพลิงพระบรมศพพระพุทธเจ้าจำลอง มีการเลี้ยงพระ ติดกัณเทศน์ ดอกไม้ดอกบัวบูชา งานอัฐมีบูชาจะมีการจัดงานในเดือน 6 แต่ถ้าปีใดมีเดือนแปด 2 หนจะเลือกจัดงานในเดือน 7 นอกจากนี้มีเทศกาลออกพรรษา บ้านหลังใดที่มีลูกชายบวชจนได้ครบพรรษา เมื่อถึงวันออกพรรษาโยมพ่อ โยมแม่ก็จะมีการร้อยพวงมาลัยนำไปถวายพระ พวงมาลัยนี้จะนำไปพาดที่หลังคาพระอุโบสถ โดยความยาวของพวงมาลัยจะมีความยาวตั้งแต่หลังคาพระอุโบสถจนถึงพื้นดิน ดังนั้นจึงเรียกพวงมาลัยนี้ว่า “พวงมะโหด”
ผู้ร้อยพวงมะโหดจะต้องใช้ความพยายาม และความอดทนในการทำเป็นอย่างมาก ประเพณีนี้ยังเป็นประเพณีที่เกี่ยวข้องกับเวียงเจ้าเงาะ อีกด้วย ดังนั้นครอบครัวใดที่มีลูกไปบวชที่วัดจึงต้องมีการจัดทำพวงมะโหดตลอดมา จนกลายเป็นประเพณีที่สำคัญของหมู่บ้านมาถึงปัจจุบัน
เมืองลับแล น่าจะเป็นเมืองที่เงียบสงบ ชาวบ้านมีวิถีชิวิตเรียบง่ายในแบบของตนเอง ถ้าได้ไปเยือนสักครั้งคงจะดีครับ
ใช่แล้วครับ
แต่ตอนนี้ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ครับ เพราะเพิ่งโดนโคนถล่มมา ยังไม่กลับสู่ภาวะปกติเท่าไหร่ครับ
ยินดีเป็นอย่างยิ่งเลยครับ
ลองนึกถึงงานวัดพระแท่นศิลาอาสน์นะครับ
เพราะอยู่ใกล้ ๆ กันครับ
ทุ้งยั้งน่าสนใจมากเลยค่ะ กะว่าจะลงพื้นที่สำรวจบริเวณนี้ในเสาร์ อาทิตย์นี้
ไม่ได้กลับบ้านมาหลายปี แต่ก็ยังติดตามถามข่าวอยู่เสมอ หลายๆสิ่งในหลายๆปีที่ผ่านมา ดูแล้วมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก จนกระทั่งแทบไม่เหลือภาพเก่าๆให้ได้เห็น และเมื่อวันน้ำหลากรู้สึกตกใจและเป็นหวงพ่อ,แม่,พี่น้อง,และเพื่อนมาก เพราะไม่เคยมีเหตุแบบนี้เลย แต่เมื่อติดตามข่าวก็รู้สึกโล่งใจ ที่ทุ่งยั้งไม่ได้รับความเดือดร้อนมากนัก นี่ก็ ขึ้น 9 ค่ำเดือน 3 แล้ว งานประจำปีคงเริ่มแล้ว ใครได้ไปเที่ยวเล่าสู่กันฟังบ้าง [email protected]
บทความน่าสนใจมาก ๆ ครับ
^^
เคยแต่ได้ยินว่าเมืองลับแลเงียบสงบดีเคยมีคนรู้จักอยู่ที่บ้าน 72 หมู่10ต.ทุ่งยุ้ง คนในบ้านสบายดีทุกคนป่าว
อยากกลับไปเยี่ยมจังพียุทธมีลูกกี่คนแล้วใครอ่านเจอตอบให้ด้วยนะ
ได้ไปบ้านมาแล้ว ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างกะตา แม้อะไรจะเปลี่ยนไป ทีนั่นก็เป็นที่ที่อบอุ่นเสมอ เพราะเป็นบ้านเรา เร็วๆนี้คงได้ไปเยี่ยมบ้านอีก
เสียดายจังเลย... งานวิสาขะบูชาลำลึกที่วัดทุ่งยั้งไม่ได้ไปเทียว เห็นเขาบอกว่าจัดงานได้ยิ่งใหญ่มาก มีคนมาชมงานล้นหลาม เพื่อนสมาชิกท่านใดได้ไปงานมาและได้ภ่ายรูปไว้ เอามาโพส์ให้ดูบ้าง ผมเองมาอยู่ต่างจังหวัดหลายปี ไม่ค่อยได้กลับบ้านบ่อยนัก