AAR การอ่านบทความเรื่อง On the Brink of Disaster โดย Allan Sloan ในนิตยสาร Fortune ฉบับ April ๑๔, ๒๐๐๘ บทความนี้อ่านได้ที่ http://money.cnn.com/2008/03/28/news/economy/disaster_sloan.fortune/index.htm?postversion=2008033113 แต่ในนิตยสารฉบับเล่มมีรายละเอียดมากกว่า ผม AAR ประสาคนอ่านเรื่องทางเศรษฐกิจไม่แตกว่า
- นักลงทุน/นักจัดการการลงทุน จะใช้ “ความริเริ่มสร้างสรรค์” ในการทำให้อะไรก็ได้ (ที่ทำได้) กลายเป็นทุน (capital) ขึ้นมา ให้เอามาซื้อขายเอากำไรกันได้
- ตามปกติ คนจะลงทุนในกรณีที่ความเสี่ยงไม่สูงเกินไป แต่นักจัดการการลงทุนก็จะหาทางทำให้คนเชื่อว่า “สินค้า” เพื่อการลงทุนชิ้นที่คิดขึ้นใหม่ ไม่เสี่ยงมากนัก แต่ได้กำไรดี คนก็จะแห่กันไปลงทุน และติดใจ/เมามัน เพราะกำไรดีจริงๆ อย่างไม่น่าเชื่อ
- “อย่างไม่น่าเชื่อ” แปลว่าไม่สมเหตุสมผล สภาพที่คนแห่ไปลงทุนในกิจการที่ให้กำไรดีอย่างไม่สมเหตุสมผล คือสภาพก่อฟองสบู่ เมื่อฟองใหญ่ขึ้นๆ ในที่สุดก็จะต้องแตก ตามธรรมชาติ
- จำได้ว่า ช่วงปี ๒๕๓๕ – ๒๕๓๖ ผมมาเรียน วปอ. รุ่น ๓๕ เพื่อนๆ ปรอ. รุ่น ๕ ที่เป็นนักธุรกิจเล่าว่า ทางธนาคารคอยโทรศัพท์ให้มากู้เงิน เพราะมีเงินพร้อมที่จะให้กู้มาก คือมาจากต่างประเทศ เป็นการให้กู้เงินแบบไม่สมเหตุสมผล
- ฟองสบู่เศรษฐกิจอเมริกันคราวนี้เกิดจากการสร้างตลาดบ้านอยู่อาศัยแก่คนที่เครดิตไม่ดี แต่หาวิธีทำให้เป็นที่ยอมรับ เกิดการกู้เงินเอาไปซื้อขายบ้าน ได้กำไรกันถ้วนหน้า อย่างเมามัน แต่เครดิตไม่ดีก็คือเครดิตไม่ดี ในที่สุดก็มีคนจ่ายหนี้ไม่ได้จำนวนมาก ก็คือฟองสบู่แตก สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่อย่าง Bear Stearns จึงล้ม และที่น่ากลัวคือระบบเศรษฐกิจทั้งระบบจะเข้าสู่การตกต่ำ ครั้งใหญ่อย่างเมื่อปี ๑๙๒๙ ที่ลามมาไทยในปี ๑๙๓๒ (พ.ศ. ๒๔๗๕)
- รัฐบาลอเมริกันอัดฉีดเงิน ๐.๕ ล้านล้านดอลล่าร์ เข้าไปในระบบ เพื่อยันไม่ให้ เศรษฐกิจล่ม เหมือนกับที่รัฐบาลไทยเข้าไปอุ้มระบบเศรษฐกิจที่ล่มเมื่อปี ๒๕๔๐ ถามว่าเงินเหล่านั้นมาจากใคร คำตอบคือมาจากผู้เสียภาษี ทั้งภาษีทางตรง และภาษีทางอ้อม คือพวกเรานั่นเอง
- ผมได้คำตอบว่า ฟองสบู่ทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นในประเทศใด ผู้เสียภาษีในประเทศนั้นเตรียมตัวจ่ายค่าฟองสบู่นั้นได้ จะต้องเกิดขึ้นไม่เร็วก็ช้า
วิจารณ์ พานิช
๙ เม.ย. ๕๑