ตัวชี้วัด KM ย่อมต้องใช้ให้เหมาะสมต่อธุรกิจและสถานภาพขององค์กรและต้องหมั่นตรวจสอบว่าเครื่องมือวัดและตัวชี้วัดที่ใช้ยังมีความเหมาะสมอยู่หรือไม่ อาจต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
หัวใจคือ การวัดและประเมิน การสร้าง การแลกเปลี่ยน และการใช้ความรู้ ภายในองค์กร
การที่องค์กรมีตัวชี้วัดและมีการวัดพฤติกรรมที่สะท้อนภาพต่อไปนี้ เป็นดัชนีบอกความเข้มแข็งของกระบวนการ KM : พฤติกรรม ค่านิยม ความเชื่อ บรรทัดฐาน (norms) เครือข่ายทางสังคม เรื่องเล่าภายในองค์กร การมีตัวชี้วัดสิ่งเหล่านี้จะช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงวัฒนธรรมหรือเชิงพฤติกรรมภายในองค์กร
การมีตัวชี้วัดพฤติกรรมและเชิงการจัดรวมตัวกัน (organizational) จะเป็นเครื่องช่วยบอกว่ามีการใช้ KM อย่างเหมาะสม และได้รับประโยชน์คุ้มค่าหรือไม่ พฤติกรรมและความสัมพันธ์เหล่านี้มีพื้นฐานมาจากบุคลิกและความเชื่อของสมาชิกขององค์กรรายบุคคล คุณสมบัติดังกล่าวได้แก่ คุณค่า ความเชื่อ ประสบการณ์ มุมมอง ความคาดหวัง การยอมรับ ขีดความสามารถ วัฒนธรรมองค์กร วัฒนธรรมย่อย การเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ปฏิสัมพันธ์หรือกระบวนการกลุ่ม การเมือง และโครงสร้างขององค์กร
ตัวชี้วัดสำคัญที่ช่วยบอกว่าองค์กรได้ดำเนินการ KM อย่างถูกทาง ได้แก่
- บทบาทและความรับผิดชอบที่ยืดหยุ่นไปตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
- วัฒนธรรม "เพ่งภายนอก" (outward looking) ที่อดทนต่อความไม่ชัดเจน (ambiquity) ได้แก่ การเปิดรับความรู้ใหม่ แนวความคิดและหลักการใหม่ ๆ ยอมรับว่าต้องเรียนจากความผิดพลาด การให้คุณค่าต่อความแตกต่างและความหลากหลาย องค์กรส่งเสริมการคิดกระบวนระบบ (systems thinking) การคิดที่ซับซ้อน (complexity thinking) การใช้ mental models และการเล่าเรื่อง
- การให้คุณค่าต่อการสร้างความสัมพันธ์ใหม่ เครือข่ายทางสังคมและชุมชน มีระดับของความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกลุ่มและภายในสมาชิกของทีม
- การแบ่งปัน (sharing) ถือเป็นหน้าที่อย่างหนึ่ง อำนาจเกิดจากความรู้ที่ได้จากการแบ่งปันและการสร้างขึ้นจากระบวนการทางสังคม
- องค์กรให้คุณค่าต่อคนและกระบวนการที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีประโยชน์ มีการยอมรับนับถือภาวะผู้นำระดับบุคคล การจัดการตนเอง และการเอื้ออำนาจ (empowerment)
Ref. Standards Australia. Knowledge management - a guide. AS 5037 - 2005
วิจารณ์ พานิช
3 มิ.ย.50
ไม่มีความเห็น