องค์กรธุรกิจอยู่ในสภาพเผชิญปัญหาอยู่ตลอดเวลาและใช้เครื่องมือด้านการจัดการหลากหลายชนิด เช่น การลดขนาด ลดค่าใช้จ่าย ออกแบบวิธีการทำธุรกิจใหม่ ปรับโครงสร้าง รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อน เครื่องมือเหล่านี้ใช้ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง ก่อผลร้ายมากกว่าผลดีบ้าง เช่น การลดขนาดองค์กรโดยปลดคนออก อาจทำให้ความรู้สำคัญสูญหายไป
ศาสตร์ด้าน KM เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 20 ปีมาแล้ว โดยมี 2 แนวทางใหญ่ ๆ คือ (1) การดำเนินการเกี่ยวกับความรู้แจ้งชัดโดยรวบรวม จัดเก็บ และนำออกมาใช้ โดยจัดทำเป็นเอกสารและระบบสารสนเทศ (2) เน้นที่การเชื่อมโยงคน มอง KM เป็นกระบวนการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างคน เน้นความรู้ฝังลึกที่อยู่ในคน
ในสมัยนี้ KM ไม่แยกเป็น 2 สายอีกต่อไป แต่เป็นส่วนผสมที่เหมาะสมต่อบริบทของแต่ละองค์กร โดยดำเนินการให้มีสมดุลระหว่างองค์ประกอบทั้ง 4 คือ people, process, technology และ content
องค์กรต่าง ๆ เอาใจใส่สินทรัพย์ทางปัญญามากขึ้น เพราะเห็นว่าการมุ่งเฉพาะเงินเป็นข้อจำกัดต่อความยั่งยืนเข้มแข็งขององค์กร
ตัวอย่างภาคปฏิบัติ
บริษัทเล็ก ๆ ที่ทำธุรกิจบริการวางแผนการเงินให้แก่ SME มีเป้าหมายการใช้ KM 2 วัตถุประสงค์ (1) เพื่อทำเอกสาร "สิ่งที่เรารู้" เพื่อให้ผู้ถือหุ้นสามารถเข้าถึงได้ และ (2) เพื่อสร้างและพัฒนาชุมชนผู้ถือหุ้นและลูกค้า เพื่อแลกเปลี่ยนวิธีปฏิบัติที่ดี
Ref. Standards Australia. Knowledge management - a guide. AS 5037 - 2005
วิจารณ์ พานิช
3 มิ.ย.50
ไม่มีความเห็น