โชคดีที่ผมได้เข้าร่วมการประชุมวิชาการประจำปี ครั้งที่ ๓ ของสถาบันวิจัยประชากรและสังคม ม. มหิดล เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 50 ทำให้ผมเข้าใจว่าความเป็นจริงเรื่องประชากรของไทยเปลี่ยนไปแล้ว อย่างมากมาย และช่วยให้ผมเข้าใจ เรื่องวิถีชีวิตอุบัติใหม่ (ที่ผมจะต้องเข้าไป ลปรร. ในการประชุมสมัชชาวิทยาศาสตร์ฯ ครั้งที่ 6 ในวันที่ 16 ก.ค.) มากขึ้น
สาระสำคัญจากการประชุม ปลุกคนไทยให้ตื่นจากความเข้าใจผิด 3 ประการ ได้แก่
1. คนไทยส่วนใหญ่อยู่ในชนบท
2. คนไทยส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร
3. นคราภิวัตน์ (urbanization) เป็นตัวปัญหา
คุณกิริ กิริธาร์ ผู้แทน UNFPA ประจำประเทศไทย ช่วยเปิดกระโหลกผม ว่าเราควรมองนคราภิวัตน์ (urbanization) ด้วยสายตาหรือมุมมองใหม่ ที่เป็นมุมมองเชิงบวก มองว่า urbanization เป็น transition เป็นสิ่งที่มีคุณประโยชน์ ไม่ใช่ปัญหา แต่จะมีคุณประโยชน์ได้ ต้องมีการวางแผนล่วงหน้า ให้สังคมเมือง กับสังคมชนบทเกื้อกูลส่งเสริมกัน คนในสังคมเมืองควรได้เรียนรู้จากวิถีชีวิตชนบทด้วย
รศ. ดร. วรากรณ์ สามโกเศศ รมช. ศึกษา ปาฐกถาพิเศษเรื่อง "การศึกษากับนคราภิวัตน์และวิถีชีวิตเมือง" ชี้ให้เห็นคุณค่าหรือประโยชน์ของชีวิตเมือง โดยเฉพาะ proximity ท่านบอกว่า คนเมืองมีธรรมชาติ faceless, มุ่งอยู่รอด, impersonal การศึกษาเพื่อวิถีชีวิตเมือง จึงต้องเรียนรู้ 4 เรื่องสำคัญ
1. การคบคน โดย รักษาระยะห่างที่ไม่เท่ากัน - human skill
2. คิดเป็น เพื่อไม่ให้ถูก "ล้วงกระเป๋า" โดยระบบตลาด ตรงนี้ผมมองว่าเป็น "ภูมิคุ้มกัน" จากสิ่งยั่วยวนต่างๆ
และการมี Social Intelligence พูดเป็น ไม่ตัดรอน ไม่สร้างศัตรู
3. มีทักษะในการจัดการอารมณ์กับตนเอง เคารพ เห็นคุณค่าของตนเอง สร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น - Emotional Intelligence
4. ทัศนคติในการครองชีวิต ต้องสอนตัวเอง เพราะชีวิตเมืองถูกชักจูงไปในทางเสื่อมได้ง่าย
ตัวเลขน่าสนใจด้านการศึกษา จากท่านรัฐมนตรี ดร. วรากรณ์ คนที่เกิดรุ่นหนึ่งเรียนจบ ป. 6 74%, จบ ม. 3 61%, จบ ม. 6 39%, และเข้าเรียนระดับอุดมศึกษา 31% ตัวเลขนี้บอกอะไรๆ ผมมาก แต่จะยังไม่กล่าวในที่นี้
ศ. ดร. ปราโมทย์ ประสาทกุล นำเสนอเรื่องที่ทุกคนรอคอย คือเรื่อง ระเบิดประชากร
ระเบิด 3 ลูก ได้แก่ (1) ระเบิดเกิดล้าน ผ่านไปแล้ว (2) ระเบิดผู้สูงวัย (คนอายุเกิน 60 ปี >10%) เริ่มปี 2544 (3) ระเบิด คน/ประชากร เมือง ซึ่งหมายถึงคนที่อยู่ในเขตเทศบาล (>50%) เริ่มปี 2550
การประกอบอาชีพ เปลี่ยนไปแล้ว ในภาคเกษตรเพียง 20% และจะลดลงเรื่อยๆ โดยที่ผลผลิตทางการเกษตรไม่ลดลง
ผศ. ดร. กาญจนา ตั้งชลทิพย์ นำเสนอเรื่อง เมืองโตเดี่ยว ซึ่งก็คือกรุงเทพ
สาเหตุหลัก คือ การย้ายถิ่น
รศ. ดร. โยธิน แสวงดี เสนอเรื่อง เมืองชุมทาง - อ. นางรอง จ บุรีรัมย์ โดย มองด้วย World Systems Theory
การตัดถนนเส้นทางโชคชัย - เดชอุดม ในปี 2509 นำไปสู่การตัดป่า และการปลูกมันขายยุโรป
ถนนและไฟฟ้า เป็นปัจจัยหลักในการเปลี่ยนที่ตั้งถิ่นฐานของผู้คน
จากป่าทึบ สู่ทุ่งนา สู่ดงตึก
ดร. อุมาภรณ์ ภัทรวาณิชย์ นำเสนอเรื่อง การศึกษา ความไม่เท่าเทียมระหว่างเมืองกับชนบท
ยืนยันหลักฐานข้อมูลว่าคนเมืองได้รับการศึกษาที่ดีกว่า และตัวเลขที่น่าสนใจคือเพศหญิงได้รับการศึกษาดีกว่าเพศชาย
สำหรับเรื่องการศึกษา ผมอยากพุ่งไปมองที่ "การเรียนรู้" มากกว่า และอยากให้มองที่คนทุกกลุ่มอายุ
มีหลักฐานแน่นอน ว่า คนเมืองมีความสุขน้อยกว่าคนชนบท
จากการเข้าร่วมการประชุมนี้ครึ่งวัน (ไม่สามารถอยู่ร่วมในช่วงบ่าย) ผมสรุปว่า วิถีชีวิตอุบัติใหม่ที่เป็นภาพใหญ่คือ
- วิถีชีวิตที่มีผู้สูงอายุในสัดส่วนสูง
- วิถีชีวิตเมือง
- วิถีชีวิตโดดเดี่ยว ตัวใครตัวมัน
- วิถีชีวิตที่เยาวชนถูกหล่อหลอมให้เป็นผู้ร้ายโดยไม่รู้ตัว
- วิถีชีวิตที่มีสิ่งล่อใจ ล่อให้ซื้อ ให้เสพ มากเกินพอดี
- วิถีชีวิตในสังคมเปิด ที่การติดต่อสื่อสารคมนาคมเปิดกว้าง โอกาสเรียนรู้เปิดกว้าง
- วิถีชีวิตที่คนมีการเคลื่อนไหวเคลื่อนย้าย (mobility) สูง
ผมจะเอาความรู้ที่ได้ในวันนี้ ไปบอก ผศ. ดร. เทียนทอง ทองพันชั่ง ให้บูรณาการประเด็นเข้าไว้ในบทความเรื่องวิถีชีวิตอุบัติใหม่ ที่จะนำเสนอในการประชุม สมัชชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ครั้งที่ ๖ เรื่อง ว&ท กับประเด็นอุบัติใหม่ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี วันจันทร์ที่ 16 ก.ค. 2550
วิจารณ์ พานิช
30 มิ.ย. 50
ขอบพระคุณครับ
เรียน ท่านอ.วิจารณ์ พานิชค่ะ
กราบสวัสดีครับท่านอาจารย์วิจารณ์
ท่านอาจารย์สบายดีไหมครับ ผมเอาแผนที่ปลามาฝากครับ
เผื่อมีคนสนใจเอาไปประยุกต์กับโมเดลปลาทูได้ด้วยครับ
กราบขอบคุณมากครับ รักษาสุขภาพนะครับ
เม้ง