ยิ่งนับวันนวัตกรรมยิ่งเป็นปัจจัยหลักสำหรับสร้างความมั่งคั่ง โดยที่ตั้งแต่เริ่มยุคอุตสาหกรรมเป็นต้นมา ปัจจัยหลักสำหรับการสร้างความมั่งคั่งได้เปลี่ยนไป โดยแบ่งออกได้เป็น 3 ยุคย่อย
1. ยุคย่อยที่ปัจจัยสร้างความมั่งคั่งหลักคือวัตถุดิบ พลังงาน แรงงาน เครื่องจักร ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เรียกว่า Factor - Driven Economy
2. ยุคย่อยที่ปัจจัยสร้างความมั่งคั่งหลักคือ ประสิทธิภาพในการทำงานที่เรียกว่า Efficiency - Driven Economy
3. ยุคย่อยที่นวัตกรรม เป็นปัจจัยหลักในการสร้างความมั่งคั่งที่เรียกว่า Innovation - Driven Economy
รูปแบบของตลาดก็เปลี่ยนแปลงไป จากสภาพที่เรียกว่า industrial model ไปเป็น complex adaptive systems model
นวัตกรรมเป็นกระบวนการเชิงปฏิสัมพันธ์และเกิดจากการทำซ้ำ ๆ ขึ้นอยู่กับเครือข่ายทางสังคม ปฏิสัมพันธ์ระหว่างคน การไหลของความรู้และความเข้าใจเรื่องความเสี่ยง นวัตกรรมได้รับการกระตุ้นโดยความรู้ที่เกิดขึ้นจากการเชื่อมโยงและเกิดจากความเข้าใจที่ลึกซึ้งที่รวบรวมผ่านเครือข่ายที่มีปฏิสัมพันธ์อย่างมีพลวัตและเป็นเครือข่ายเปิด นวัตกรรมเติบโตพัฒนาขึ้นภายในความสัมพันธ์ จากความรู้ที่สร้างขึ้นภายในวงแลกเปลี่ยนเรียนรู้
KM ช่วยฟูมฟักนวัตกรรมโดยการสร้างวัฒนธรรม และช่วยส่งเสริมพฤติกรรมและเจตคติที่ช่วยกล่อมเกลาส่งเสริมจิตใจที่สงสัยใคร่รู้และการแสวงหาวิธีการโดยการลอง ลองผิดลองถูก ภายใต้สภาพที่ไม่ชัดเจน ไม่แน่นอน และไร้ระเบียบ KM จะช่วยให้องค์กรตรวจพบสัญญาณการเปลี่ยนแปลงที่อาจเป็นอันตรายหรือเป็นโอกาสใหม่ ๆ และใช้สัญญาณเหล่านั้นเป็นตัวกระตุ้นการเปลี่ยนแปลง
กระบวนการนวัตกรรมเป็นกระบวนการสร้างความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ผ่านกระบวนการเชิงพาณิชย์ (commercialization) หรือผ่านการลงมือปฏิบัติตามแนวคิด โดยมีการกำกับตรวจสอบและมีโมเดลด้านการเงินและด้านความเสี่ยงเป็นตัวกำกับ กล่าวอย่างง่ายที่สุด นวัตกรรมเกิดจากการเอาแนวคิดดี ๆ ไปทดลองปฏิบัติให้เกิดผลสำเร็จ KM เป็นตัวช่วยกระตุ้นอัตราเร็วของการเกิดนวัตกรรมที่เป็นการสร้างองค์ความรู้ใหม่ ๆ (content creation), สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่และบริการลูกค้ารูปแบบใหม่ ๆ โดยช่วยผสานการสร้างความรู้เข้ากับการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และความร่วมมือกัน
Ref. Standards Australia. Knowledge management - a guide. AS 5037 - 2005
วิจารณ์ พานิช
24 มิ.ย.50
ไม่มีความเห็น