องค์กรต้องเผชิญคลื่นการเปลี่ยนแปลงที่ถาโถมซัดสาดเข้ามา ยิ่งเป็นองค์กรที่ถูกกระแสโลกาภิวัตน์ การเผชิญความเปลี่ยนแปลงที่ไม่แน่นอนยิ่งรุนแรง สิ่งที่องค์กรต้องกระทำคือสร้างพลังความเข้มแข็งภายในองค์กร ที่จะสามารถเผชิญความไม่แน่นอนในอนาคตได้ โดยการสร้างพลังทางสังคมภายในองค์กร เพื่อสร้างพลังแห่งการสนธิพลัง (synergy)
ในสภาพเช่นนี้ KM จะถูกท้าทายยิ่งในการทำหน้าที่แก่องค์กรใน 4 ประเด็นใหญ่ ๆ คือ adapt, facilitate, build, และ assist ดังนี้
1. Adapt ปรับขีดความสามารถขององค์กรในการทำความเข้าใจระบบนิเวศของตน สามารถรับสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงก่อนที่การเปลี่ยนแปลงนั้นจะมาถึง ทำให้องค์กรเกิดการเรียนรู้จากอนาคตที่ไล่ตามมา
2. Facilitate อำนวยความสะดวกต่อการ ลปรร. เพื่อทำความเข้าใจ "สุขภาพ" ขององค์กร และทำความเข้าใจความสามารถในการประกอบการขององค์กรในภาพรวม รวมทั้งช่วยส่งเสริมให้องค์กรมีเป้าหมายตรงกับเป้าหมายของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งมวล
3. Build เพื่อช่วยให้องค์กรเติบโตและเข้มแข็งโดยสร้างต่อจากฐานส่วนที่เข้มแข็งอยู่เดิม และในขณะเดียวกันก็สร้างการเปลี่ยนแปลง (transition) องค์กรอย่างราบรื่น
4. Assist ช่วยให้องค์กรสามารถเอาชนะแรงโน้มถ่วงหรือแรงดึงให้อยู่กับที่ อันเกิดจากความสำเร็จในอดีต โดยการปลดปล่อยความอัจฉริยะภายในองค์กรออกมาสร้างนวัตกรรมเชิงองค์กรอย่างรวดเร็ว
KM ยุคใหม่ต้องมีความร่วมมือกับพันธมิตรภายนอกองค์กร และพนักงานที่ทำหน้าที่สื่อสาร เรียนรู้ แลกเปลี่ยนข้ามพรมแดน (Boundary Spanner) มีค่ายิ่ง
จะต้องหาทางให้พนักงานที่เป็น boundary spanner เข้ามาอยู่ทีมพัฒนาองค์กรอย่างเป็นทางการ เพื่อสร้างความรู้และสร้างนวัตกรรมอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องยั่งยืน
Ref. Standards Australia. Knowledge management - a guide. AS 5037 - 2005
วิจารณ์ พานิช
24 มิ.ย.50
ไม่มีความเห็น