- ในวิธีคิดที่ยึดถือกันในปัจจุบัน ภายในองค์กรเต็มไปด้วย "ผู้ไม่รู้" ผู้เบาปัญญา การศึกษาต่ำ ไม่เอาไหน
- เพราะเราคิดว่าการเป็น "ผู้รู้" วัดที่ปริญญา ตำแหน่ง และการพูดทฤษฎี
- แต่วิธีคิดแบบ KM ทำให้คนทุกคนที่ทำงานเป็น "ผู้รู้" อย่างน้อยเขาก็เป็น "ผู้มีความรู้" ในงานที่เขาทำ และเขาอาจมี "ความรู้" ที่เป็นเคล็ดลับในการทำงาน ไม่มีในตำราเล่มใด
- การปฏิบัติ KM ยิ่งทำให้ "ผู้ปฏิบัติ" หรือพนักงานระดับปฏิบัติยิ่งมี "ความรู้" มากขึ้น เพราะกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งเป็นองค์ประกอบหนึ่งของ KM จะทำให้มีการ ลปรร. ความรู้ฝังลึกระหว่างกัน และมีการสกัด "ความรู้แจ้งชัด" ออกมาด้วย
- ทั้งหลักการและวิธีปฏิบัติ KM ทำให้คนทุกคนเป็น "ผู้รู้" และยิ่งมีความเป็นผู้รู้เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง
วิจารณ์ พานิช
21 ก.ย.50
ต้องร้องเพลงว่าใช่เลย
ครับ อ.หมอ ผมกำลังทำหลักสูตรอย่างที่ อ.บอกให้เรียนรู้กันเองเพื่อจัดกรอบความคิดใหม่ที่ใช้ตรงกับภูมิสังคม แต่ก็ต้องต่อสู้กับคนยึดติดตำราว่าไปเอาทฤษฎีใหนมา ใครเจ้าของทฤษฎี
สวัสดีครับ อาจารย์หมอ
ขอบคุณครับ อาจารย์หมอ
สวัสดีครับ อ.หมอ
สวัสดี ค่ะ อาจารย์หมอ
ข้อความไม่กี่บรรทัดนี้ มีความหมายมากมาย และยังช่วย ต่อยอดความรู้ ของดิฉัน ในการสอนวิธีการจัดการความรู้ของนักเรียนด้วย
ขอบคุณมากค่ะ จะรออ่านอีก
สวัสดีครับอ.วิจารณ์ครับ
ผมเห็นด้วยกับอาจารย์มากๆครับ เรื่องการยึดถือเอาทฤษฎี (ขออนุญาติแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับ)มาตั้งไว้แล้วก็ต้องคุยแต่เรื่องที่อยู่ในกรอบครับ โดยเฉพาะผู้ใหญ่หลายๆคน ทีทำให้ผมรู้สึกว่าการพูด หรือคิดอะไร ต้องอ้างอิงทฤษฎีตลอด หลายครั้งทำให้ผม ไม่กล้าคิดนอกกรอบ และถูกสังคมมองว่าเราแข่งขันทางความคิดไป ทั้งที่หลายครั้งเราพยายามให้เกิดนวัตกรรมทางความคิดเพื่อสิ่งต่างๆ ที่ดีขึ้น
ยังไงต้องขอบคุณอาจารย์ที่ช่วยย้ำจุดยืนผมอีกครั้งครับ แล้วผมจะติดตามเรื่องราวของอาจารย์ไปเรื่อยๆ น่ะครับ ขอบคุณมากๆครับ
ปล. แนะนำตัวครับผมชื่อ อัครพล ครับ
เรียนท่านอาจารย์ หมอวิจารณ์ ที่นับถือ
เห็นด้วยมากครับที่ว่า - ทั้งหลักการและวิธีปฏิบัติ KM ทำให้คนทุกคนเป็น" ผู้รู้ " และยิ่งมีความเป็นผู้รู้เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง