- เย็นวันที่ 29 ก.ย.50 ในมหกรรม KM ภูมิภาค ที่ มน. ระหว่างร่วมกันทำ AAR ผมได้เรียนรู้ Systems Thinking จากกิจกรรม AAR นั้น
- มีคนกล่าวยกย่องผม ว่าเป็นบุคคลสำคัญที่ทำให้เกิด KM แบบที่ใช้กันอยู่ และเกิดบล็อก Gotoknow
- ผมนั่งฟังพร้อมกับเถียงในใจว่า "ทั้งจริงและไม่จริง"
- จริง ๆ แล้ว KM ประเทศไทยมีสภาพอย่างที่เห็น ๆ กัน ด้วยฝีมือของเครือข่าย KM ประเทศไทยทุกองค์กร และเป็นผลงานของ "คุณกิจ", "คุณอำนวย", "คุณเอื้อ", "คุณประสาน", "คุณลิขิต", และ "คุณวิศาสตร์" ทุกคน ขาดหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง หรือคนใดคนหนึ่ง ระบบ KM ประเทศไทยจะไม่เป็นอย่างที่เป็นในปัจจุบัน
- แน่นอน ถ้าไม่มี สคส. ระบบ และ เครือข่าย KM ประเทศไทยจะไม่เป็นอย่างที่เป็นในปัจจุบัน
- ภายใน สคส. ถ้าขาดสมาชิกคนใดคนหนึ่ง สคส. จะไม่เป็นอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
- มองแบบ Systems Thinking ผมจึงเป็นเพียง "part of the whole" หรือองค์ประกอบหนึ่งของทั้งระบบ
- หัวใจของ Systems Thinking ในเรื่องนี้ก็คือ ผมเป็น "วิจารณ์" อย่างที่เห็นในปัจจุบัน ก็เพราะมี สคส., มีเครือข่าย KM ประเทศไทย ถ้าไม่มี สคส. ไม่มีเครือข่าย KM ประเทศไทย "วิจารณ์" คนนี้ก็จะไม่เป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน คือใน Systems Thinking คุณสมบัติขององค์ประกอบขึ้นอยู่กับการเป็นส่วนหนึ่งของระบบ และในขณะเดียวกันคุณสมบัติในภาพรวมของทั้งระบบก็ขึ้นอยู่กับส่วนประกอบแต่ละชิ้นส่วนด้วย
- แต่เรื่องมันยังซับซ้อนกว่านั้น เพราะจริง ๆ แล้วผมยังเป็น "ชิ้นส่วน" ในระบบอื่น ๆ (เช่น ระบบอุดมศึกษา ระบบวิจัย ระบบสุขภาพ ฯลฯ) ด้วยและการที่ผมเป็น "ชิ้นส่วน" ของระบบเหล่านั้นก็ได้เปลี่ยนแปลงผม และผมก็เอาสิ่งที่ผมเรียนรู้นั้นมาใช้ในระบบ KM ประเทศไทยด้วย
- ภายในระบบที่ซับซ้อนและปรับตัว (Complex Adaptive Systems) คนเราจึงมีบทบาทเป็น "ชิ้นส่วน" อยู่ในหลายระบบ ทำให้ระบบซ้อนระบบ หรือเกิดการเชื่อมโยงระหว่างระบบ เกิดอิทธิพลระหว่างระบบ
- ระบบ KM มันมีช่องว่าง การก่อเกิด (emergence) จึงเกิดง่ายหน่อย แต่อีกหลายระบบของสังคมไทยมี "เจ้าของ" มาก มีโครงสร้างที่แข็งทื่อตายตัว เกิดการเปลี่ยนแปลงยาก
- สรุปว่า ในวิธีคิดแบบ Systems Thinking ไม่มีฮีโร่ ไม่มีอัศวินม้าขาว มีแต่ part of the whole
วิจารณ์ พานิช
1 ต.ค.50
เห็นด้วยกับอาจารย์อย่างยิ่งเลยครับในเรื่องการคิดเชิงระบบ