• กิจกรรม KM เน้นการ ลปรร. จากสิ่งที่ตนทำ เป็นการพูดหรือเล่าสิ่งที่แต่ละคนทำ เป็นการพูดกิจกรรมหรือพูดจากการทำ ตีความผลที่เกิดจากการกระทำ
• เอาผล และการกระทำมาคิด แล้วแลกเปลี่ยน
• ดังนั้นคนที่ทำกิจกรรม KM จะอยู่ในวงจร “คิด ทำ คิด พูด ” KM จึงทำให้การคิด การพูด การทำเป็นสิ่งที่อยู่ในวงจรเดียวกัน เป็นวงจรที่ซับซ้อน รวมเอา “ไม่คิด” เข้ามาอยู่ในวงจรด้วย
• คือรวม “หัวใจ” เข้าไว้ด้วย เป็นวงจร “คุณค่า ไม่คิด หัวใจ คิด ทำ คิด พูด ไม่คิด หัวใจ”
วิจารณ์ พานิช
๙ ธ.ค. ๕๐
เรียน ท่านอ.วิจารณ์ค่ะ
-เรียนท่านอาจารย์
-ไม่เคยเห็นใคร พูดถึงวงจรซับซ้อนที่เอาหัวใจไม่คิดมารวมอยู่ด้วย
-ขออภัยรู้น้อยจึงงง งง
KM= input » process » output » feedback » ?
feedback » ?
Feedback อาจเกิดขึ้นเพราะ ทำงานแบบ ไม่คิด หรือ คิดไม่ถึง หรือ ทำโดย ไม่มี ตัวผู้ชี้วัด ที่ดีพอ ฯลฯ
Feedback อาจเกิดจาก บุคคลากร ภายในองค์กรเอง หรือ จากบุคคลากร ภายนอกองค์กร ก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าองค์กรนั้นทำงานใน ระบบปิด หรือ ระบบเปิด?
ถ้าทำงานในระบบปิด ก็อาจจะควบคุม output » feedback ได้ง่ายกว่า ระบบเปิด
พอเกิด Feedback ก็อาจจะทำให้เกิด อาการ พูดไม่ออก (สุญญากาศทางคำพูด/นิ่ง/อึ้ง/หมดกำลังใจ/ห่อ/เหี่ยว)
จะเห็นได้ว่า เราย่อมสามารถพยากรณ์ output + feedback ได้จาก input ด้วยก็ได้ (ผลการทำนาย อาจจะแม่นกว่าหมอดูด้วยซ้ำไป)
โดยสรุป ผมเห็นว่า หากมี process+ตัวชี้วัด ที่เที่ยงตรง ถูกต้อง ทันเวลา ก็คือ เครื่องมือเอาชนะพฤติกรรม คิดอย่าง พูดอย่าง ทำอย่าง
ยกตัวเช่น คิดว่าจะไปออกค่ายจิตอาสา พูดว่าจะไปไปช่วยมวลชนผู้ทุกข์ยาก แต่เวลาทำเข้าจริง ก็กลับเน้นที่การไปเที่ยว เช่นนี้ เรียกว่า เพราะมี process+ตัวชี้วัด ที่ไม่เที่ยงตรง และไม่ถูกต้อง ซ้ำยังถูกใช้ในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม