• ความปรารถนาอย่างหนึ่งของผมคือบ้านเมือง/สังคม มีความราบรื่น ดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้อง หรือมีสัมมาทิฐิในภาพใหญ่หรือมหภาพ ความสัมพันธ์ในสังคมดี
• มีโอกาสทำประโยชน์เพื่อเป้าหมายดังกล่าวเมื่อไร ผมก็ยินดีทำ
• แต่โลกมันซับซ้อน มีคนมาชวนทำเรื่องที่ดูเหมือนเป็นไปตามความปรารถนาที่ว่า แต่วิธีทำมันผิด ผมก็มักบ่ายเบี่ยง เพราะเป็นการทำงานแบบเกิดผลลัพธ์แบบไม่ไปไหน (entropy)
• ผมเรียนมาด้านสุขภาพ โดยตอนเรียนเน้นแก้ปัญหาโรคภัยไข้เจ็บ ที่เรียกว่า negative health แล้วโชควาสนาและเคราะห์กรรมพัดพาเข้าสู่วงการสุขภาพแบบใหม่ ที่เป็น positive health หรือ comprehensive health โดยไม่รู้ตัว แนวใหม่นี้เน้นที่ความสุข หรือสุขภาวะ
• ที่จริงไม่ว่าเรื่องอะไร เกี่ยวกับความสุขทั้งนั้น แต่เรามักตกหลุมความสุขปลอม ความสุขชั่วคราว/ชั่วครู่ ความสุขเฉพาะด้าน ที่เมื่อมองความสุขภาพรวม หรือความสุขที่แท้จริงแล้วเราขาดทุน
• เหมือนอย่างที่เราเห็นชัดเจน ว่าผู้คนในประเทศที่เป็นผู้นำ หรือมหาอำนาจ ของโลก มีความสุขน้อยลง แม้จะมีความสะดวกสบายเพิ่มขึ้นมากมาย ตัวชี้วัดที่สำคัญอย่างหนึ่งคือความเท่าเทียมกันของผู้คนในสังคมลดน้อยลง มีความไม่เท่าเทียมกันมากขึ้น หรือกล่าวว่าช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนกว้างขึ้น เป็นปัญหาใหญ่ของความสุขในมหภาพ หรือเชิงระบบ
• ประเทศไทยเราโชคดี ที่มีการตั้งองค์กรขึ้นมาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ คือ สช. www.nationalhealth.or.th โดยมีเครื่องมือทำงาน ๔ อย่าง คือ (๑) พรบ. สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ (๒) ธรรมนูญว่าด้วยระบบสุขภาพแห่งชาติ (๓) สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ จัดทุกปี ปี ๒๕๕๑ จัดวันที่ ๑๑ – ๑๒ ธ.ค. ๕๑ (๔) actors ที่หลากหลายในสังคม ที่ร่วมมือกันบ้าง แข่งขันกันบ้าง ขัดแย้งกันบ้าง มองเหมือนกันบ้าง มองต่างกันบ้าง ทั้งที่เป็น providers, purchasers, นักสร้างเสริมสุขภาพ, นักพัฒนาระบบ, นักการตลาด, นักวิจัย, นักต่อสู้เพื่อสังคม, นักค้ากำไร, นักสื่อสารเพื่อสังคม, นักสื่อสารเพื่อสร้างการจับจ่ายใช้สอย ฯลฯ ผมมองว่า สช. มีหน้าที่จัดเวที ให้ actors ที่หลากหลายเหล่านี้ได้มามีปฏิสัมพันธ์กันโดยมีเป้าหมายร่วมกันที่ความสุข หรือสุขภาวะของผู้คนในสังคมภาพรวม
• ผมมองว่าคนเราทุกคน (ไม่ทราบว่ามีข้อยกเว้นไหม แต่รวมผมด้วยแน่นอน) เป็นทั้งเทพและมารอยู่ในคนคนเดียวกัน ในขณะที่เราดำรงชีวิตแบบแสวงหาความสุขและเผื่อแผ่แบ่งปันความสุข เราก็ทำร้ายคนอื่น สิ่งอื่น หรือโลก โดยเราไม่รู้ตัวไปพร้อมๆ กันด้วย และระบบกลไกต่างๆ ในสังคมก็มีสองหน้าของเหรียญด้วยเช่นกัน เวทีของ สช. จึงน่าจะช่วยรับใช้สังคมในฐานะเวทีสร้างสรรค์ เพื่อความสุขร่วมกันของคนในสังคมไทย และความเคลื่อนไหวนี้ยังจะช่วยโลกด้วย เพราะไทยเรากำลังเป็นผู้นำในเรื่องนี้
วิจารณ์ พานิช
๑๐ ก.พ. ๕๑
ขอบคุณมากครับ อาจารย์