สองวัน (๒๗ – ๒๘
กพ. ๔๙) ที่วัดผาซ่อนแก้ว เขาค้อ ที่คุณสุรเดช
เลขาธิการมูลนิธิร่วมพัฒนาพิจิตร จัดการประชุม ลปรร.
ชีวิตผู้นำชุมชน โดยมีคุณประยงค์ รณรงค์ ชาวบ้าน
(จบ ป. ๔ แต่ได้ปริญญาเอกกิตติมศักดิ์ ๕ ใบแล้ว)
นักพัฒนาชุมชนระดับรางวัลแม็กไซไซ
เป็นผู้ถ่ายทอดประสบการณ์ ปราชญ์ชาวบ้าน และ
“คุณอำนวย” จ. พิจิตร, อุทัย, พิษณุโลก, ร่วม ลปรร.
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ร่วมตีความ
โชคดีที่เรามาคุยกันที่วัด
จึงได้พระมาร่วมตีความด้วย ทั้งสนุก
ประเทืองปัญญา ได้บรรยากาศธรรมชาติ
อากาศเย็นสบาย และเป็นมงคล
|
|
|
บรรยากาศที่ประชุม
|
ประยงค์
กับสุรเดช
|
ล้อมวงกันทำ
AAR
|
• ลุงยงค์ บอกว่าตนเองเป็น “คุณประสาน” คอยเชื่อมโยงหลายๆ
ฝ่ายเข้าเป็นเครือข่าย เช่นเครือข่ายโรงงานยาง ๗
โรง ในตำบลไม้เรียง (อ. ฉวาง จ.
นครศรีธรรมราช)
และตอนนี้เชื่อมเครือข่ายการรวมกลุ่มกันดำเนินการเพื่อพึ่งตนเอง
ออกไปทั่วทั้งจังหวัด
และขยายเครือข่ายออกไปทั่วประเทศ
เพิ่งไปยุกลุ่มลำไยที่เชียงใหม่เมื่อวันที่ ๒๔ กพ. นี่เอง
• ผมมองว่าลุงยงค์ เป็นนัก KM โดยไม่รู้ทฤษฎี
KM คือเป็นนักปฏิบัติจัดการความรู้
และจัดการความเสี่ยง (Risk Management)
เริ่มจากเมื่อจะดำเนินการเรื่องใด จะถามก่อนว่า
ปัจจัยหลักของความสำเร็จคืออะไรบ้าง หรือมองมุมกลับ
ถามว่าความเสี่ยงที่จะล้มเหลวมีอะไรบ้าง
แล้วถามต่อว่ามีความรู้เพื่อป้องกันความล้มเหลวหรือไม่
มีความรู้สำหรับใช้ดำเนินการกิจกรรมนั้นๆ หรือไม่
ถ้าไม่มี ก็ต้องหาความรู้นั้นมาใช้
และต้องไม่เชื่อความรู้ที่หามาได้
ต้องทดลองใช้เล็กๆ น้อยๆ ก่อน
โดยลุงยงค์บอกว่าใช้หลัก “ร่วมกันคิด แยกกันทำ”
แล้วเอาประสบการณ์ในการทำของแต่ละคนมา ลปรร. กัน
จนได้วิธีการที่เหมาะสำหรับกลุ่มเรา
• ท่าทีของลุงยงค์
เมื่อทางพิจิตรบอกว่าอยากได้ความรู้ในการสร้างผู้นำชุมชนของพิจิตร
ที่ลุงยงค์บอกว่า “ผมไม่มีความรู้ว่าทางพิจิตรเป็นอย่างไรบ้าง
จึงแนะนำโดยตรงไม่ได้
แต่ผมจะเล่าประสบการณ์ของผม
เผื่อจะเป็นประโยชน์ให้เอาไปคิดต่อ”
ทำให้ผมนึกถึงเทคนิค “เพื่อนช่วยเพื่อน” (Peer Assist)
ทันที ลุงยงค์มีความคิดบนฐานของ Peer Assist
โดยไม่รู้จัก Peer Assist เลย
ท่านที่ไม่รู้จักเทคนิคนี้ ให้อ่านจากหนังสือ “การจัดการความรู้
ฉบับนักปฏิบัติ” หน้า -157-162
• มุ่งสร้างคน จากการฝึกปฏิบัติจริง
ฝึกจำนวนมาก หวังผลเกิดผู้นำ (แถว ๒) เพียง ๑๐%
ของจำนวนที่ฝึก
• นักใช้ข้อมูล ใครฟังลุงยงค์พูด
จะมีความประทับใจในความแม่นข้อมูล
และความประณีตในการคิด
คิดอย่างเชื่อมโยง
และคิดแยกแยะชัดเจน
ที่สำคัญที่สุดคิดเพื่อหาทางเลือกที่ดีที่สุดในการเอาไปปฏิบัติ
“ข้อมูล” ของลุงยงค์ มีทั้งที่เป็นตัวเลข และที่เป็นเรื่องเล่า
• เป็นนักเล่า “ความรู้ปฏิบัติ” ที่ผ่านการทดสอบดำเนินการจริงๆ
มาแล้ว เมื่อถามความเห็น หลายครั้งลุงยงค์จะบอกว่า
“เรื่องนี้ผมไม่มีประสบการณ์”
ในทำนองบอกว่าที่ตนพูดนั้น จะพูดเฉพาะสิ่งที่รู้จริง
คือผ่านการปฏิบัติจริงด้วยตนเองมาแล้ว
• ไม่คิดเพื่อให้คนอื่นเอาไปปฏิบัติ
แต่มุ่งคิดเพื่อเอาไปดำเนินการเอง
ไม่มุ่งคิดภาพใหญ่ๆ เชิงหลักการ
แต่มุ่งคิดประเด็นเชิงปฏิบัติเล็กๆ เชิงดำเนินการ
ลุงยงค์บอกว่า คนอื่นเขาก็มีความคิดของเขาเหมือนกัน
เราเอาความคิดของเราไปยัดเยียดเขา
ใครจะทำ จะให้สำเร็จ
เราต้องเป็นผู้ทำเอง
• คิดใหญ่ (และเล็ก) ทำเล็ก คิดเป้าหมาย – ฝัน
ใหญ่ไว้ (แต่ไม่บอกใคร เพราะอาจทำไม่ได้)
แล้วคิดทำเล็กๆ ทำตามความคิดเล็กๆ นั้นทีละขั้นตอน
ไปสู่เป้าหมายใหญ่ ผมนึกถึง CI – Continuous
Improvement ระหว่างนั่งฟัง ระหว่างนั้นแสวงหา ใช้
และหมุนเกลียวความรู้อยู่ตลอดเวลา
• KM สัญจร เป็นวิธีเรียนรู้โดยใช้กระบวนการ ลปรร.
หลายชั้น สคส. เราภูมิใจมากที่ค้นพบวิธีทำ AAR
บนรถบัสหลังดูงานแต่ละจุด
ทำให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกันที่ทรงพลังมาก
ปรากฎว่าลุงยงค์ได้เคยใช้เทคนิค ลปรร. บนรถบัส
(เลือกรถที่มีเครื่องเสียง) มาก่อนเราเป็นสิบปี
วิจารณ์ พานิช
๑ มีค.
๔๙