ผมเคยบันทึกเรื่องของคุณประยงค์ รณรงค์ แมกไซไซ คนที่ ๑๘ ของประเทศไทย ไว้เมื่อวันที่ ๒ มีค. ๔๙ (link)
วันที่ ๑๑ มีค. ๔๙ ผมมีโอกาสไปเยี่ยมชม
ศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนไม้เรียง อ. ฉวาง จ.
นครศรีธรรมราช โดยไปกับคณะสภามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ นำโดย ศ.
นพ. จรัส สุวรรณเวลา นายกสภา และ ดร. สุพัธน์ พู่ผกา
อธิการบดี
นับเป็นครั้งแรกที่ผมได้ไปเห็นกิจกรรมชุมชนเข้มแข็งที่ไม้เรียง
คุณประยงค์ รอรับพวกเราที่
อาคารศูนย์เรียนรู้ชุมชนและภูมิปัญญาท้องถิ่น
เทศบาลตำบลไม้เรียง อาคารนี้อายุ ๙๕ ปี
เดิมเป็นโรงเรียนวัดหาดสูง
เมื่อโรงเรียนย้ายไปสร้างอาคารใหม่อีกฟากถนน
อาคารไม้นี้จึงถูกทิ้งร้าง คุณประยงค์ได้
เข้าไปขอใช้ และเทศบาลตำบลไม้เรียงจัดงบประมาณปรับปรุง
ติดเครื่องปรับอากาศ สำหรับใช้เป็น
อาคารศูนย์เรียนรู้ชุมชนและภูมิปัญญาท้องถิ่น
โดยมีการติดตั้งจานรับสัญญาณดาวเทียมและอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
สำหรับให้ชาวบ้านที่เป็นนักศึกษาในโครงการรัฐศาสตร์บัณฑิต (รัฐศาสตร์)
สาขาการเมืองการปกครองท้องถิ่น ตามความร่วมมือระหว่าง
มหาวิทยาลัยรามคำแหง เทศบาลตำบลไม้เรียง
และศูนย์ศึกษาและพัฒนาชุมชนไม้เรียง
ซึ่งเปิดรับนักศึกษามาแล้ว ๓ รุ่น คือรุ่นแรกเข้าเรียนปี
๒๕๔๖ รุ่นที่สอง ปี ๔๗ และรุ่นที่ ๓ ปี
๔๘ ขณะนี้นักศึกษารุ่นที่ ๑ บางคนสอบผ่านแล้ว
กำลังรอรับปริญญา
เรานั่งคุยกันในห้องประชุมปรับอากาศเย็นฉ่ำ
บรรยากาศสดชื่นและน่าสนใจในเรื่องราวที่ผมได้เรียนรู้เพิ่มเติมจากที่เคยฟังแล้วเมื่อวันที่
๒๗ – ๒๘ กพ. ที่เขาค้อ ดังเล่าแล้ว
ยิ่งทวีความสดชื่นเพราะมีเสียงนกกรงหัวจุก
หรือนกปรอดหัวโขนในกรงร้องโต้ตอบกัน
นกที่ร้องเพราะขนาดนี้ราคาซื้อขายถึง ๘ พันบาท
เรื่องราวที่คุยกันมีหลากหลาย
เริ่มจากจุดเริ่มต้นของการเป็นผู้นำชุมชน
ซึ่งคุณประยงค์บอกว่าเป้าหมาย ณ
จุดเริ่มต้นไม่ได้อยู่ที่การเป็นผู้นำชุมชน
แต่ต้องการแก้ปัญหาปากท้องของตนเอง
โดยทางราชการแนะนำว่าต้องรวมตัวกัน ร่วมกันคิด
ร่วมกันทำ และร่วมกันรับผลประโยชน์
เมื่อดำเนินการตามคำแนะนำก็พบว่ามีปัญหาตรงขั้นตอนร่วมกันทำ เพราะ ๑๐๐
คนก็ทำ ๑๐๐ แบบ
และคนขยันก็รู้สึกว่าถูกคนที่ไม่ขยันเอาเปรียบ
ทำอยู่ช่วงปี ๒๕๑๘ – ๒๕๒๔ ไม่ประสบผลสำเร็จ
ถือได้ว่านี่คือช่วงที่ ๑ ใช้หลักการร่วมกันคิด ร่วมกันทำ
ร่วมกันได้รับผลประโยชน์
สรุปบทเรียนว่าโมเดลนี้ล้มเหลว
จึงร่วมกับสมาชิกกลุ่มที่ยังเหนียวแน่น ทดลองโมเดล ที่ ๒
ร่วมกันคิด แยกกันทำ แล้วเอาผลิตภัณฑ์ (ยางแผ่น)
มารวมกันขาย ก็ล้มเหลวอีก
เพราะคุณภาพของผลิตภัณฑ์ไม่สม่ำเสมอ
จึงทดลองโมเดลที่ ๓ ร่วมกันคิด
รวมตัวลงหุ้นกันสร้างโรงงานจ้างคนมาแปรรูปผลิตภัณฑ์
ร่วมกันจัดการ ได้ผลดี และนำไปสู่รูปแบบ วิสาหกิจชุมชน
ที่ช่วยให้ชาวบ้านรวมตัวกัน
ลดการถูกเอาเปรียบจากพ่อค้าคนกลาง
ผมมีข้อสังเกตว่าคนนอกที่เข้าไปคุย ตั้งคำถามต่อคุณประยงค์
มักถามจากกระบวนทัศน์แบบแข่งขัน
แต่คุณประยงค์จะตอบจากมุมมองหรือกระบวนทัศน์แบบพอเพียงหรืออยู่รอด
หลังจากขึ้นไปดูห้องเรียนผ่านอินเทอร์เน็ตที่ชั้น ๒
แล้ว คุณประยงค์ขับมอเตอร์ไซคล์นำเราไปยัง
ศูนย์วิสาหกิจชุมชนไม้เรียง ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ ๒
กม. ระหว่างทางเห็นทิวทัศน์ของ เขาศูนย์
อันโด่งดังในอดีต เสียดายไม่มีโอกาสถ่ายรูปมาฝาก
ที่ศูนย์วิสาหกิจชุมชนไม้เรียงนี้ เราได้เห็นต้นแบบการใช้พื้นที่เพียง
๒ ไร่ ทำอาชีพ ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง ที่น่าทึ่งคือ
คอนโดกบ
และการเลี้ยงปลาดุกแบบฝึกให้กินผัก ซึ่งผมอยากตั้งชื่อว่า
“ปลาดุกเจ”
ซึ่งคุณประยงค์บอกว่ารสชาติดีกว่าปลาดุกที่เลี้ยงแบบธรรมดา
เรารับเลี้ยงอาหารเย็นกันที่นี่
ผมติดใจห่อหมกประหลาดุก
เพราะเป็นรสชาติแบบอาหารปักษ์ใต้ที่ผมคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก
แล้วเราต้องรีบลาเพื่อไปขึ้นเครื่องบินเที่ยวสองทุ่มกลับกรุงเทพ
ผมตั้งใจว่าจะหาทางไปเยี่ยมด้วยตนเองอีกสักครั้ง โดยจะขอให้ได้พบปะ
ลปรร.
กับสมาชิกศูนย์เรียนรู้ชุมชนไม้เรียงในหลากหลายบทบาท
ผมอยากคุยกับ “คุณกิจ” ตัวจริงเสียงจริง
วิจารณ์ พานิช
๑๒ มีค. ๔๙
ดีที่สุดคือไปดูเองนะครับ
การเลี้ยงกบต้องการที่กว้าง เพราะถ้าเลี้ยงในที่แคบกบตัวโตจะกินตัวเล็ก คอนโดกบช่วยให้เลี้ยงกบจำนวนมากได้ในที่แคบ ใช้ท่อน้ำซีเมนต์ (ตามในรูป) เป็นที่เลี้ยง ครอบด้วยยางรถยนต์เก่าๆ หลายชั้น เพื่อให้กบตัวเล็กมีที่หนีกบตัวโต แค่นี้เองครับ
ส่วนปลาดุกเจ (ผมตั้งชื่อไปอย่างนั้นเอง) เป็นวิธีเลี้ยงปลาดุกแบบประหยัดอาหาร แทนที่จะเลี้ยงด้วยอาหารเม็ดชนิดโปรตีนสูงเท่านั้นอย่างที่เขาเลี้ยงกัน ก็ทดลองฝึกให้กินผักด้วย พบว่าปลาดุกกิน เติบโตดี และเนื้อปลาอร่อยด้วย เป็นการทดลองครับ ไม่มีสูตรตายตัว
วิจารณ์ พานิช
อยากจะไปดูงานที่ไม้เรียง แต่ไม่ทราบจะติดต่อใครได้ค่ะ ขอคำตอบด่วน
ขอบคุณค่ะ
พัชรินทร์ คงนาค
PCU กะแดะ อำเภอกาญดิษฐ์
ไปดูสถานที่แล้วรู้สึกคนดูแลเฉย ๆ ไม่ค่อยยิ้มแย้มแลย