• รายละเอียดของการทำหน้าที่ คุณลิขิต อยู่ในหนังสือ
“การจัดการความรู้ ฉบับนักปฏิบัติ” หน้า ๔๓ – ๔๔
• ในองค์กรสมัยใหม่ “คุณลิขิต” ต้องทำงานประสานกับ “คุณวิศาสตร์”
(หน้า ๔๘ – ๔๙) เพื่อสร้าง ฐานความรู้ (Knowledge Base) หรือ
คลังความรู้ (Knowledge Asset Database)
ที่ง่ายต่อการใช้งานของพนักงานในองค์กร
และง่ายต่อการปรับให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา (update)
คลังความรู้นี้ ต้องมีทั้ง ความรู้ปฏิบัติ และ ความรู้ทฤษฎี
• การสร้างคลังความรู้ อาจต้องดำเนินการโดยคนอีกคนหนึ่ง
หรืออีกทีมหนึ่ง เรียกว่า “คุณประมวล” (หน้า ๑๑๓ – ๑๑๔)
ทำหน้าที่ตีความ ยกระดับ และจัดหมวดหมู่ความรู้
สำหรับให้นำมาใช้งานได้ง่าย
• ในความเป็นจริงคนบางคนเป็นทั้ง “คุณลิขิต” “คุณอำนวย”
และ “คุณประมวล” ในคนคนเดียวกัน
• มีคนบางคนไม่มีฉันทะในการเขียน
แม้จะมีฉันทะในการแสดงบทบาทอื่นๆ ใน KM
• “คุณกิจ” ต้องบันทึกด้วย จึงจะเป็น “คุณกิจ”
ที่ดี
• ที่จริง ทุกคน ไม่ว่าจะมีหน้าที่อะไร
ต้องฝึกทักษะในการจดบันทึก เพราะการจดบันทึกเป็นกลไก
หรือขั้นตอนหนึ่งของการเรียนรู้
คนที่มีทักษะคล่องแคล่วในการจดบันทึกขีดเขียนจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
และในชีวิต ได้ดีกว่า
• การจดบันทึกเป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสาร (communication)
ซึ่งเป็นทักษะที่สำคัญยิ่งของมนุษย์
• การดำเนินการ KM ในชุมชน
ได้สร้างวัฒนธรรมจดบันทึกขึ้นอย่างน่าทึ่ง
ชาวบ้านที่เข้าร่วมกิจกรรม KM กลายเป็น “คุณลิขิต”
กันถ้วนหน้า
• หากขบวนการ KM ในประเทศไทยประสบความสำเร็จในการทำให้ทุกคนเป็น
“คุณลิขิต” จะเป็นการปฏิวัติวัฒนธรรมไทย
เกิดคุณูปการยิ่งใหญ่ต่อสังคม
วิจารณ์ พานิช
๑๒ มีค. ๔๙
แก้ไขปรับปรุง ๑๓ มีค. ๔๙
ไม่มีความเห็น