สมัยหนุ่มๆ ผมเคยอ่านหนังสือว่า องค์กรมีทั้งองค์กรที่เป็นทางการ ที่เรียกว่าองค์กรรูปนัย กับองค์กรที่ไม่เป็นทางการ ที่เรียกว่าองค์กรอรูปนัย ผู้รู้บอกว่า ภายในองค์กรมีทั้งส่วนที่เป็นรูปนัย และส่วนที่เป็นอรูปนัย
มาได้เห็นเครือข่าย KM เบาหวาน จึงได้รู้จักองค์กร อรูปนัย ในอีกรูปแบบหนึ่ง เป็น “องค์กร” ที่ไม่เป็นองค์กร คือเป็น Network Organization ไม่มีตัวตนขององค์กรอย่างแท้จริง แต่มีการ organize กัน เพื่อร่วมกันทำงานอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งในกรณีนี้คือวิธีดูแลผู้ป่วยเบาหวาน
องค์กรอรูปนัยแบบเครือข่าย KM เบาหวานเกิดได้ยากมาก แต่เมื่อเกิดแล้วมีพลังอย่างยิ่ง เพราะทุกคนมาด้วยใจ สื่อสารกันแบบใจถึงใจ ไม่มีเรื่องอำนาจหรือผลประโยชน์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่มีผลประโยชน์ด้านการ ลปรร. เพื่อการบรรลุเป้าหมายการดูแลผู้ป่วยเบาหวานได้ดียิ่งขึ้น เป็นเครื่องรวมใจ
เนื่องจากแต่ละ node อยู่ในต่างสภาพสังคม ต่างบริบทกัน การมารวมตัวกัน ทำงานจัดมหกรรม KM เบาหวานจึงเป็นกระบวนการจัดการความรู้ไปในตัว เป็นสุดยอดของกระบวนการจัดการความรู้
วิจารณ์ พานิช
๙ ก.ย. ๕๑
เครือข่ายเบาหวานเกิดขึ้นได้เพราะอาจารย์วิจารณ์ชี้แนะ อาจารย์วิจารณ์และทีมงาน สคส.ได้ให้การสนับสนุนมาตั้งแต่ต้นและตลอดมา รูปแบบที่เป็นอยู่นี้เป็นไปเองโดยธรรมชาติ
เดิมเรารู้สึกแปลกๆ ที่ไม่มีโครงสร้างไม่มีอะไรเหมือนองค์กรอื่น เมื่อปีที่แล้วอาจารย์ปาด (รร.เพลินพัฒนา) บอกว่าเครือข่ายแบบเราเป็น "องค์กรไร้ตัวตน" เราจึงมีคำอธิบายให้กับผู้อื่นได้บ้าง และด้วยบันทึกของอาจารย์วิจารณ์ข้างต้น ดิฉันเชื่อว่าเสริมให้แกนนำและสมาชิกเครือข่ายของเราภาคภูมิใจยิ่งขึ้นค่ะ
ผมเคยคิดนะครับว่า บางสิ่งที่เราทำอยู่แล้ว ถ้าเป็นเรื่องดี มีผลลัพท์ และยั่งยืนต่อเนื่อง ไม่ว่าจะทำอะไร ซักวันจะมีคนบัญญัติศัพท์มาเรียกเองแหละ
แม้แต่การทำ KM ผมว่ามันมีอยู่แล้วนะครับ มากบ้างน้อยบ้าง แต่พอมีคนมามอง แล้วเรียกว่านี่แหละ KM บางที่....ถึงกับร้อง อ้อ ......KM
เครือข่าย KM เบาหวาน เริ่มต้นจากการแลกเปลี่ยนถ่ายทอดความรู้ปฏิบัติ แล้วก็ติดตามต่อเนื่องมาด้วยการถ่ายทอดความรู้สึกที่สื่อถึงกัน โชคดีนะครับอาจารย์ ที่ความรู้สึกนั้นเป็นความรู้สึกแห่งความปรารถนาดีที่ต่างคนต่างต้องการดูแลผู้ป่วยเบาหวานของเราให้มีชีวิตอยู่ได้อย่างปรกติสุข ได้อ่านบันทึกของอาจารย์บันทึกนี้ รู้สึกภูมิใจกับคำว่า องค์กรอรูปนัยครับ ขอบคุณอาจารย์มากครับ