• KM ประเทศไทยต่างจากของประเทศอื่นในเชิงระบบ
• ระบบ KM ของประเทศอื่นเน้น “ระบบธุรกิจ KM”
เน้นการใช้ประโยชน์เชิงธุรกิจเป็นพลังขับเคลื่อน KM
• ของประเทศไทยเน้น “ระบบเครือข่ายพันธมิตร KM”
เน้นการใช้ประโยชน์ของสังคมภาพรวมเป็นพลังขับเคลื่อน KM
• ประเทศอื่นขับเคลื่อนโดยรวมตัวกันเป็นสมาคม
มีค่าสมาชิก ค่าลงทะเบียนเข้าประชุมประจำปีแพงมาก
• ประเทศไทยขับเคลื่อนโดยเครือข่าย
มีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่การขับเคลื่อนทั้งสังคม สู่สังคมอุดมปัญญา
(Knowledge-based Society) เน้นให้มีการใช้ KM
ทั้งในภาคประชาสังคม ภาคราชการ
ภาคเอกชนไม่ค้ากำไร และภาคธุรกิจ
• ระบบ ๒ แบบนี้ต่างกัน สคส.
หาทางผลักดันและก่อตัวระบบ KM
ของไทยให้เป็นแบบนี้โดยจงใจ
• ในต่างประเทศ การดำเนินการ KM
ต้องจ้างที่ปรึกษาในราคาแพงมาก และ ๘๐%
ล้มเหลว ไม่คุ้มกับเงินที่เสียไปเป็นค่าที่ปรึกษา และค่า
ICT Hardware & Software
• ในประเทศไทย เราขับเคลื่อน KM แบบพัฒนาขึ้นจากภายใน
(องค์กร/ชุมชน) แล้วช่วยถ่ายทอดประสบการณ์ให้แก่
“เพื่อน” ซึ่งหมายถึงหน่วยงานอื่น ชุมชนอื่น
• ประเทศอื่น ทำ KM โดยเน้นผลเชิง “มูลค่า” แต่ KM
ประเทศไทยเน้นผลเชิง “คุณค่า”
• KM ประเทศไทยเน้นผลของ KM ในส่วน learning & growth
ของบุคคล ที่การเติบโตภายใน
คือการเกิดความสุขความภูมิใจที่ได้ care & share และ
share & shine มากกว่าผลประโยชน์เชิงวัตถุหรือตัวเงิน
• KM ของประเทศไทย พัฒนาขึ้นโดยไม่ได้ลอกเลียนใคร
• คนไทยมีจิตแบ่งปันความรู้สูงกว่าคนต่างประเทศ
• บล็อก Gotoknow.org เป็นเครื่องมือ KM ที่มีความจำเพาะ
(unique) มากของไทย เข้ากับคำขวัญ “ไทยทำ ไทยใช้
ไทยเจริญ”
วิจารณ์ พานิช
๑๖ มีค. ๔๙
ปรับปรุง ๒๙ มีค. ๔๙ และ ๑ เมย. ๔๙
เห็นด้วยมากๆค่ะ ถึงแม้บางที่จะใช้ของต่างประเทศ แต่ก็มีการปรับให้เหมาะกับแบบไทยๆ มีเอกลักษณะเฉพาะตัว และคิดว่าคนไทยมีจิตวิญญานของการแบ่งปันสูง และมุ่งหวังว่า KM น่าจะเป็นทางออกให้ประเทศไทยมุ่งไปสู่สังคมแห่งความรู้ได้ค่ะ