ผลงานวิจัยไทยที่น่าภาคภูมิใจ



          ผมได้รับเชิญจาก สกว. ให้ไปชมนิทรรศการการทดสอบผลงานวิจัย พัฒนา UAV แต่ติดงาน    โชคดีคุณวรวรรณิณี เขียนเล่าไว้อย่างน่าสนใจ    จึงนำมาฝากด้วยความชื่นชมในความสามารถของนักวิจัยไทย 

เบิ่งตา..ท้าแดด........ที่เมืองลิง
วรวรรณิณี    สกว.

         ไม่ต้องสงสัยค่ะว่าเมืองลิงเป็นเมืองหลวงของประเทศไหนในโลก แต่เป็นจังหวัดลพบุรีซึ่งห่างจากกรุงเทพเมืองศิวิไลซ์เพียง 159 กิโลเมตรเท่านั้น นั่งรถไปก็ประมาณ 2 ชั่วโมง  ที่ได้ไปเบิ่งตาคราวนี้ก็ขอฝ่าย 5 เขาไปชมการสาธิต UAV (Unmaned Aerial Vehicle Project) แปลเป็นไทยได้ว่า อากาศยานไร้นักบิน ขนาด Half scale โดยมีความกว้างของปีก 3.5 เมตร ซึ่งมีนักวิจัยร่วมถึง 10 หน่วยงาน ได้แก่ กองพลทหารปืนใหญ่  โรงเรียนของ 3 เหล่าทัพ  จุฬาฯ ม.เกษตร ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี  สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และ ม.เทคโนโลยีมหานคร ด้วยงบประมาณ 90 ล้านบาท มีหลายคนคงสงสัยว่ามันต่างจากเครื่องบินบังคับอย่างไร และทำไมต้องลงทุนวิจัยกันขนาดนี้ เดี๋ยวมีคำตอบ...
         เริ่มต้นของการเบิ่งตา เราไปตั้งท่ากันที่สนามบินสระพานนาค ศูนย์การบินทหารบก จ.ลพบุรี  บรรยากาศคล้ายๆ ทะเลทรายนิดๆ แบบว่ามันร้อนมาก มีการสาธิต 2 ครั้ง ครั้งแรกสาธิตการบินแบบมีนักบินบังคับ บินวนไปมาประมาณ 5 นาทีก็ลงจอด อันนี้ก็ยังไม่ค่อยเห็นว่ามันแตกต่างอย่างไรกับเครื่องบินบังคับที่เป็นของเล่นอย่างไร พอจะบินครั้งที่ 2 ทหารเขาเปลี่ยนเครื่องบิน ลำนี้ดูดีๆ สีเทาๆ แบบขรึมๆ ให้ความรู้สึกแบบหนังสงคราม ก่อนจะเริ่มสาธิตเราก็เห็นภาพจากจอทีวี มันแสดงให้เห็นภาพที่มองจากใต้ท้องเครื่องบิน ซึ่งจะมีล้อของเครื่องบินบังอยู่นิดหน่อย (ถ้านึกภาพไม่ออกให้นึกถึงหนังสงคราม action ของฝรั่ง) ก็จะมีภาพสั่นๆ นิดหน่อยเนื่องจากสภาพพื้นของรันเวย์ พอเครื่องจะ take off เราก็นึกว่ามันจะบินขึ้นได้ยังงัย กล้องก็หนักใบพัดก็นิดเดียว แต่นักวิจัยบอกว่าไม่ต้องห่วงในส่วนการสร้างตัวเครื่องบินมีกลุ่มออกแบบและจัดทำโครงสร้างอากาศยานเป็นคนดูแล จะมีการคำนวณโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ หางจะยาวจะสั้นเท่าไหร่รู้ได้โดยการใส่ค่าของน้ำหนักและปริมาตรของอุปกรณ์ที่ต้องการติดตั้งทั้งหมดเป็นเท่าไหร่ แล้วเราก็จะได้สัดส่วนของตัวโครงสร้างเครื่องบินออกมา
         พอเครื่องบินวิ่งออกไปที่รันเวย์ ใจมันตุ๊มๆ ต่อมๆ ว่ามันจะบินได้ไหม ปรากฏว่ามันบินขึ้นได้อย่างสวยงาม แถมยังมีการบอกระดับความสูงและความเร็วของเครื่องบินได้ เหมือนเวลาเรานั่งเจ้าจำปีไปได้สักพัก กัปตันก็จะประกาศความสูงและความเร็วอย่างงัยอย่างงั้นเลย ในส่วนนี้ที่ทำได้เพราะมีกลุ่มระบบควบคุมการบิน ซึ่งจะสร้าง software ที่จะควบคุมระบบการบินทั้งหมด ให้บินซ้ายขวาหรือขึ้นลงได้ปลอดภัย และแถมยังมีการบินแบบ auto pilot โดยสาธิตให้เห็นว่าจะมีการกำหนดจุดที่เครื่องบินจะต้องบินให้ถึงไว้ 4 จุด แล้วตั้งระบบเป็น auto pilot แล้วเครื่องบินจะบินไปแตะตามจุดนั้นๆ ให้เห็น (อันนี้เขามีจอที่แสดงภาพเส้นทางการบินอยู่ที่ฐานข้างล่าง) จึงพิสูจน์ได้ และก็มีคำถามว่าถ้าเราเปลี่ยนจุดในระหว่างการบินจะสามารถทำได้มั๊ย ก็มีการพิสูจน์ให้เห็นอีกโดยมีการเปลี่ยนจุดระหว่างการบินแบบ auto pilot โดยผู้สงสัย (กิตติมศักดิ์) ซึ่งเครื่องบินก็บินแตะจุดต่างๆ ได้ตามที่กำหนด ซึ่งในวันที่ทำการสาธิตนั้นได้กำหนดให้เครื่องบิน บินที่ความสูงประมาณ 1,000 เมตร และบินในระยะห่างจากฐาน  3 กิโลเมตร (อันนี้แหละที่มันต่างจากเครื่องบินบังคับของเล่น ถ้าเป็นของเล่นเราต้องมองเห็นเครื่องบินจึงจะบังคับให้บินซ้ายขวาได้ แต่ UAV ไม่เห็นตัวเครื่องบินก็บินได้) แต่ที่เจ๋งสุดๆ (ขออนุญาตใช้คำวัยรุ่นหน่อย เพราะได้อารมณ์จริงๆ) คือการบินกลับบ้านเองได้ ถ้าเกิดการขาดการติดต่อ lost communication จากทางศูนย์ควบคุม มีผู้ได้รับเชิญ (แบบกิตติมศักดิ์อีกแล้ว) ให้ถอดปลั๊กเพื่อให้เกิดการ lost communication (มีการออกตัวไว้ก่อนว่าผมไม่เกี่ยวนะถ้ามันกลับบ้านไม่ได้)
         ขอตัดตอนมาเล่าถึงศักยภาพของเครื่องบิน UAV ในช่วงที่บินอยู่ว่ามันสามารถส่งสัญญาณภาพมาที่ฐานได้ โดยจะมีภาพปรากฏบนจอทีวีข้างล่างถึงภูมิประเทศที่เครื่องบินได้บินผ่าน มีการซูมภาพได้ในระยะใกล้ ปรับมุมกล้องได้รอบทิศทาง และที่สำคัญเป็นแบบ real time ซึ่งเป็นระบบ digital ซึ่งต่างจากที่กองทัพเคยซื้อ UAV ที่เป็นเทคโนโลยีของอิสราเอลเมื่อประมาณ 10 ที่แล้วที่ยังเป็นระบบ analog (ราคาเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ราคาประมาณ 200 ล้านบาท ถ้าซื้อตอนนี้ ก็ไม่แพงหรอกค่ะแค่ 1,000 ล้านเท่านั้น) ในการส่งสัญญาณภาพแบบ real time ได้นั้นเกิดจากออกแบบและพัฒนาโดยกลุ่มระบบสื่อสารการบิน ซึ่งจะออกแบบและพัฒนาระบบสื่อสาร เพื่อการควบคุมและส่งสัญญาณภาพแบบสื่อสารระยะไกลได้ และการที่มีกล้องที่ซูมและหมุนได้รอบทิศแถมไม่สั่นและถ่ายทอดสัญญาณได้นั้น เกิดจากการทำงานของกลุ่มระบบประมวลผลสื่อสารและอุปกรณ์การภาพ
         เรามาติดตามกันต่อดีกว่าหลังจากเครื่องบินขาดการติดต่อกับฐานไปแล้วจะกลับบ้านได้มั๊ย ก็ลุ้นสุดตัวค่ะ บรรดาผู้ชมทั้งหลายจากที่นั่งกันอยู่ในเต้นท์ก็กรูกันออกไปนอกเต้นท์เงยหน้าท้าแดด แถมต้องเบิ่งลูกตาสุดฤทธิ์เพื่อหาเครื่องบิน (ขณะนั้นก็เป็นเวลาเที่ยงวันพระอาทิตย์อยู่กลางศีรษะพอดี ที่ต้องเบิ่งตาและท้าแดดก็เพราะเหตุฉะนี้ละคะ) และแล้วก็เริ่มมีจุดดำๆ ทางเมฆด้านเหนือขวามือของเต้นท์ เราก็จ้องอยู่นาน นานจนจุดดำๆ เริ่มเห็นรางๆ จนเริ่มใหญ่ขึ้น จนเห็นเป็นเครื่องบินนั่นเอง  และแล้วเครื่องบินก็บินกลับบ้านเองได้อย่างปลอดภัย (สงสัยถ้าเป็นคนที่บ้านเกิดการ lost communication อีก 3 วันถึงจะกลับบ้านได้เองแน่เลย) งานนี้หลายคนโล่งใจ เพราะนักวิจัยเล่าว่าเคยมีเหมือนกันที่ไปแล้วไปลับไม่กลับมา
         หลังจากจบการสาธิต ก็เดินทางกลับมาฟังสัมมนากันต่อที่สโมสรนายทหารปืนใหญ่ และก็แยกย้ายเดินทางกลับกัน งานนี้มีผู้เข้าร่วมกันประมาณ 50 คน มาจากหลากหลายหน่วยงาน ที่เห็นก็มีครบทั้ง 3 เหล่าทัพ ที่เดินทางไปกับ สกว. ก็มี สำนักงบประมาณ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน สำนักฝนหลวงและการบินเกษตร กฝผ. กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักการบินอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ จากการสัมมนาพอจับใจความได้ว่า ก็เพื่อให้แต่ละหน่วยงานได้เห็นประโยชน์จากการทำวิจัยทั้งจากหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลงบประมาณแผ่นดิน ตรวจสอบการใช้งบประมาณ และผู้ใช้ประโยชน์ โดยผู้ใช้ประโยชน์สามารถนำไปปรับความต้องการในการใช้ UAV เพื่อใช้ในกิจการของหน่วยงานของแต่ละท่าน ในอนาคตหากต้องการสามารถแจ้งความประสงค์พร้อมสั่งซื้อได้ ทั้งนี้เพื่อจะได้เป็นกำลังใจให้นักวิจัยที่คิดค้นงานวิจัยแล้วมีการนำไปใช้อย่างเกิดประโยชน์ โดยไม่ต้องการให้งานขึ้นหิ้งนั่นเอง
         ที่เล่ามานี้ยังเป็นเพียงแค่ half scale เท่านั้น ประมาณเดือนมิถุนายน 2549 นี้ จะมีการสาธิตแบบ full scale ซึ่งเครื่องบินจะมีความกว้างของปีกถึง 7 เมตร และสามารถบรรทุกน้ำหนักได้ถึง 40 กิโลกรัมเลยทีเดียว สาวๆ สกว. ที่มีน้ำหนักตัวน้อยๆ ถ้าใจกล้าพอน่าจะลองขึ้นไปนั่งแทนกล้องถ่ายภาพได้นะ พอจะมีใครสนใจมั๊ยเนี่ย?

   

ลำนี้แหละ Half scale UAV 

 เปลี่ยนเส้นทางการบิน 

   

 เบิ่งตา...ท้าแดด 

 Flying

วิจารณ์  พานิช

      

  

 

 


 

คำสำคัญ (Tags): #วิจัย
หมายเลขบันทึก: 22681เขียนเมื่อ 5 เมษายน 2006 13:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 17:46 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
ผมทำprojet คล้ายกันนี้ จึงอยากรู้ระบบการส่งสัญญาณเบื้องต้นและความละเอียดของกล้องว่าเท่าไร ส่งสัญญาณเป็นอะไร ครับ รบกวนถ้าจะบอกได้
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท