หลักยึดในชีวิตของผมคือ เรื่องดีๆ ที่มีโอกาสในชีวิต ถ้าทำไม่เป็นก็ต้องฝึก ต้องเรียนรู้
ปี พ.ศ. ๒๕๓๖ ผมมาทำหน้าที่ ผอ. สกว. ด้วยความคิดว่าตนเองเคยเป็นรองอธิการบดีฝ่ายวิจัย เป็นนักวิจัย มีผลงานวิจัยระดับมีตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์ ดังนั้น ผมน่าจะจัดการงานวิจัยเป็น แล้วผมก็ได้ตระหนักว่าจริงๆ แล้วผมทำงานจัดการงานวิจัยระดับชาติไม่เป็น และมองไปรอบๆ ก็พบว่า ไม่มีใครทำเป็น ต้องช่วยกันคิดไปลองไปจนเกิดระบบจัดการงานวิจัยระดับประเทศขึ้น เป็นผลงานที่ผมภาคภูมิใจมาก และได้เรียนรู้มาก
ปี พ.ศ. ๒๕๕๒ ผมโดนจับเป็นประธาน กกอ. โดยไม่รู้ตัว ผมตีความว่า กกอ. ทำหน้าที่กำกับดูแลระบบอุดมศึกษาของชาติ และผมประเมินว่าผมทำหน้าที่นี้ไม่เป็น ลองไปคุยกับคนเก่งๆ หลายคน ผมตีความว่าเวลานี้สังคมไทยยังไม่มีความรู้ในการกำกับดูแลระบบอุดมศึกษา ทำให้ผมรู้สึกว่าเป็นความท้าทายอย่างยิ่งที่จะใช้ชีวิตยามแก่ทำหน้าที่ร่วมกับคณะกรรมการ กกอ., ผู้บริหารและข้าราชการใน กกอ., สมาชิกในประชาคมอุดมศึกษา, และคนไทยทั้งมวล ในการพัฒนาวิธีการกำกับดูแลระบบอุดมศึกษา ไว้ใช้ประโยชน์ในสังคมไทย
ผมคนเดียวไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะพัฒนาระบบการกำกับดูแลระบบอุดมศึกษา
ระบบการกำกับดูแลระบบอุดมศึกษา น่าจะใช้หลัก Systems Gevernance
Systems Gevernance น่าจะใช้หลัก stewardship หรือ empowerment
ทุกภาคส่วนของอุดมศึกษาควรได้รับการเสริมพลัง (empower) ด้วยคุณค่าที่แท้จริงของอุดมศึกษา ด้วยการร่วมกันสร้างคุณค่าร่วมกัน (Shared Value) ร่วมกันทำให้ “คุณค่าร่วม” นี้ มีความชัดเจนระดับรูปธรรม จับต้องได้ และเสาะหาความสำเร็จ (SS – Success Story) เล็กๆ มา ลปรร. กันได้ ร่วมกันทำความเข้าใจว่า SS นั้นเกิดขึ้นได้จากปัจจัยอะไร มีปัจจัยอะไรอีกบ้างที่จะส่งเสริมให้มี SS ขยายมากขึ้น และลึกซึ่งยิ่งขึ้น นำเอาความรู้ที่ได้ไปกำหนดข้อบังคับ หรือกติกาในการจัดสรรทรัพยากร และในการให้ความดีความชิบแก่ผู้ปฏิบัติงาน
เท่ากับผมกำลังเอาความรู้ที่ได้จากชีวิตในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๔๖ – ๒๕๕๐ เป็นเวลา ๕ ปี มาใช้ในปี ๒๕๕๒ เป็นต้นไป เอาความรู้ด้านการจัดการความรู้ มาสร้างวิธีการกำกับดูแลระบบอุดมศึกษา
และใช้ความรู้ที่ได้จากชีวิตช่วงปี ๒๕๓๖ – ๒๕๔๔ เป็นเวลา ๘ ปี มาใช้ด้วย คือเอาความรู้ด้านการจัดการงานวิจัยมาใช้ในการกำกับดูแลระบบอุดมศึกษา ให้เป็นระบบที่ขับเคลื่อนด้วยความรู้เชิงระบบ ซึ่งก็คือขับเคลื่อนด้วยผลงานวิจัยเชิงระบบนั่นเอง ความรู้ในการตั้งโจทย์วิจัยเชิงระบบ และจัดการงานวิจัยเชิงระบบ มีความสำคัญยิ่งต่อการกำกับดูแลระบบอุดมศึกษา แนว research-based systems governance
ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๓๖ – ๒๕๕๐ เป็นเวลาถึง ๑๕ ปี ที่ผมแอบเรียนวิชา systems thinking จาก ศ. ดร. สิปปนนท์ เกตุทัต โดยท่านไม่รู้ตัวว่าผมแอบเป็นลูกศิษย์ท่าน ผมกำลังเอาความรู้ที่ได้มาใช้ในการสร้างระบบ systems governance ของระบบอุดมศึกษา จะเกิดผลแค่ไหน อนาคตจะเป็นเครื่องพิสูจน์
ถ้าเกิดผลสำเร็จ บอกได้ล่วงหน้าได้ว่า เป็นเพราะกระบวนการสร้างระบบ systems governance นี้ เป็นกระบวนการที่ inclusive คือมีผู้คนจากทุกภาคส่วนของสังคมไทย เข้ามามีส่วนร่วม จึงบอกได้ล่วงหน้าว่าความสำเร็จนั้นไม่ได้เกิดจากฝีมือของผม เช่นเดียวกับความสำเร็จของ สกว. และ สคส.
วิจารณ์ พานิช
๓๑ ม.ค. ๕๒
ไม่มีความเห็น