เป็นการแต่งงานหลานสาวคนที่ ๓ ในปีนี้ คือ เดย์ (ดุษณี พานิช) แต่งงานกับ โก๊ท (จิรายุทธ เพชรชื่น) ชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ดังนั้นจึงมีญาติพี่น้องจากทั้งจังหวัดชุมพร และจังหวัดสุราษฎร์ธานี เดินทางมาร่วมงานกันคับคั่ง รวมทั้งมีเพื่อนสนิทของน้องชาย คือ นพ. วิชัย พานิช มาร่วมงานจากจังหวัดอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง เขาบอกว่าจองโรงแรมไว้ต้อนรับ ๕๐ ห้อง
สาวน้อยของผมจัดการเตรียมหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกล่วงหน้าหลายเดือน แล้วผมจองตั๋ว แอร์ เอเซีย เช้ามืดวันที่ ๑๖ ต.ค. ๕๒ ราคาไป-กลับ ๒,๕๐๐ บาทเศษๆ เมื่อมาถามหลานที่เดินทางแบบเดียวกัน เขาซื้อล่วงหน้า ๒๐ วัน ก็ได้ในราคาเดียวกัน
เครื่องบินเที่ยว ๖.๓๕ – ๗.๔๐ น. มีผู้โดยสารเต็ม ภรรยาเขาชอบ ว่าเครื่องบินใหม่ดี แต่ผมว่าเขาจัดระยะห่างระหว่างแถวที่นั่งชิดเกินไป นั่งไม่สบาย เขามีระบบ hot seat ที่ได้รับบริการขึ้นเครื่องบินก่อน และระยะห่างระหว่างแถวที่นั่งกว้างขึ้นเล็กน้อย แต่เราซื้อตั๋วที่นั่งธรรมดา ได้นั่งแถว ๒๔ ซึ่งอยู่ค่อนไปทางท้ายเครื่อง
ผมเพิ่งได้รับความรู้ ว่าระบบ low-cost airline เริ่มต้นปี ค.ศ. ๑๙๘๐ ที่สหรัฐอเมริกา โดยการเปลี่ยนกฎการอนุญาตให้เปิดสายการบิน เพื่อลดราคาค่าเดินทางทางอากาศ แต่ประเทศไทยได้รับประโยชน์จากแนวคิดนี้กว่า ๒๐ ปีให้หลัง โดยต้องขอบคุณท่านอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่ริเริ่มขึ้น แต่ความดีของท่านก็ถูกลบล้างที่ผลประโยชน์ทางธุรกิจของตนเอง คือบริษัท แอร์ เอเซีย นี่แหละ
คนเล่าเรื่องนี้เขาเล่าว่า บริษัทการบินราคาถูกที่เป็นที่นิยมชมชอบในสหรัฐฯ คือ Southwest Airlines ที่มีการจัดบรรยากาศความสัมพันธ์ระหว่างผู้ให้บริการและผู้โดยสาร ให้ความประทับใจ มีการเล่าโจ๊กโดยพนักงาน และเปิดโอกาสให้ผู้โดยสารเล่าโจ๊กให้เพื่อนผู้โดยสารฟังด้วย ที่จริงผมว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นโจ๊กก็น่าจะเอามาเล่าได้ ขอให้เป็นเรื่องเล่าที่น่าประทับใจ
น้องชายพาไปเข้าโรงแรมธันยา อินน์ แล้วไปเช่ารถที่บริษัทข้างบ้าน ได้รถโตโยต้า วีออส ในราคาวันละ ๑,๒๐๐ บาท แล้วเราก็ออกเดินทางขึ้นเหนือมุ่งไปแม่สาย เพื่อช็อปปิ้งที่ฝั่งพม่า และเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวบริเวณนั้น
ระยะทางจากอำเภอเมืองเชียงรายไปแม่สายเพียง ๖๐ ก.ม. ผ่านอำเภอแม่จัน ถนนดี คือเป็นถนน ๔ เลน มีด่านตรวจรถเป็นระยะๆ เข้าใจว่าเพื่อป้องกันคนเข้าเมืองและสินค้าผิดกฎหมาย ประมาณ ๑๐ ก.ม. เศษๆ ก่อนถึงแม่สาย เป็นเวลาเกือบ ๑๑ น. สาวน้อยบ่นหิว เราจึงตามป้ายโฆษณาข้าวซอยไก่ร้าน อ. ทองใบโภชนา ไปกินคนละชาม อร่อยใช้ได้ ซักถามคนขายได้ความว่าคนขายเป็นลูกจ้าง เจ้าของเป็นอาจารย์ชื่ออาจารย์ทองใบ ทำอาหารเอามาให้ขาย มีข้าวซอย กับขาหมูตุ๋นโอวัลติน ว่ามี ๒ ร้านอยู่คนละฟากถนนห่างกันไม่มาก โดยที่ อ. ทองใบมีฟาร์มหมูด้วย
ก่อนถึงแม่สายมีป้ายบอกเป็นระยะๆ ว่าต้องไปทำใบผ่านแดนที่ที่ว่าการอำภอ เป็นที่เดียวที่มีบริการนี้ เมื่อไปทำใบผ่านแดนผมก็ต้องบันทึกชื่นชมว่า บริการทำใบผ่านแดนสะดวกรวดเร็วดีมาก โดยเรายื่นแค่บัตรประชาชน เขาใช้ระบบคอมพิวเตอร์ และมีพริ้นเตอร์พิมพ์ใบผ่านแดนออกมาเลย เสียค่าบริการคนละ ๓๐ บาท รอไม่ถึง ๕ นาทีก็ได้แล้ว
เนื่องจากเราไปวันศุกร์ คนที่ผ่านแดนจึงไม่มากนัก เราจอดรถริมถนนห่างจากชายแดนประมาณ ๑๐๐ เมตร แล้วเดินผ่านร้านค้าและแผงลอยริมถนนไปยังด่านชายแดน ผ่านด่านไทยที่เพียงประทับตราและลงชื่อ แล้วเดินข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแม่สายซึ่งแคบนิดเดียวไปด่านพม่า ที่ประทับตราและรับค่าธรรมเนียม ๑๐ บาท ผมประทับใจว่าระบบบริการนักท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศให้ความสะดวกดีกว่าเดิมอย่างชัดเจน และสถานที่ของทั้ง ๒ ประเทศก็สะอาดเรียบร้อยขึ้น
ร้านขายของที่ฝั่งพม่าที่ท่าขี้เหล็กเหมือนๆ เดิมในสายตาของผมซึ่งไม่ใช่นักช็อป ผมตั้งใจไปซื้อวีซีดีสารคดี และวีซีดีเพลงคลาสสิคที่เป็นของต่างประเทศ ผลิตในประเทศจีน ซึ่งก็ได้สมใจ ในราคาและคุณภาพที่ถูกอย่างไม่น่าเชื่อ
สาวน้อยได้ผจญภัยมากกว่าผม เพราะเธอชอบเกาลัด และเมื่อถามราคาก็พบว่าต่อได้กิโลละ ๕๐ บาท ผมเตือนเธอว่ากิโลของที่นี่ครึ่งเดียวของกิโลไทยหรือน่าจะเท่ากับ ๑ ปอนด์ เธอก็หยวนเพราะต่อแล้ว และเมื่อกลับมาฝั่งไทยเธอก็ซื้ออีกเพื่อเปรียบเทียบ ก็พบว่า ๕ กิโลพม่าเท่ากับ ๓ กิโลไทย เกาลัดที่ซื้อจากฝั่งพม่าจึงแพงกว่าซื้อจากฝั่งไทยเล็กน้อย น้องชายบอกภายหลังว่าเขาไม่ซื้อเกาลัดฝั่งพม่ากัน เพราะจะถูกโกงตาชั่ง
สาวน้อยบอกว่าชักจะหมดแรง กลับไปนอนพักที่โรงแรมดีกว่า แต่เราก็ได้เที่ยว ๒ ที่ คือไปไหว้พระธาตุดอยเวาที่ตลาดแม่สายนั้นเอง ถามคนขายของว่าเอารถขึ้นไปได้ไหม ได้คำตอบว่าได้ และมีที่จอดรถด้วย เราจึงขับรถฝ่าร้านค้าและนักท่องเที่ยวขึ้นไป จากดอยเวามองลงมาเห็นตลาดอำเภอแม่สายและฝั่งพม่า แยกไม่ออกว่าแม่น้ำเมยที่กั้นเขตแดนอยู่ตรงไหน
บนยอดดอย ใกล้ๆ พระธาตุ มีประติมากรรมรูปปั้นแมงเวา หรือแมงป่องช้าง เพื่อเป็นอนุสรณ์ถึงพระองค์เวา ที่เป็นกษัตริย์องค์ที่ ๑๐ ในราชวงศ์สิงหนวัติ และมีอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวร ทั้งหมดนี้เพิ่งก่อสร้างไม่นาน ที่เป็นของเก่าคือพระธาตุเจดีย์ ซึ่งตามตำนานว่าอายุกว่า ๒ พันปี
เราไม่ได้แวะชมโบสถ์ซึ่งอยู่ระหว่างทางขึ้นยอดดอย เพราะไม่มีที่จอดรถ ท่านที่สนใจดูได้จากที่นี่
ขับรถกลับมาถึงบ้านถ้ำเราเลี้ยวขวาแวะเข้าไปชมถ้ำปลา บ้านโป่งงาม ต. โป่งงาม อ. แม่สาย ติดๆ กันมีวัดถ้ำปลา ผมชอบโบสถ์ที่สร้างหน้าหน้าผาสวยงาม และมีเจดีย์เก้ายอด สร้างโดยใช้ศิลปะอินเดีย ที่ถ้ำปลามีสิ่งน่าชม ๓ อย่าง คือบรรยากาศร่มรื่นสดชื่น ปลาจำนวนมากในลำธารที่ไหลมาจากถ้ำ และลิงจำนวนมากที่มาแสดงกระโดดน้ำจากหน้าผาของถ้ำ
หลังจากกลับมานอนเอาแรงที่โรงแรม ตกเย็นเราไปเดินเที่ยวที่ไนท์ บาซาร์ ซื้อหมูยอสุจินต์สำหรับเอากลับบ้าน และกินข้าวเย็นง่ายๆ ที่นั่นเลย ฟู้ด คอร์ท ของ ไนท์ บาร์ซาร์ มีลักษณะเป็นร้านเล็กๆ กว่า ๒๐ ร้าน ๒ ฟากของลานที่มีโต๊ะเก้าอี้วางอยู่เต็ม จัดเป็นระเบียบเรียบร้อย อาหารยอดนิยมได้แก่อาหารทะเลจิ้มจุ่ม และอาหารญี่ปุ่น
สาวน้อยบ่นว่าสินค้าที่ไนท์ บาซาร์ เป็นของกรุงเทพ ไม่ค่อยมีของทางเหนือ ผมเดาว่า demand dictates supply และสาวน้อยกับผมไม่ใช่ลูกค้าของเขา พิสูจน์โดยเราไม่ด้เดินดูของแบบจริงจังเลย และไม่ได้ซื้ออะไร
๑๗ ต.ค. ๕๒
พิธีแต่งงานทำแบบล้านนา มีอาจารย์ผู้ทำพิธีที่เก่งมาก อายุราวๆ ๖๐ ปี มีพิธีบายศรีสู่ขวัญ พิธีมัดมือบ่าวสาว และพิธีส่งตัวในภาคเช้า ช่วงที่ผมประทับใจที่สุดคือช่วงส่งตัว อาจารย์ผู้ทำพิธีกล่าวแนะนำบ่าวสาวว่าพ่อแม่ซึ่งเคยมีประสบการณ์การครองชีวิตคู่ที่มีทั้งช่วงราบรื่นและไม่ราบรื่น จนได้เลี้ยงลูกเติบใหญ่แต่งงานเป็นหลักเป็นฐานในครั้งนี้ พ่อแม่ต่างก็ต้องการให้บ่าวสาวอยู่กันอย่างยั่งยืน รู้จักถนอมน้ำใจกัน จึงขอให้พ่อเจ้าสาว แม่เจ้าสาว พ่อเจ้าบ่าว แม่เจ้าบ่าว และแถมผมในฐานะผู้ใหญ่ ให้คำแนะนำการครองชีวิตคู่ เป็นช่วงที่ทุกคนในพิธี ซึ่งก็มีกัน ๘ คน ต่างก็ร้องไห้หรือน้ำตาไหลทุกคน เพราะถ้อยคำของผู้ใหญ่แต่ละคนกินใจมาก
ผมบอกเจ้าบ่าวเจ้าสาวตอนถ่ายรูปร่วมกันในงานเลี้ยงตอนกลางคืนว่า ให้จดจำความรู้สึกตอนช่วงพิธีส่งตัวไว้ให้ดี โดยให้จดจำความรู้สึกหรืออารมณ์ ไม่ใช่จดจำเหตุผล สำหรับเอาไว้ใช้เวลาความสัมพันธ์ไม่ราบรื่น หรือมีอารมณ์ด้านลบต่อกัน
ผมคิดว่าพิธีแต่งงานแบบล้านนา อย่างที่เดย์-โก๊ท จัดนี้ ให้ความศักดิ์สิทธิ์ และให้คติเตือนใจ ดีกว่าพิธีแบบที่จัดกันในกรุงเทพ นอกจากคู่บ่าวสาวได้คติเตือนใจแล้ว แขกที่มาร่วมก็ได้รับสติเตือนใจด้วย
เดย์เรียนจบปริญญาตรีจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯ ส่วนโก๊ท จบวิศวะ จากพระจอมเกล้าลาดกระบัง
งานเลี้ยงกลางคืนเป็นโต๊ะจีน ผมประทับใจที่เขามีพิธีแปลก ๒ อย่าง คือนอกจากฉายภาพเล่าประวัติเจ้าบ่าวเจ้าสาว และภาพกิจกรรมร่วมกันแล้ว ยังเอาประวัติของพ่อแม่ทั้ง ๒ ฝ่ายมาฉายให้แขกรู้จักสั้นๆ ด้วย
อีกอย่างหนึ่งคือเจ้าบ่าวซึ่งเป็นคนเงียบๆ ได้แสดงความสามารถร้องเพลงลูกทุ่งให้แขกฟัง ๑ เพลง
ผมเพิ่งรู้ว่าพิธีโยนช่อดอกไม้ ให้สาวโสดมารับ เป็นการสร้างความสนุกสนาน เป็นทำนองสร้างโชคให้สาวโสดคนที่รับช่อดอกไม้ได้ เป็นคนที่จะได้แต่งงานเป็นคนถัดไป
๑๘ ต.ค. ๕๒
เช้านี้ผมได้ออกไปวิ่งออกกำลังและชมบ้านเมือง จึงรู้ว่ามีร้านข้าวต้มอยู่ไม่ห่างจากโรงแรม รวมทั้งมีร้านก๋วยเตี๋ยวยูนนาน และขายชาจีนด้วย อยู่ใกล้ๆ
พบน้องชายมาที่โรงแรมมาส่งแขกกลับบ้านตั้งแต่เช้ามืด ผมชมว่างานจัดได้เรียบร้อยดี น้องชายเล่าให้ฟังว่า งานนี้เพื่อนๆ ของเจ้าสาว ๘ คนช่วยกันจัด มีเรื่องขลุกขลักบ้างตรงที่เจ้าหน้าที่ของโรงแรมลิตเติ้ล ดั๊ก ไม่ค่อยรับผิดชอบงาน ก็ปัดเป่าไปได้
เรากลับกรุงเทพด้วยเที่ยวบิน ๘.๓๕ – ๙.๕๕ น. สาวน้อยชมว่าเครื่องบินตรงเวลาดีมาก แต่น้องชายที่อยู่สุราษฎร์ธานีบอกว่าตอนเดินทางมาจากสุราษฎร์ธานีมากรุงเทพและต่อมาเชียงราย เครื่องบิน แอร์ เอเซีย เสียเวลามาก
วิจารณ์ พานิช
๑๘ ต.ค. ๕๒
จุดชมวิว ศาลพระนเรศวร และประติมากรรมแมงเวา บนยอดดอยเวา
|
พระธาตุดอยเวา
|
อุโบสถวัดถ้ำปลา
|
ภายในอุโบสถวัดถ้ำปลา
|
ถ้ำปลา
|
ดอกรสสุคนธ์ที่บ้านน้องชาย
|
พิธียกขันหมากอย่างง่ายๆ
|
พิธีบายศรีสู่ขวัญ
|
เจ้าบ่าวเจ้าสาวกับพ่อแม่
|
พิธีส่งตัวที่น่าประทับใจที่สุด
|
คู่สมรสกับป้าและลุง |
เจ้าบ่าวกำลังครวญเพลงลูกทุ่งในงานเลี้ยงตอนค่ำ |
เคยไปเชียงรายครั้งหนึ่งค่ะ..แต่ขึ้นไปกราบพระธาตุดอยตุง... เยี่ยมชมพระตำหนักดอยตุง..และได้ศึกษาพิพิธภัณท์ฝิ่น..ชอบบรรยากาศของเชียงรายมากค่ะ..