• จะทำ KM ได้ผลต้องมีบรรยากาศที่เป็นอิสระ มีความเท่าเทียม ความสัมพันธ์แนวราบ มีความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน เคารพและเห็นคุณค่าซึ่งกันและกัน แกนนำ KM ในองค์กร และ “คุณเอื้อ” ต้องช่วยกันสร้างบรรยากาศนี้
• มีบางคน ในบางหน่วยงาน สิ้นหวัง เพราะบรรยากาศในองค์กร ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง แล้วจะเกิด KM ได้อย่างไร
• จริงๆ แล้ว KM เป็นกลไกให้เกิดบรรยากาศข้างต้น จึงเกิดกรณีไก่กับไข่ ว่าอะไรเกิดก่อน ต้องมี KM ก่อนแล้วจึงจะมีบรรยากาศอิสระ หรือต้องสร้างบรรยากาศอิสระก่อน แล้วจึงใส่ KM เข้าไป
• ในความเป็นจริงเราสร้างบรรยากาศอิสระเล็กๆ ชั่วคราวได้ สามารถแสดงให้เห็นได้ ว่าความเป็นอิสระก่อผลดีอย่างไร และเราสามารถสร้าง micro environment ของบางส่วนของหน่วยงานได้ เพื่อให้บรรยากาศอิสระก่อผลดี สำหรับนำไปขยายผล
• สรุปว่าบรรยากาศที่ดีเป็นสิ่งที่สร้างได้ ต้องไม่มัวแต่บ่น หรือรอให้คนอื่นมาสร้าง เราต้องเป็น “ผู้นำ” ในการสร้างความเปลี่ยนแปลงนี้
• ใหม่ๆ บรรยากาศแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ต้องมีแรงผลัก ต้องเข็น บางกรณีก็หนักเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา แต่เมื่อถึงจุด tipping point บรรยากาศแบบนี้จะเกิดขึ้นเองเป็นอัตโนมัติ จนในที่สุดกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กร
• การเรียนรู้ KM ที่สำคัญอย่างหนึ่ง คือการฝึก ทักษะ ในการสร้างบรรยากาศที่เป็นอิสระ บรรยากาศเชิงบวก เชิงชื่นชมยินดี เคารพความรู้ในคนหรือความรู้ปฏิบัติ ซึ่งทำได้โดยการหา micro success มาจัดให้เจ้าของ micro success เหล่านั้นผลัดกันเล่าเรื่อง ผลัดกันฟังอย่างตั้งใจ และมีการจดบันทึกความรู้ปฏิบัติไว้ re-use ต่อ
• “คุณเอื้อ” และ “คุณอำนวย” จะต้องช่วยกันสร้างบรรยากาศนี้ในเบื้องต้น และหาทางแพร่เชื้อออกไปโดยเร็ว จนกลายเป็นวัฒนธรรมองค์กร
วิจารณ์ พานิช
๒๙ พค. ๔๙