วันที่ ๑๖ ก.พ. ๕๓ มีการประชุมคณะกรรมการกำกับทิศทางแผนงานพัฒนาเครือข่ายวิจัยในรูปแบบงานวิจัยจากงานประจำ ที่ สวรส. ทำให้ผมได้มีโอกาสคิดว่า ในสภาพที่ R2R “ติดตลาด” ดีแล้ว อย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ควรมียุทธศาสตร์ขับเคลื่อน R2R สุขภาวะไทย อย่างไร
ผมเป็นคนขยัน แต่ในการทำงานผมพยายามฝึกฝนตนเองและเพื่อนร่วมงานให้ “ขี้เกียจ” คือหาทางหรือวิธีการที่ช่วยให้เราลงมือทำน้อยๆ ได้ผลมากๆ โดยที่ผลมากๆ นั้นคือผลต่อส่วนรวม สังคมหรือบ้านเมือง ดังนั้น หลักการแรกที่ผมเสนอคือ “ขยันแบบขี้เกียจ” คือขยันส่งเสริมให้คนอื่นทำ
หลักการที่ ๒ ก็ต่อเนื่องมาจากหลักการแรก เพราะเราต้องการผลที่ประโยชน์ของสังคม ไม่ใช่เพื่อความเด่นดังของตัวเราเองหรือของ สวรส./ศิริราช ที่เป็นหน่วยงาน secretariat และเนื่องจาก R2R เป็นเรื่องของแต่ละหน่วยงานที่จะใช้ R2R เป็นเครื่องมือพัฒนางาน พัฒนาคน พัฒนาองค์กร ของตนเอง (ให้ได้ “ส.ป.ก.”) ดังนั้นตัวงาน กิจกรรม และการลงทุนทรัพยากร ต้องมาจากหน่วยงานเหล่านั้นมากที่สุด หาก สวรส. ทำตัวเป็นเจ้าบุญทุ่ม ใช้นโยบายประชานิยม จะกลายเป็นการทำลาย R2R สุขภาวะไทยในทางอ้อม
อ. หมอเชิดชัย ได้เสนอยุทธศาสตร์การดำเนินการ ๕ ประการ ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่ดีมาก ผมขอเสนอยุทธศาสตร์ในอีกมิติหนึ่งเสริมเข้าไป เรียกว่ายุทธศาสตร์ NAT ในการทำงานขับเคลื่อน R2R สุขภาวะไทย
N = Networking & KM เน้นการสร้างเครือข่าย และ ลปรร. ความสำเร็จระหว่างกัน
A = AI – Appreciative Inquiry เสาะหาเรื่องราวความสำเร็จที่มีอยู่แล้ว โดยอาจเป็นความสำเร็จภายใต้ชื่อ R2R หรือภายใต้กิจกรรมชื่ออื่นก็ได้ เอามายกย่องและ ลปรร. แรงบันดาลใจ วิธีการ และกระบวนการ
T = Technical Training ฝึกอบรมเทคนิคต่างๆ เสริมตามความต้องการ
ที่จริงแล้ว R2R เป็นอวตารของ CQI ดังนั้นควรหา R2R ที่ทำต่อเนื่องยาวนาน มาให้รางวัล R2R ที่ทำครั้งเดียวเลิก ไม่ใช่ R2R ที่แท้จริง
ส่วนหนึ่งของ Networking คือการสื่อสาร ที่เน้นใช้ การประชุมประจำปี และการให้รางวัล เป็นเครื่องมือ
ที่ประชุมพูดถึงการให้รางวัล ๓ แบบ
๑. ตามประเภทบริการ
๒. Issue-based
๓. ระบบสนับสนุน R2R ที่ดีเด่น
ปีนี้เป็นปีที่ ๓ ที่ สวรส. เข้ามาขับเคลื่อนเครือข่าย/ขบวนการ R2R สุขภาวะไทย การดำเนินการเข้มข้นและขยายเครือข่ายกว้างขวางขึ้นอย่างน่าชื่นใจ
วิจารณ์ พานิช
๑๖ ก.พ. ๕๓
บรรยากาศในห้องประชุม
อีกมุมหนึ่ง
ไม่มีความเห็น