• เมื่อกว่า ๒๐ ปีมาแล้ว สมัยผมเป็นคณบดีคณะแพทยศาสตร์ เราเชิญวิทยากรมาสอนหลักการด้านการบริหารแก่คนของคณะ มีอยู่รายการหนึ่งเป็นเรื่อง conflict บรรยายโดย ศ. ดร. อรุณ รักธรรม แห่ง นิด้า ผมประทับใจมาก เพราะเป็นรั้งแรกที่ได้เรียนรู้ว่า ความขัดแย้งไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นของธรรมดา หากรู้จักจัดการ เอาข้อที่มองไม่ตรงกันมาทำให้เกิดประโยชน์ ก็จะยิ่งทำให้องค์กรเจริญก้าวหน้า
• การมองข้อขัดแย้งในมุมมองเชิงบวก เป็นหลักการหนึ่ง ของ KM ต้องมองสิ่งที่เป็นคู่ตรงกันข้าม (dilemma) ให้เป็น “คู่สร้างพลัง”
• “ความรู้” ในการทำ KM ต้องเป็นความรู้ที่ก้าวข้าม (transcend) มุมมอง / ฐานคิด / กระบวนทัศน์ แบบใดแบบหนึ่ง ไปสู่แนวคิดหลายฐาน ต้องไม่คิดแบบ either – or แต่คิดแบบ both – and
• เมื่อเอาบริบทที่หลากหลายเข้ามาใส่ เราจะพบว่า ความรู้ / วิธีคิด / กระบวนทัศน์ แบบใดแบบหนึ่ง ไม่เพียงพอ ในการใช้ปฏิบัติในต่างสถานการณ์ ประสบการณ์ที่หลากหลาย หรือการรับฟังเรื่องเล่า จะสอนเราว่า ในทางปฏิบัติ แนวคิดแบบขั้วตรงกันข้าม / ขั้วขัดแย้ง ไม่มี มีแต่ “ขั้วเสริมแรง” ที่ช่วยให้ฟันฝ่าอุปสรรคได้ ในหลากหลายสถานการณ์
• ที่ขัดแย้ง ก็เพราะยึดติดทฤษฎี หรือวิธีคิด หรือเครื่องมือ หรือตัวตน เป็นหลัก ถ้ายึดเอาเป้าหมายที่สูงส่งร่วมกันเป็นหลัก ความขัดแย้งก็จะไม่เกิด หรือเกิดก็ไม่รุนแรง
วิจารณ์ พานิช
๑๔ มิย. ๔๙
เรื่องนี้ยากจังค่ะ คู่ตรงข้ามกลายเป็นคู่สร้างพลังได้อย่างไรกันคะ! หมายความว่าเราต้องมองด้านบวกของทั้งคู่ เพื่อไปสู่เป้าหมายเดียวกันใช่มั๊ยคะ