• KM คือกระบวนการในการสร้าง ใช้ และสั่งสมทุน ที่เรียกว่า “ทุนปัญญา” (Intellectual Capital)
• ในทุกคน ทุกกลุ่มคน ทุกชุมชน ทุกหน่วยงาน ทุกสังคม มีสิ่งที่เรียกว่า “สินทรัพย์” (assets) ซ่อนอยู่
• หลักการในลัทธิทุนนิยม ต้องรู้จักแปลงสินทรัพย์เป็นทุน สำหรับเอาไปใช้สร้าง value (คุณค่าและมูลค่า)
• คนที่มีความสามารถบางด้านอาจฝังตัวอยู่ในองค์กรโดยไม่ได้นำความสามารถนั้นมาใช้ประโยชน์ต่อองค์กร คล้ายเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไน เรียกคนและสินแร่เพชร ว่า สินทรัพย์ เมื่อเอามาเจียระไน หรือเอาคนมาใช้ประโยชน์ความสามารถด้านนั้นๆ ทั้งคนและเพชรกลายเป็นทุน
• ความรู้ / ปัญญา ต่างจากทุนชนิดอื่น ตรงที่ทุนชนิดอื่นใช้แล้วหมด แต่ทุนปัญญายิ่งใช้ยิ่งเพิ่ม หรือยิ่งงอกงาม
• ในการทำ KM เราจะนึกถึง / สำรวจ “ทุนในกระเป๋า” อยู่ตลอดเวลา แต่เป็นการสำรวจที่แปลก คือต้องมีเป้าหมายว่าจะสำรวจ “ทุนปัญญา” ด้านไหน และต้องคิดหาวิธี / เกณฑ์ ในการสำรวจ จึงจะหาทุนปัญญาพบ ทุนปัญญา เป็นสิ่งที่ถ้าเราไม่เอาใจใส่มัน ไม่สนใจหา หรือหาไม่เป็น ก็จะเหมือนไม่มี
• กล่าวอย่างแรง คนมีปัญญาด้านนั้นๆ เท่านั้น ที่จะเห็นคุณค่าของทุนปัญญา / รู้จักทุนปัญญา นั้น
• นิทานเรื่องไก่ได้พลอย เป็นอุทาหรณ์ของเรื่องทุน
• มีประเด็นว่า วิธีค้นหา “สินทรัพย์ทางปัญญา” ที่ซ่อนอยู่ ทำแบบทำเหมืองหาแร่ ได้หรือไม่ ผมว่าไม่ได้หรือทำยาก วิธีที่ง่ายกว่าหรือได้ผลกว่าคือทำให้มันโผล่ออกมาเอง โดยสร้างบรรยากาศและเวทีให้มันเผยโฉมออกมาเอง ผ่านการเล่าเรื่อง (storytelling) ความสำเร็จ (success story) มันจะโผล่ออกมาและเปลี่ยนโฉมตัวเองกลายเป็น “ทุนปัญญา” (intellectual capital) โดยอัตโนมัติ
วิจารณ์ พานิช
๒ เมย. ๔๙
วันเลือกตั้งผู้แทนราษฎรที่ในที่สุดถูกยกเลิก
ปรับปรุง ๒๐ มิย. ๔๙
ฝั่งตรงข้ามของ "สินทรัพย์" ก็คือ "หนี้สิน" อยากให้ท่านอาจารย์พูดถึง "หนี้สินทางปัญญา" บ้าง บางทีเราอาจจะรู้และเข้าใจ "สินทรัพย์ทางปัญญา" รวมทั้งกระบวนการในการจัดการได้ชัดเจนยิ่งขึ้น