• วันนี้ไปเผาศพญาติ ได้พบคนที่สนิทกันพอจะพูดความลับกันได้ เขาทำงานในรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่ง โดยมีตำแหน่งระดับผู้ใหญ่แล้ว เขาบอกว่าก็ต้องทำงานไปตามกระแสการเมือง เพราะไม่ว่ารัฐมนตรีคนไหนในรัฐบาลนี้มาเป็นประธาน ก็ “กินทั้งนั้น” เขากล่าวถึงรัฐมนตรีคนแรกของรัฐบาลนี้ ว่า “กินเหลือเกิน” นี่ก็เป็นคำกล่าวของเขานะครับ ผมไม่รับรองความจริง แต่คนคนนี้ผมเชื่อเขาครับ
• ทำให้กลับมาคิดถึงตัวเอง ว่าเราโชคดี ได้ทำงานอยู่ในหน่วยงานที่เรียกได้ว่า “สะอาด” ไม่มีเรื่องคอรัปชั่นเลย และส่วนหนึ่งผมก็ภูมิใจ ว่าผมก็มีส่วนอยู่ด้วยในการทำให้องค์กรเหล่านั้นสะอาด
• หน่วยงานที่ผมเคยทำงานประจำ มี ๔ แห่ง คือตึกอานันทราช รพ. ศิริราช, คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, สกว. และ สคส. โดยที่ ๓ หน่วยงานหลัง ผมมีส่วนสร้างระบบอยู่ไม่ใช่น้อย ยิ่ง ๒ องค์กรหลัง กล่าวได้ว่าผมมีส่วนสำคัญในการจัดระบบงานและจัดองค์กร คนที่จะมีโอกาสสร้างหน่วยงานตั้ง ๓ หน่วย มีไม่มากนักนะครับ ที่จริงถ้านับหน่วยพันธุศาสตร์ ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มอ. เข้าไปด้วย ก็จะมี ๔ หน่วยงาน ที่ผมมีโอกาสได้วางระบบไว้ และผมภูมิใจว่าได้วางระบบให้ทำงานสนุก เป็นหน่วยงานที่มีคุณภาพ สะอาด (หมายถึงมีระบบป้องกันคอรัปชั่น) และเอื้อต่อการเรียนรู้ของคน
• ผมเคยสงสัยเหมือนกันว่าคนนิสัยแข็งแบบผม ถ้าบังเอิญไปเป็นข้าราชการตามกระทรวง หรือกรม จะมีความก้าวหน้าหรือไม่ ผมเดาว่าคงไม่ก้าวหน้า ในบางกรมผมน่าจะถูกตราหน้าว่าเป็น “แกะดำ” และที่แน่ๆ คือนายคงจะไม่รัก แต่ผมโชคดีที่ได้เข้าไปอยู่ในมหาวิทยาลัย แม้ผมจะมีนิสัยแข็ง ไม่เคยไปอวยพรวันเกิด วันปีใหม่ต่อนายคนไหนเลย และบางครั้งก็เถียงนาย เถียงเพื่อนร่วมงาน บางครั้งก็ว่าคนเสียๆ หายๆ ตามนิสัยปากจัดและขี้โมโห แต่โชคดีที่นายรัก กล่าวได้ว่านายของผมรักผมทุกคน นี่คงจะเป็นผลของการที่ “อยู่ถูกที่” เดาว่าจุดอ่อนของผมคงจะได้รับการเยียวยาจากความขยัน และความตั้งใจจริงในการทำงาน
• เราโชคดี ที่มี “ชีวิตที่เลือกได้” แต่มีคนจำนวนมากที่ไม่สามารถเลือกทางเดินชีวิตได้มากนัก เขาจึงต้องจมอยู่กับอาจม ความชั่วร้ายของสังคม จนบางครั้งเขาอาจรู้สึกว่านั่นคือเรื่องปกติ คนเหล่านั้นเป็นคนที่น่าสงสาร คิดอย่างนี้แล้วรู้สึกว่าตัวเราเป็นคนมีบุญ มีบุญที่ชีวิตได้อยู่ในที่อันควร ทำให้ใช้ชีวิตแบบพอเพียงได้ง่าย ผมมองว่าคนเราต้องมีสติ มีไหวพริบ ในการเลือกที่ทำงาน เลือกแนวทางดำเนินชีวิตด้านต่างๆ
วิจารณ์ พานิช
๑๗ มิย. ๔๙
เห็นด้วยกับอาจารย์เป็นอย่างยิ่งที่ว่า
"เราโชคดี ที่มี “ชีวิตที่เลือกได้” แต่มีคนจำนวนมากที่ไม่สามารถเลือกทางเดินชีวิตได้มากนัก เขาจึงต้องจมอยู่กับอาจม ความชั่วร้ายของสังคม"
โดยเฉพาะคนจบปริญญาเอกที่ต้องไปจมอยู่ในที่ซึ่งความสามารถที่มีไม่มีโอกาสได้ใช้ทำอะไร จะไปไหนก็ไปไม่ได้ เปรียบเทียบกับตัวเองแล้วถือว่าตัวเองโชคดีมาก ถึงแม้ความรู้ทางวิชาการที่ร่ำเรียนมาโดยตรงยังไม่มีโอกาสได้ใช้งานจริงจัง แต่ก็มีโอกาสได้ทำประโยชน์ให้สังคมในแง่ต่างๆกัน ได้สนุกกับการทำงานโดยไม่ต้องมีกรอบมากมาย ได้อยู่กับคนที่เปิดโอกาสให้เราได้ทำงาน ได้ใช้ประโยชน์กับความขยันและรักงานที่ทำของตัวเอง โชคดีที่สุดแล้วจริงๆค่ะ อาจารย์
ไม่ว่ารัฐมนตรีคนไหนในรัฐบาลนี้มาเป็นประธาน ก็ “กินทั้งนั้น”
ลองสืบไปรัฐบาลก่อนๆบ้าง
ถ้าไม่มีก็เหลือเชื่อ
ดูให้รอบด้านไม่เชียร์ใครสุดโต่ง