ผมได้แรงบันดาลใจในการเขียนบันทึกนี้จากการอ่านหนังสือ "แนวคิดและทฤษฎี : สังคม การสื่อสาร กับการเปลี่ยนแปลงสังคม" จัดพิมพ์โดยสถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนาชนบท มหาวิทยาลัยมหิดล
หนังสือนี้รวบรวมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ "ทุนทางสังคม" ไว้อย่างดีมาก ในหน้า ๓ - ๑๑ แต่ผมยังรู้สึกว่ายังเป็นการมองทุนทางสังคมในรูปแบบที่ "ดิ้นได้" น้อยไป จากการทำงานส่งเสริม KM มาเกือบ ๔ ปี ผมเชื่อว่าเราสามารถเพิ่มทุนทางสังคมของไทยขึ้นได้เป็นสิบเท่าภายในเวลาไม่กี่ปี ถ้าเราเข้าใจ พร้อมใจ และพร้อมกันทำ
มันยากตรงพร้อมใจ และพร้อมกันทำ นี่แหละ แต่ความยากไม่เป็นเหตุให้ท้อถอยนะครับ มันคือความท้าทาย
ผมมีฉันทาคติ ว่า KM สามารถดึงศักยภาพของคนแต่ละคนออกมาเป็นสิบเท่าของที่ใช้อยู่ และเมื่อดึงออกมาสนธิพลัง (synergy) กับเพื่อนร่วมงาน ร่วมสังคม ก็จะยิ่งเพิ่มพลัง เพิ่ม "ทุนปัญญา" ผมรู้สึกว่าหนังสือเล่มดังกล่าวไม่ได้รวมเอาทุนปัญญาไว้ในทุนทางสังคม
ทุนปัญญาเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทุนทางสังคม ทุนทางสังคมมีพลังได้เพราะ "กาวใจ" ระหว่างฝ่ายต่างๆ ทุนปัญญาที่เป็นปัญญาปฏิบัติ ที่ปฏิบัติอยู่บนฐานคิดเชิงบวก ที่เคารพและเห็นคุณค่าของความรู้ในตัวคน ทำหน้าที่เป็น "กาวใจ" สร้างการสนธิพลังแยกส่วนทั้งหลาย ให้สนธิกันเข้าเป็นพลังทางสังคม
ดังนั้นถ้าเข้าใจ และปฏิบัติ KM อย่างลึก ที่ว่ายากตรงพร้อมใจ พร้อมกันทำ ก็ไม่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ KM อยู่กับพลังเชิงบวก และพลังเชิงบวกก็มีแสนยานุภาพที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่น่าเชื่อ
วิจารณ์ พานิช
๑๖ กค. ๔๙
ไม่มีความเห็น