การทำ KM เป็นการใช้และสร้างความริเริ่มสร้างสรรค์ ในการสร้างสรรค์การตั้งคำถามสำคัญยิ่งกว่าการให้คำตอบ กล่าวอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าคำตอบไม่สำคัญ คำตอบที่หลักแหลม หรือแหวกแนว สำคัญมาก แต่การตั้งคำถามที่คนนึกไม่ถึง สำคัญยิ่งกว่า
การตั้งคำถาม คือการแสวงหาลู่ทางใหม่ๆ วิธีคิดใหม่ๆ เป็นสิ่งที่มีมาพร้อมกับความเป็นมนุษย์ตามธรรมชาติ (nature) แต่เราทำลายคุณสมบัตินี้ของมนุษย์ไปเสียมากพร้อมกับการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนในบ้านและในโรงเรียน ความสามารถในการตั้งคำถามของมนุษย์มีติดตัวมาโดยธรรมชาติ (nature) แต่ถูกลดทอนหรือทำลายไปเสียมากโดยการเลี้ยงดู (nurture) หรือโดยวัฒนธรรม (culture ) ดังจะเห็นว่าเด็กทุกคนจะถามคำถามเก่งมาก เพราะเด็กยังมีวิธีคิดแบบเด็ก ยังไม่ถูกครอบงำโดยวัฒนธรรม
ดังนั้น ถ้าจะให้บรรยากาศในที่ทำงานมีความสร้างสรรค์มาก ต้องทำให้ทุกคนกลับไปเป็นเด็ก คือลดความเป็นทางการลงไป สร้างบรรยากาศที่เป็นอิสระมากขึ้น เปิดโอกาสให้ตั้งคำถามแปลกๆ ได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกหาว่าเป็นคนโง่หรือบ้า ดังตัวอย่าง เมื่อวันที่ ๑๗ สค. ๔๙ คุณพรทิพย์ แห่งสถาบันเพิ่มผลผลิตได้ฉายรูปห้องทำงานของบริษัทญี่ปุ่น มีลิงห้อยหัวติดอยู่ที่เพดานห้อง มีจักรยานถีบอยู่กับที่ตั้งอยู่ใกล้กลุ่มโต๊ะทำงาน ที่ สคส. เราก็มีพวงปลาตะเพียนตั้ง ๓ พวงแขวนไว้หน้าห้อง
คำถามหลักของ "คุณอำนวย" คือ ทำไม ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ทำไมจึงลองทำวิธีนั้น คิดอย่างไรจึงลอง ทำไมจึงคิดอย่างนั้น ถามคำถาม "ทำไม" ให้ลึกลงไปเรื่อยๆ ก็จะทำให้เกิดความเข้าใจ เกิดการเค้นเอาความรู้ฝังลึกออกมา นี่คือการตั้งคำถามเพื่อสกัดความรู้ในคนหรือความรู้ฝังลึก
แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ การตั้งคำถามที่แหวกแนว (lateral thinking) เป็นตัวชักนำไปสู่การทดลองทำสิ่งใหม่ หรือทดลองวิธีใหม่ ซึ่งอาจทำให้เกิดนวัตกรรมขึ้น
วิจารณ์ พานิช
๒๖ สค. ๔๙
กราบขอบพระคุณสำหรับบทความที่เปี่ยมด้วยคุณค่า
อยากให้บรรยากาศในที่ทำงานลดความเป็นทางการ
ลงเช่นกันค่ะ