นี่คือเรื่องของทุนทางสังคม (Social Capital) และทุนปัญญา (Intellectual Capital) ที่มีการพูดถึงกันมากในปัจจุบัน แต่พูดกันด้วยความหมายลึกๆ ที่ต่างกัน
คนส่วนใหญ่มองทุนทั้งสองชนิดในลักษณะ "บุญเก่า" คือตกทอดมาแต่บรรพบุรุษ หรือสะสมมาแต่ก่อน ซึ่งไม่ผิด แต่ถ้ามองเฉพาะ "บุญเก่า" ก็ผิด เพราะว่ายังมี "บุญสร้าง" คือทุนทั้งสองแบบ ที่ช่วยกันสร้างขึ้นใหม่จากการทำงานในชีวิตประจำวันนั่นเอง
ผมมีความเห็นว่าสำคัญทั้ง "บุญเก่า" และ "บุญสร้าง" แต่ "บุญสร้าง" สำคัญกว่า โดยเฉพาะแนวความคิด หรือความเชื่อเกี่ยวกับ "บุญสร้าง" สำคัญมาก โดยสำคัญใน ๒ ประเด็น คือ
(๑) แนวความคิดว่า "บุญสร้าง" ทั้ง ๒ แบบ เป็นสิ่งที่มีจริง และมีคุณค่าสูงส่งต่อความวัฒนาถาวรขององค์กร
(๒) แนวความคิดว่าการทำงานตามปกติประจำวันนั้นเองเป็นตัวสร้างสม "บุญสร้าง" ทั้ง ๒ แบบ โดยมีเงื่อนไขว่า ต้องมีการดำเนินการอย่างถูกต้อง แต่ถ้าทำผิด ก็จะกลายเป็น "บาปสร้าง" เป็นการสั่งสมปัญหาแทนที่จะสั่งสมทุน
การสร้างและสั่งสมทุนทั้ง ๒ ชนิด ทำได้โดยการจัดการความรู้ในงานประจำ และงานทุกประเภท การสร้างและสั่งสมดังกล่าวจะอยู่ในตัวปัจเจกบุคคล ในตัวองค์กร และในความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและระหว่างหน่วยงานย่อยขององค์กร และในความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรกับภายนอก
ทุนทั้งสองประเภทไม่ใช่เป็นเพียงความรู้เชิงเทคนิค แต่ยังมีมิติด้านคุณค่า ความเชื่อ ความสัมพันธ์ มีมิติของพลังลึกลับ ที่เกิดจากความมีจิตมุ่งมั่นร่วมกันในองค์กร เกิดจากความเคารพเห็นคุณค่าของตนเองและผู้อื่น เกิดจากการได้รับผลประโยชน์ร่วมกันจากการร่วมกันสร้างและสั่งสม "บุญปัญญา" และ "บุญสังคม"
วิจารณ์ พานิช
๓๑ สค. ๔๙
ไม่มีความเห็น