โรงเรียนชาวนาระดับมัธยม (๑๗)
นี่เป็นครั้งแรกที่ สคส. จัดการเดินทางไปเยี่ยมโรงเรียนชาวนาอย่างเป็นทางการ ทำให้ สคส. เองก็ได้เรียนรู้ ว่าสิ่งที่ สคส. ทำ (คือการจัดให้มีคนไปเยี่ยมชมกิจกรรมของ โรงเรียนชาวนา) ก็เป็นการจัดการความรู้อย่างหนึ่ง ทำให้เกิดความคึกคักขึ้นอย่างมากมายในกลุ่มนักเรียนโรงเรียนชาวนา
ตอนที่ 16 สคส.เยี่ยมโรงเรียนชาวนาวัดดาว
เช้าตรู่ของวันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2548 รถตู้หลายคันจรจากมหานครมุ่งสู่เมืองสุพรรณ อู่ข้าวอู่น้ำ และแล้วก็จรจนถึงตำบลวัดดาวในอำเภอบางปลาม้า วันนี้ถือเป็นวันดี วันดีของโรงเรียนชาวนามีความหมายว่า มีบุคคลสำคัญให้เกียรติมาเยี่ยมเยือนถึงถิ่นดินบ้านนา
ภาพที่ 147 ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช นั่งร่วมวงเรียนรู้กับนักเรียนชาวนา |
บุคคลสำคัญท่านแรกที่นักเรียนชาวนาใคร่อยากพบอยากพูดคุยด้วย คือ ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช หรือที่ใครๆต่างพากันเรียกอย่างสั้นๆว่า หมอวิจารณ์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการจัดการความรู้เพื่อสังคม (สคส.) ซึ่งให้การส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมของโรงเรียนชาวนามาโดยตลอด
ในวันนี้ ท่านได้พาคณะ “สื่อสัญจรศึกษาเรียนรู้โรงเรียนชาวนา : การบำรุงดินเพื่อคืนชีวิตแม่ธรณี” มาเยี่ยมนักเรียนชาวนาถึงบ้านถึงนา มาเรียนรู้นักเรียนชาวนาว่าเรียนรู้กันอย่างไร และมาชมผลความก้าวหน้ากิจกรรมโรงเรียนชาวนา ชมแปลงนาตัวอย่างในระบบเกษตรกรรมยั่งยืน ชมการเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์
ในคณะประกอบด้วยบุคคลสำคัญอีกท่านหนึ่ง คือ คุณไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ปรัธานสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) ซึ่งท่านตั้งใจมาเยี่ยมนักเรียนชาวนา พร้อมๆ กับสนใจในเรื่องราววิถีชีวิตของนักเรียนชาวนา
และยังมีคณะนักวิชาการมหาวิทยาลัยที่สนใจในเรื่องการเพาะเลี้ยงเชื้อจุลินทรีย์ของนักเรียนชาวนา โดยการนำของ รศ. ดร.ก้าน จันทร์หรหมมา มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
นอกจากนี้ ก็ยังมีคณะสื่อมวลชนที่ได้คอยติดตามผลงานของมูลนิธิข้าวขวัญมาโดยตลอดได้ให้เกียรติมาเยี่ยมชมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย ได้แก่ ผู้สื่อข่าวจากหนังสือพิมพ์มติชน สยามรัฐ และรายการคนหวงแผ่นดิน
ภาพที่ 148 คุณไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม สวมเสื้อนักเรียนชาวนา |
ท่านทั้งหลายที่มาถึงโรงเรียนชาวนาแล้ว ก็ได้นั่งร่วมวงเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับดินรวมกับ นักเรียนชาวนาไปพร้อมๆกันด้วย ซึ่งโรงเรียนชาวนากำลังให้การเรียนรู้แก่นักเรียนชาวนาใน หลักสูตรการปรับปรุงบำรุงดิน และโอกาสนี้ คุณเดชา ศิริภัทร ผู้อำนวยการมูลนิธิข้าวขวัญ ได้บรรยายพิเศษเรื่อง “การปรับปรุงดินกับการคืนชีวิตแม่ธรณี” สาระได้เชื่อมโยงระหว่างวิถีชีวิตของชาวนา สู่เรื่องสิ่งแวดล้อมดิน ดินกับความเชื่อแม่ธรณี ดินกับการทำเกษตรกรรมยั่งยืน สู่โรงเรียนชาวนาที่นักเรียนชาวนาจำเป็นต้องเรียนรู้ถึงการบำรุงดินเพื่อให้ดินมีชีวิต
เมื่อการบรรยายพิเศษจบลง ก็มีกิจกรรมการพูดคุยแลกเปลี่ยนต่อเนื่องในวงนักเรียนชาวนา เรื่อง “สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กกับการชี้วัดคุณภาพดิน” โดยคุณณรงค์ อ่วมรัมย์ คุณอำนวยของมูลนิธิข้าวขวัญเป็นวิทยากร สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กในดินที่กล่าวถึงนี้คือเชื้อจุลินทรีย์ที่ทำการย่อยสลายเศษสิ่งต่างๆในดินให้ดินเกิดการร่วนซุย ซึ่งอีกสักครู่จะนำพาไปรู้จักกับนักเรียนชาวนาที่รู้จักการนำเชื้อจุลินทรีย์มาใช้ประโยชน์กับการเกษตร ... นี่เป็นสิ่งที่หลายๆ คนกำลังจับตามองอย่างสนใจ
ภาพที่ 149 ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช (สคส.) คุณเดชา ศิริภัทร (มูลนิธิข้าวขวัญ) และ คุณไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม (พอช.) |
ภาพที่ 150 ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ชมนิทรรศการนักเรียนชาวนา |
ภาพที่ 151 ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช | ภาพที่ 152 นักเรียนชาวนาพร้อมเรียนรู้ |
ภาพที่ 153 วงพูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้ บรรยากาศในห้องเรียนโรงเรียนชาวนา |
ภาพที่ 154 คุณเดชา ศิริภัทร บรรยายพิเศษให้ความรู้นักเรียนชาวนา |
หลังจากได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับแนวคิดและเนื้อหาต่างๆในห้องเรียนกันแล้ว ก็ถึงกิจกรรมที่จะต้องออกนอกห้องสี่เหลี่ยมไปเรียนรู้จากแหล่งปฏิบัติหรือสถานที่จริงทั้งที่บ้านและที่นา เพื่อโลกของการเรียนรู้จะได้เปิดกว้างรับเอาความรู้ใหม่ๆ ประสบการณ์จากคนหลายๆคน ซึ่งได้มาจาก การฝึกทดลองด้วยการปฏิบัติจริงในนา
“เทคนิคพัฒนาระบบแปลงนาในระบบเกษตรกรรมยั่งยืน” เป็นเรื่องแรกในพื้นที่แรกที่จะพาไปเยี่ยมชม… บ้านของคุณบังอร สุวรรณสูร แกนนำคนสำคัญของโรงเรียนชาวนาวัดดาว เพื่อไปดูเทคนิคของการพัฒนาแปลงนาในระบบเกษตรกรรมยั่งยืน วันนี้คุณบังอรทำการเปิดบ้านต้อนรับทุกท่านด้วยความยินดีและดีใจเป็นอย่างยิ่ง แวะเยี่ยมบ้านเพื่อดื่มน้ำเย็นๆให้คลายร้อนของแดดยามสาย แล้วก็เลาะเรียบริมถนนชมนาข้าวอันเขียวที่ปลูกแบบปลอดสารพิษ ทุกท่านจึงได้ร่วมกันพิสูจน์ให้ได้เห็นกันในเชิงประจักษ์
ภาพที่ 155 – 156 เยี่ยมชมบ้านคุณบังอร แหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียน |
ภาพที่ 157 – 158 ชมแปลงนาในระบบเกษตรกรรมยั่งยืนของคุณบังอร |
ขณะที่ชมไปก็ได้มีการพูดคุยซักถามเพื่อแลกเปลี่ยนและเรียนรู้กันไป เห็นกลุ่มนักข่าวทั้งถ่ายรูปและสัมภาษณ์เรื่องราวของการปลูกข้าวปลอดสารเคมีกันอย่างสนุกสนาน งานนี้เรียกว่าได้ทั้งความรู้และความสนุก
ภาพที่ 159 คณะสื่อมวลชน (หนังสือพิมพ์) ติดตามทำข่าวด้านการเกษตร | ภาพที่ 160 พูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้ |
“นักเรียนชาวนาเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์” เป็นพื้นที่ที่ 2 ซึ่งได้ไปดูการเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์ที่บ้านคุณสนั่น เวียงขำ นักเรียนชาวนาผู้ที่สนใจเรื่องจุลินทรีย์ การไปดูการเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์นี้เป็นผลจากการที่ลุงสนั่นได้เรียนรู้และฝึกทดลองด้วยตนเอง จากการลองผิดลองถูกในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ผลที่ปรากฏให้เห็นประจักษ์ ทำให้หลายๆคนสนใจที่จะเข้าไปศึกษาเรียนรู้
คำตอบส่วนหนึ่งของเรื่องสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กกับการชี้วัดคุณภาพดิน คำตอบของประเด็นจึงอยู่ที่บ้านของคุณสนั่นนี่เอง คำตอบที่ได้จึงไม่ได้อยู่ไหนไกลตัวเลย
ภาพที่ 161 ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ชมการขยายเชื้อจุลินทรีย์ โดยมีลุงสนั่นเป็นวิทยากรในฐานะเจ้าของบ้าน | ภาพที่ 162 รศ.ดร.ก้าน จันทร์พรหมมา มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ (ซ้าย) และคุณเดชา ศิริภัทร มูลนิธิข้าวขวัญ (ขวา) |
ภาพที่ 163 นักเรียนชาวนาแลกเปลี่ยน ความรู้กับ รศ.ดร.ก้าน จันทร์พรหมมา เรื่องการเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์ |
ภาพที่ 164 นักเรียนชาวนาสาธิตวิธีการเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์ด้วยใบไผ่วัสดุธรรมชาติที่พบทั่วไปตามบ้าน/สวน |
ทุกคนที่มาเยี่ยมบ้านของนักเรียนชาวนาพอได้คำตอบกันหลายใน 2 ประเด็น จากบ้านคุณบังอรและบ้านคุณสนั่น คราวนี้ไปแวะเยี่ยมบ้านของคุณเพชรรัตน์ สระโจมทอง นักเรียนชาวนารุ่นแรกอีกคนหนึ่งของโรงเรียนชาวนาวัดดาว เป็นบ้านหลังที่ 4 แหล่งการเรียนรู้เรื่องข้าว
เมื่อเข้าไปถึงบ้านคุณเพชรแล้ว หลายๆคนก็ได้เห็นต้นข้าวกำลังออกรวงทองช่อสวยงามอยู่ในกระถาง และเมื่อแต่ละคนได้เห็นได้ชมเช่นนั้น… แน่นอนแล้วว่ามีคำถามที่ต้องการจะซักถามเจ้าของบ้านขึ้นมาในทันที เช่นว่า เหตุใดจึงมาปลูกข้าวในกระถาง พอตอบว่าทดลองปลูกข้าวจากการคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ข้าว ก็มีคำถามต่อไปอีกว่า เหตุใดจึงต้องคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ข้าว แล้วคัดอย่างไร สาธิตให้ดูได้ไหม ผลการทดลองเป็นอย่างไร และคำถามอื่นๆ อีกมากมาย คำตอบอยู่ที่นักเรียน ชาวนา ... คุณเพชรรัตน์นั่นเอง
ภาพที่ 165 – 166 เยี่ยมชมการปลูกข้าวแบบคัดเมล็ดพันธุ์ของคุณเพชรรัตน์ |
“นักเรียนชาวนาวัย 70 ปี เชื่อมโยงความเชื่อกับวิถีการทำนา” บ้านหลังที่ 4 เป็นบ้านของยายปิ่นทอง (ปิ่นทอง ศรีสังข์) นักเรียนชาวนาอาวุโส วัย 70 ปี ผู้ที่จะคนเชื่อมโยงความเชื่อกับวิถีการทำนาให้กับทุกๆท่านได้เข้าใจ สภาพตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน และรวมถึงการก้าวไปสู่อนาคตอันใกล้นี้
หลายคนสงสัยว่า เหตุใดยายปิ่นทองจึงต้องมาเรียนรู้อย่างนักเรียนชาวนาอีก แต่ก็อย่าลืมว่า การเรียนรู้นั้น ไม่มีใครแก่เกินเรียน ยายปิ่นทองก็ถือเอาค่านิยมเช่นนี้ด้วยคนหนึ่ง อายุไม่ได้เป็นอุปสรรคของการเรียนรู้ของยายปิ่นทองเลย
ยายปิ่นทองเป็นนักเรียนชาวนาคนที่เห็นพัฒนาการทางด้านการเกษตรมา 3 ช่วง กล่าวคือ ในสมัยที่ยายปิ่นทองยังคงเป็นเด็กๆ ซึ่งอยู่ในวิถีเกษตรกรรมดั้งเดิม ทำนาปีนาน้ำฝน ใช้ควายไถนา ปลูกข้าวด้วยการดำนา และเลือกใช้เมล็ดพันธุ์พื้นบ้าน ต่อมาในระยะเพียงไม่กี่ปี วิถีชีวิตของยายปิ่นทองก็เปลี่ยนแปลงไป ภายในหมู่บ้านมีการขุดคลองชลประทาน เป็นจุดเริ่มต้นของการทำนาปีและนาปรัง มีการส่งเสริมให้มีการใช้เมล็ดพันธุ์ใหม่ๆ ส่งเสริมให้ใช้ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าหญ้า ยาฆ่าแมลง จนต่อมาได้สร้างปัญหาทั้งด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านสุขภาพให้แก่ยายปิ่นทองเป็นอย่างมาก กระทั่งในช่วงปีสองปีที่ผ่านมานี้ ยายปิ่นทองตัดสินใจเลือกทางเดินใหม่อีกครั้ง นั่นก็คือการสมัครเป็นนักเรียนชาวนาของโรงเรียนชาวนาวัดดาว นี่เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตที่ยายปิ่นทองต้องการจะย้อนกลับไปทำนาแบบดั้งเดิมอีกครั้ง เท่าที่จะสามารถย้อนยุคได้ เพราะยายปิ่นทองต้องการกินดีอยู่ดีมีสุขภาวะ
นักเรียนชาวนาอย่างยายปิ่นทองสนใจเรื่องของสมุนไพร ยายปิ่นทองชอบทดลองปรุงยาสมุนไพรพื้นบ้านเพื่อเอาไปฉีดไล่แมลงที่มารบกวนข้าวและพืชผักผลไม้ การที่ยายปิ่นทองรักการเรียนรู้เป็นอย่างมาก ทำให้กลายเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ลูกๆหลานๆในโรงเรียนชาวนา
ภาพที่ 167 คุณไพบูลย์ วัฒนศิริธรรมชมฮอร์โมนชีวภาพ | ภาพที่ 168 ยายปิ่นทอง ศรีสังข์ ได้แลกเปลี่ยนความรู้ร่วมเรื่องสมุนไพรกับ รศ.ดร.ก้าน จันทร์พรหมมา |
ภาพที่ 169 เสวนากลุ่มนักเรียนชาวนา อย่างเรียบง่าย |
ภาพที่ 170 วงพูดคุยแลกเปลี่ยนเรียนรู้ แบบกันเอง |
หลายๆคนบอกมาเช่นนี้ แต่ความรู้ทั้ง 2 อย่างเวทีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้เปิดโอกาสให้นักวิชาการและนักเรียนชาวนาได้มาพบปะกัน กลุ่มหนึ่งรู้อย่างวิชาการ อีกกลุ่มหนึ่งรู้อย่างชาวนา ก็คือความรู้ เพราะกลุ่มหนึ่งเป็นความรู้ภาคทฤษฎี อีกกลุ่มหนึ่งเป็นความรู้ภาคปฏิบัติ ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ได้สั่งสมกันมานาน ถ่ายทอดกันมา มีนอกเหนือจากตำรา หากแต่ในวันนี้ได้มีการนำเอาความรู้จากทั้ง 2 กลุ่ม 2 แหล่งมารวมกัน จึงทำให้เกิดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาชีวิต ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทุกฝ่าย นี่เป็นโอกาสที่ดีที่หาดูได้ยาก
“สื่อสัญจรศึกษาเรียนรู้โรงเรียนชาวนา : การบำรุงดินเพื่อคืนชีวิตแม่ธรณี” ได้สิ้นสุดก่อนยามเย็น ทุกๆท่านที่ได้มีโอกาสมาศึกษาดูงานและมาเยี่ยมนักเรียนชาวนาต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าได้รับความรู้และประสบการณ์อย่างมาก และในส่วนนักเรียนชาวนาก็เช่นเดียวกัน ทุกคนต่างก็บอกเช่นเดียวกันว่าได้รับทั้งความรู้และประสบการณ์ แต่สิ่งที่นอกเหนือจากนั้น นั่นคือความภูมิใจในศักดิ์ศรีของชาวนา ทำให้ในวันนี้นักเรียนชาวนายังยิ้มได้
ผลของการนำคณะ สคส. ไปเยี่ยมโรงเรียนชาวนานอกจากทำให้สื่อมวลชนลงข่าวโรงเรียนชาวนาอย่างครึกโครมแล้ว ดร. ก้านยังได้นำเอาใบไผ่ที่มีเชื้อจุลินทรีย์ที่นักเรียนชาวนาเป็นผู้ผลิตเอง เอาไปเพาะเชื้อและส่งภาพเชื้อจุลินทรีย์ชนิดต่างๆ พร้อมกับความรู้ว่าจุลินทรีย์แต่ละตัวทำอะไร มีประโยชน์อย่างไร ทำให้นักเรียนชาวนาเกิดการเรียนรู้ต่อยอดขึ้นไปเป็นอันมาก
วิจารณ์ พานิช
๒๒ สค. ๔๘
ไม่มีความเห็น