คนที่เคยทำ KM ด้วยตนเอง จะรู้ว่า ยิ่งให้ หรือยิ่งเล่าเรื่องราวความสำเร็จของตน ตนเองจะยิ่งรู้มากขึ้น เข้าทำนอง "ยิ่งให้ยิ่งได้" และส่วนที่ได้นั้น ส่วนหนึ่งงอกงามจากภายใน ไม่ใช่แค่รับมาจากภายนอก
ตรงนี้แหละที่เป็นเคล็ดลับในการทำ KM ถ้าเราทำเป็น ทำถูกทาง มีการเล่าเรื่องสู่กันอย่างเปิดใจ มีการฟังกันอย่างเปิดใจฟัง หรือฟังอย่างลึก เราจะพบว่า "ผู้ให้คือผู้รับ" และ "ผู้รับคือผู้ให้" "ในการให้ เราได้รับมากกว่า" และ "ในการรับ เราเป็นผู้ให้มากกว่า"
เรากำลังคุยกันในระดับที่ลึกเข้าไปถึงจิตวิญญาณ (organic / spiritual) แล้วนะครับ ไม่ใช่แค่ผิวเผินอยู่ในระดับวัตถุกลไก (mechanical) ถ้าเราสมาทานความเชื่อในการจัดการ การทำงาน การรวมกลุ่ม แบบ "มีชีวิต" (organic) และเรามีทักษะในการทำให้ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ ลึกเข้าไปในระดับจิตวิญญาณ เราก็จะสัมผัสการ "ได้" ในมิติของ "การงอกงามจากภายใน"
มนุษย์เรามีศักยภาพในการ "งอกงามจากภายใน" มากกว่าที่เราเข้าใจ ถ้าเราไม่ปฏิบัติ เราก็จะไม่เข้าใจ จะเข้าใจได้ ต้องผ่านการปฏิบัติจริงเท่านั้น
การเล่าเรื่อง (storytelling), การทำ AAR, การทำสุนทรียสนทนา, การพูดออกมาจากใจ, การฟังอย่างลึก, บรรยากาศที่ไม่มีถูกไม่มีผิด จะช่วยกระตุ้นให้เกิดความงอกงามออกมาจากภายในของแต่ละคน เกิดการเรียนรู้อย่างลึก เกิดการเรียนรู้ในมิติที่ละเอียดอ่อน ที่การอภิปรายถกเถียงด้วยเหตุผลให้ไม่ได้ (แต่อย่าเข้าใจผิด ว่าการเรียนรู้อย่างลึกแนวนี้ จะทดแทนการเรียนรู้ด้วยข้อมูลเหตุผล)
การ ลปรร. ความรู้ฝังลึก ด้วยเทคนิค KM มีคุณค่าสูงสุดอยู่ที่กระบวนการกลุ่ม กระบวนการกลุ่มที่เอื้ออาทรต่อกัน เห็นคุณค่าและเคารพในความแตกต่างระหว่างกัน ได้ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้จากด้านใน นำไปสู่การงอกงามจากภายใน และเปิดเผยความงดงามที่ซ่อนอยู่ภายในแต่ละคนออกมา
วิจารณ์ พานิช
๑๑ ธค. ๔๙
ขอบพระคุณมากๆ สำหรับสาระดีๆ อย่างนี้ มันทำให้รู้สึกดี มีพลังมากขึ้นในการดำเนินชีวิตด้วยนะครับ