ยิ่งนับวันผมก็ยิ่งเห็นจริง ว่าอนาคตไม่แน่นอน และเราไม่มีวันทำนายอนาคตได้ แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็เชื่อว่าเราสร้างอนาคตได้ อย่างน้อยก็ในระดับหนึ่ง โดยที่การสร้างอนาคตนั้น ต้อง "สร้างแบบไม่สร้าง" คือจริงๆ แล้ว อนาคตมันเกิดเอง โดยที่สภาพที่เกิดขึ้นในอนาคตนั้น มีความซับซ้อน หลากหลายรูปแบบ ถ้าเราขวนขวาย และเพียรพยายาม เราจะสามารถค้นพบรูปแบบในอนาคตที่มีอยู่แล้ว ในลักษณะของหน่ออ่อนของสภาพนั้น และเข้าไป "รดน้ำพรวนดินใส่ปุ๋ย" หน่ออ่อนของอนาคตด้านที่เรามีศรัทธา ต้องการขยายภาพนั้นให้กว้างขวาง เราก็จะสามารถ "สร้างอนาคต" ได้ โดยที่เราไม่ได้สร้าง
ถ้าเราไม่พากเพียรพยายาม ไม่มุ่งมั่นทำกิจการโดยมุ่งหวังบรรลุ "ความฝัน" ที่ไม่ชัดเจน เราจะไม่สามารถค้นพบ "หน่ออ่อน" แห่งอนาคตตามความฝันของเรา และจะไม่สามารถบรรลุการสร้างสรรค์อนาคตที่แตกต่างได้
ความมุ่งมั่น และการลงมือทำ ด้วยอิทธิบาท ๔ หมั่นนำประสบการณ์และการไตร่ตรองมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเนืองนิตย์ แม้ยังไม่ประสบความสำเร็จก็ไม่ท้อถอย ในที่สุดจะค้นพบหน่ออ่อนแห่งความสำเร็จเล็กๆ เป็นลู่ทางสร้างความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ต่อไปได้
ชุมชนนักทำงาน ต้องกล้าฝัน กล้าเข้าไปอยู่ในดินแดนที่ไม่ชัดเจนแน่นอน (chaos) ทำความเพียร และสร้างปัญญา อย่างมีสติมุ่งมั่นอยู่กับ "ความฝัน" นั้น ในที่สุด "แสงสว่างที่ขอบฟ้า" จะเริ่มปรากฎ ดังตัวอย่างพระมหาชนก ที่ทำความเพียรว่ายไปในมหาสมุทร หลังจากสำเภาล่ม
วิจารณ์ พานิช
๒๒ ม.ค. ๕๐
มีคนเคยบอกผมนะครับว่า "ความฝัน" ถ้าจะให้สำเร็จ ต้องให้มาคู่กับ "ความมุ่งมั่นและศรัทธา" แต่บางครั้ง สิ่งที่ทำลายความฝันให้ผุกร่อน โดยบางที เราแทบไม่รู้ตัวเลย ก็คือ "เวลา" หลายครั้งต่อหลายครั้ง ที่ หน่ออ่อน แห่งอนาคต ไม่เจริญเติบโต ยิ่งถ้าความฝันอยู่ไกล เวลาในการงอก ก็นานไปด้วย จนบ้างครั้งหลายๆ หน่ออ่อน ทนมรสุมไม่ไหว ต้องตายไปในที่สุด
แต่สิ่งที่เห็นจะเป็นจริงคือ การกระทำวันนี้ส่งผลไปถึงอนาคต ได้จริงๆ