คุณเลือกหรือใครเลือก


ธุรกิจสุขภาพ เพื่อใคร

ระยะนี้เรื่องราวของสุขภาพทางเลือกมีมากขึ้นนะคะ

มากด้วยแรงโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ทำให้สุขภาพทางเลือกอาจกลายเป็นภาพลวงตา ให้คนที่ได้สัมผัสหลอนตัวเองว่า สุขภาพดีด้วยวิธีการเหล่านั้นไปก็ได้

และธุรกิจสุขภาพทางเลือกก็เป็นกระแสที่น่าจับตามองมาขึ้น เมื่อพบว่า ปีที่ผ่านมา ธุรกิจประเภทสปาเพิ่มขึ้นเร็วเกือบ 20% คิดเป็นเงินกว่า หมื่นล้านบาท

น่าจะดีใจนะคะ ถ้ามองในเชิงธุรกิจ เพราะดูเหมือนว่านโยบายให้ไทยเป็น Hub ของสุขภาพทางเลือกของภูมิภาคได้รับการตอบรับดี น่าจะนำเงินเข้าประเทศได้มาก

แต่เมื่อลองไปศึกษาองค์ประกอบของสปาหรือสุขภาพทางเลือกอื่นๆ นั้น ก็พบว่ามีการนำเข้าสมุนไพรต่างชาติจำนวนมาก และมากกว่าสมุนไพรที่ผลิตเองในประเทศ จะเพราะประเทศเราผลิตไม่ทันหรือว่าคุณภาพไม่น่าใช้ ตรงนี้ยังไม่มีข้อมูลค่ะ

แล้วอย่างนั้นธุรกิจเหล่านั้น แท้ๆแล้ว นำเม็ดเงินเข้าประเทศหรือผ่องถ่ายเม็ดเงินออกนอกประเทศกันแน่

หลายครั้งที่คนไทย (รวมคนชาติอื่นๆ) จำนวนหนึ่งจะใช้สุขภาพทางเลือก เพราะไม่มั่นใจว่าการแพทย์ปัจจุบันเยียวยาอาการได้จริง แต่ก็มีคนจำนวนหนึ่งเลือกเพราะได้รับคำแนะนำต่อๆมา จาก "นักวิชาการสุขภาพ" ซะด้วย โดยเฉพาะเรื่องอาหารเสริม สาระพัดยี่ห้อที่วางจำหน่ายอยู่ จะเพื่อเพื่อเสริมความหนุ่มสาว ชลอความชรา ก็ตาม

ความจริงที่ปรากฏคือ คนที่เป็นเป้าหมายมักเป็นคนมีการศึกษา มีฐานะที่จะ "จ่าย" และ ไม่น่าแปลกใจที่พบว่าเป็น "ผู้หญิง"

ตอนนี้ผู้หญิงอายุเกิน สามสิบห้า ที่มีฐานะตั้งแต่ระดับกลางขึ้นไป จำนวนมากยินดี กินอาหารเสริม มากกว่าที่จะดูแลสุขภาพตัวเองด้วยการออกกำลังกายหรือมีพฤติกรรมสุขภาพที่ดี

คำถามคือ แล้วสิ่งที่กิน สิ่งที่เลือกทำนั้น ผู้หญิงเลือกเองจากการศึกษาอย่างถ่องแท้ของสุขภาพทางเลือกแต่ละแบบ หรือว่า เลือกเพราะถูกชี้นำจากธุรกิจสุขภาพ

ถ้าหากไม่ต้องการตกเป็น "เหยื่อ" ของธุรกิจสุขภาพ ก่อนจะเลือกสุขภาพทางเลือกใดๆ คงต้องถามตัวเองก่อนนะคะว่า คุณเลือกหรือใครเลือก

 

 

หมายเลขบันทึก: 18307เขียนเมื่อ 10 มีนาคม 2006 08:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:31 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

ใช่ว่าเฉพาะแต่เรื่องสุขภาพว่าใครเป็นคนเลือก

เรื่องอื่นๆก็เช่นเดียวกัน

กระแสและการเชื่อและฟังตามๆกันมา

โดยเฉพาะ สื่อโฆษณาที่ไม่ค่อยมีความรับผิดชอบต่อสังคม

เทคนิคการขายตรง

นโยบายเพื่อนกินเงินเพื่อนแต่เอาไปให้คนอื่นมากกว่าก็ควรตระหนักไว้

 

เพื่อนเสียเท่าไหร่ช่างมันขอให้ข้าได้เปอร์เซนต์เป็นพอ

ระวังกรรมจะสนอง

 

น่าสนใจค่ะ ที่พูดถึงเรื่องกรรม

ขอช่วยเพิ่มเติมเรื่องกรรมกับสังคมปัจจุบันให้ด้วย ได้หรือเปล่าคะ

วัวของใครเข้าคอกคนนั้น

ใครทำสิ่งใดไว้สิ่งนั้นจะสะท้อนสนองกลับมาไม่ช้าก็เร็ว

 

สำหรับสังคมปัจจุบัน

ได้รู้ความเลวของคนอื่นจากคนอื่น จึงไม่ค่อยโกรธเหมือนที่ได้รู้ความเลวของคนอื่นด้วยตนเอง

วันที่ 2 นี้ จะเลือกอย่างไรดี

 

 

 

  • เป็นบันทึกที่ดีมาก ๆ เลยครับอาจารย์จันทรรัตน์
  • เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมากในสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมุมมองของนักธุรกิจที่พยายามจะสร้าง "รายได้" ที่ไม่ค่อยคิดถึงผลกระทบที่ตามมาเท่าใดนัก หวังแต่เพียงว่าจะหารายได้ในระยะสั้น แต่ในระยะยาวเกิดผลเสียมาก ๆ เลยครับ
  • ทั้งที่จริงสมุนไพรของเราและแพทย์ทางเลือกแบบภูมิปัญญาท้องถิ่นของเรามีมากแต่ก็ถูกมองข้ามไป
  • จะโทษใครก็ไม่ได้ครับ ส่วนหนึ่งก็มาจากตัวผมเองเหมือนกัน เพราะผมก็มีส่วนอยู่ในวงการธุรกิจทั้งสอนและทำธุรกิจครับ
  • สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ปลูกฝังให้คนไทยเชื่อมั่นและศรัทธาต่างชาติว่าดีกว่าคนไทย (อันนี้นักธุรกิจสร้างขึ้น) และพยายามปิดบังและสร้างภาพให้ของไทย ๆ ดูไม่ดี ไร้ค่าเมื่อเปรียบเทียบกับต่างชาติครับ
  • ต้องขอขอบพระคุณท่านอาจารย์อย่างสูงอีกครั้งครับที่สะท้อนภาพทางด้านนี้มา เพราะบางครั้งผมก็อยู่ในสถานะกลืนไม่เข้ากลายไม่ออกครับ ยิ่งโดยเฉพาะมุมมองทางด้านการศึกษาที่มีผลกระทบกับอาจารย์ในมหาวิทยาลัยบางครั้งก็ถ่ายทอดยากครับ ซึ่งอาจารย์ถ่ายทอดมุมมองนี้ได้อย่างดียิ่งเลยครับ
  • ต้องขอขอบพระคุณท่านอาจารย์อีกครั้งครับที่ถ่ายทอดบันทึกแง่มุมดี ๆ ของสังคมนี้ออกมาได้ทุก ๆ ท่านได้รับทราบครับ

ขอบคุณกับการเติมเต็มค่ะ อาจารย์ปภังกร...

 

 

ดิฉันเลือก "ออกไปเสียจาก" การสอนเนื้อหาที่ดิฉันทำใจไม่ใคร่ได้ ด้วยการขอย้ายคณะ  ไปอยู่สายครู  แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับอนุมัติให้ ตัว ไปค่ะอาจารย์  

ไม่รู้จริงๆว่าตัดสินใจผิดรึปล่าว เพราะที่อยู่ปัจจุบันแสนจะสะดวกสบาย  เพื่อนฝูงก็ดี  แต่ดิฉันมุ่งมั่นไปสร้าง "การรู้เท่าทันการสื่อสาร" ในสายครู  ตามเส้นทางที่ตัวเชื่อ 

คือเชื่อเป็นตุเป็นตะไปคนเดียว  ตอนนี้ยังไม่เป็นวิชาในเมืองไทยด้วยซ้ำ  ครูบ้านนอกอย่างดิฉันก็ฝันเพ้อไป   คุยกับใครเขาก็ไม่คุยด้วย  จะเรียนต่อก็ยังไม่มีปัญญา  แต่ก็ยังเชื่อเป็นจริงเป็นจังว่า 

ต้องสร้าง "การรู้เท่าทันการสื่อสาร" ในหลักสูตรของไทยให้ได้ 

ทำที่อื่นไม่ได้  ก็เริ่มที่เด็กที่เราสอนเนี่ยแหละ.....  ดิฉันยินดีแลกด้วยเวลาทั้งชีวิตเลยค่ะอาจารย์ :)

ต้องสร้าง "การรู้เท่าทันการสื่อสาร" ในหลักสูตรของไทยให้ได้  .....

อาจารย์ มุ่งมั่นขนาดนี้แล้ว.....ขอให้ประสบความสำเร็จตามที่ประสงค์นะคะ

สวัสดีครับ

เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยครับ ปัจจุบันเราหลงอยู่ในวังวนของโฆษณา อยากหนุ่มอยากสาว อยากสุขภาพดี แต่ไม่ยอมออกกำลังหวังพึ่งเอาแต่สิ่งที่สะดวกสบายให้กับตนเอง นึกว่าสุขภาพดีมีชนิดเม็ดด้วย..อิอิ

ขอบคุณค่ะท่าน P บัณฑูร - ทองตัน

สุขภาพเดี๋ยวนี้มาเหมือนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากขึ้นๆ นะคะ...

เราเคยมีกินเนสส์บันทึกคนใส่เสื้อเหลืองออกกำลังกายพร้อมกันทั้งประเทศมาแล้ว...ต่อไปเราอาจจะมีบันทึก....สุขภาพกึ่งสำเร็จรูปรายวัน ก็ได้..(กระมังคะ...คาดเดา)

ความฉาบฉวยและต้องการคำตอบด่วนๆ คำตอบเดียวแก้ปัญหาทุกเรื่อง....คนๆเดียวแก้ปัญหาทั้งองค์กรกำลังครอบงำคนไทยไปเกือบทุกวงการแล้วน่ะค่ะ...สุขภาพกึ่งสำเร็จรูปแบบพึ่งพิงอย่างพวกวิตามินอัดเม็ดต่างๆ ก็เป็นจุดที่จับได้ตรงจังหวะพอดิบพอดี...คือหาตัวช่วยหรือฮีโร่ที่ทำทุกอย่างได้เบ็ดเสร็จไปซะเลย...

ร่วมด้วยช่วยกันคิดค่ะ......ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท