นึกถึงเรื่องการประหยัดแล้วก็คิดว่า ผู้หญิงเราทำได้และทำได้ดีด้วยค่ะ
อย่างกิจกรรมภายในบ้านที่ง่ายๆ ใกล้ตัว ก็คือเรื่อง การประหยัดค่าไฟจากการรีดผ้า ค่ะ
ที่จริงพูดแล้วก็เหมือนเอาของเก่ามาเล่าใหม่นะคะ แต่อาจแตกต่างอยู่บ้าง
เรื่องรีดผ้ากับคนไทยเป็นของคู่กันหรือเปล่านะคะ ไม่ค่อยเห็นคนไทยเราแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ไม่รีดเท่าไหร่นัก มองๆไป ทั้งนักเรียน นักศึกษา คนทำงานในหน่วยงานต่างๆ แม้แต่แม่บ้านหอพักที่รู้จักก็ยังรีดชุดยีนไปทำงาน
สำหรับดิฉันแล้วเรื่องรีดผ้าก็ทำให้เสียค่าไฟ เสียเวลาด้วยค่ะ ไม่ทราบว่าท่านอื่นคิดเห็นอย่างไรนะคะ ดิฉันเองคิดเรื่องนี้มาบ่อยๆว่า การรีดผ้าทำให้ดูมีวัฒนธรรม แต่ความจริงเรากำลังใช้พลังงานไฟฟ้าโดยไม่จำเป็นนักหรือเปล่า ทำไมเราไม่ปรับเปลี่ยนความคิดว่าสวมชุดไม่รีดไปทำงานก็ไม่ได้แปลว่าไม่มีสมองสักหน่อย ระยะหนึ่งก็เลยไม่รีดผ้าล่ะ ไปทำงานด้วยชุดที่ไม่ต้องพิถีพิถันรีดมากนัก...ปรากฎว่า สังคมรอบตัวมองแปลกๆ กลายเป็นคนแปลกและ ไม่เชิดชูวิชาชีพ
หนีออกจากค่านิยมไม่พ้น เลยเอาใหม่ ลองทำการประหยัดค่าไฟจากการรีดผ้า โดยการรีดให้ต่อเนื่อง รีดผ้าที่หนาแล้วดึงปลั๊กไฟออกจากนั้นก็รีดผ้าที่บางด้วยความร้อนที่ค้างเตาอยู่ ฯลฯ ค่าใช้จ่ายก็ทรงๆ ไม่ค่อยจะลดเท่าไหร่และยังเสียเวลาเช่นเดิม
อันที่จริงค่ารีดผ้าจะว่ามากมายนักก็ไม่เชิง จะจ้างใครทำก็ยังได้ ใกล้ๆที่ทำงานก็มีคนรับจ้างซักรีด แต่คิดว่า ทำไมต้องใช้เงินกับสิ่งที่ไม่ได้สำคัญ(สำหรับตัวเอง)
จนเมื่อปีที่แล้ว มีการคิดเสื้อยืดสีเหลืองเพื่อเฉลิมฉลองการครองสิริราชสมบัติ 60 พรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ใหม่ๆก็รู้สึกว่าสิ้นเปลืองต้องไปซื้อเสื้อแต่ตอนหลังพบความดีของการใช้เสื้อยืดไปทำงานที่ขอขอบคุณท่านที่คิดเสื้อเหลืองขึ้นมาไว้ ที่นี้ด้วยค่ะ
คือไม่ต้องรีดเสื้อ!!...ได้ผลดีมากค่ะ ค่าไฟลดลง และไม่ต้องเสียเวลารีดผ้าด้วย เท่ากับเป็นการลดค่าใช้จ่ายเพื่อชาติที่ดิฉันชอบมากค่ะแต่ต้องมีวิธีที่ไม่ทำให้ยับย่นมากนักคือซักแล้วสะบัดตอนหมาดๆ เก็บใส่ไม้แขวนเสื้อจัดทรงให้ดี ก็เรียบร้อยค่ะ แห้งก็หยิบใส่ได้เลย
เขียนบันทึกนี้แล้ว ดูภาพลักษณ์ไม่ค่อยดีนักนะคะ เหมือนเป็นคนไม่ขยันงานบ้านงานเรือนเอาเสียเลย...ไม่เป็นไรค่ะ ..ถือว่าตรงกับความเชื่อส่วนตัวว่า ประโยชน์สูงประหยัดสุด ไว้เป็นดี
คุณๆละคะ คิดเห็นเรื่องการรีดผ้าอย่างไรกันบ้าง
ทำคล้ายๆกันเลยค่ะ อาจารย์ขจิต รีดเฉพาะชุดที่จำเป็น...ประหยัดเวลาค่ะ
ตามมายกมือเห็นด้วยเรื่องเสื้อเหลืองค่ะ อาจารย์
เพราะตัวเองยังพูดกับเพื่อนอยู่บ่อย ๆ เลยค่ะปีที่แล้วว่า สิ่งหนึ่งที่พวกเราทั้งประเทศได้เรียนรู้ภาคปฏิบัติจากแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงจากในหลวงเมื่อปีที่แล้ว ชนิดจับต้องได้เลย ก็คือ เรื่องเสื้อเหลืองนี่แหละ
เพราะ หนึ่ง ราคาสมเหตุผล
สอง ซักแล้วแขวนแล้วแห้งง่าย ไม่ต้องปั่นเครื่อง แห้งแล้วใส่ได้เลยไม่ต้องรีด
สาม ทำให้พวกผู้หญิงที่ต้องเสียเงินค่าเสื้อผ้า ไม่ว่าจะเป็นเพราะไม่มีเครื่องแบบ หรือ เพราะเหตุผลอื่น ๆ ประหยัดค่าเสื้่อผ้าไปอักโข (คือตัวเองไม่เห็นชัดมากน่ะนะคะ เพราะปกติก็แต่งลุย ๆ อยู่แล้วส่วนใหญ่ แต่รู้สึกยิ่งสบายหนักไปกว่าเก่า แต่สามารถเห็นชัดได้ในคนอื่น ๆ น่ะค่ะ
เมืองร้อนนี่ลำบากเรื่องรีดผ้านี่ล่ะค่ะ ตัวเองเพิ่งกลับจากอยู่เมืองหนาว ๓ เดือนนี่รู้สึกถึงความแตกต่างเลย ยิ่งหนาวมาก ๆ นี่ยิ่งสบาย ใส่เสื้อคอเต่าแล้วใส่เสว็ตเตอร์ทับทั้งวัน แถมใส่แจ็คเก็ต หรือ โค้ททับอีก
แสนจะสบาย ไม่ต้องรีด เหมาะสำหรับคนขี้เกียจ เอ๊ย คนประหยัดมากเลยค่ะ
แต่เรื่องค่้าฮีทเตอร์ทำความร้อนในห้องก็อีกเรื่องนึงน่ะนะคะ ฮี่ ๆ ๆ
สวัสดีค่ะ อาจารย์,
ณัชร
สวัสดีค่ะคุณ Nash
อยากบอกจังเลยว่า ตามอ่านบันทึกและความเห็นของคุณ Nash ในหลายบันทึกรวมกับที่ๆ คุณ Nash เข้ามาเยี่ยมกันแล้ว รู้สึกเหมือนเห็นหยดน้ำใสๆ ที่รินรดลงบนเนื้อดิน และสัมผัสถึงสายลมอ่อนๆ ชื่นใจ
ขอบคุณนะคะ
ว้าย อาจารย์ชมเพราะมากเลยค่ะ ทำเอาคนตัวอ้วน ๆ ที่อยู่ไกลอย่างหนูนี้ตัวลอยได้เลย...
ขอบพระคุณมากค่ะ สำหรับคำให้กำลังใจนี้ จะพยายามทำให้ดีที่สุดน่ะค่ะ แต่เนื่องจากตัวเองก็เพิ่งเริ่ม จึ็งยังต้องอาศัยเรียนรู้จากผู้อื่นที่เป็นผู้ให้ที่ดีมาตลอดต่อ ๆ ไป
เหมือนอย่างเช่นอาจารย์ไงคะ
สวัสดีค่ะ,
ณัชร
ชอบๆค่ะ ตอนนี้ก็พยายามช่วยประหยัดค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ แฮะๆแต่ค่ากินยังเยอะอยู่ค่ะ
นึกถึงตอนเป้นนักศึกษา ก็ไม่ค่อยได้รีดผ้าหรอกค่ะ อาศัยมั่วนิ่มว่าอยู่เวรๆ 555 เสื้อกาวน์ยับประจำ
สวัสดีค่ะ คุณ Nash
เราต่างเป็นกำลังใจให้กันและกันนะคะ
สวัสดีค่ะ คุณหมอ อนิศรา
เจอคุณหมอในบันทึกของอาจารย์พิชัยบ่อยๆ ...เรามาช่วยกันประหยัดพลังงานแต่ไม่ประหยัดสมองในการเรียนรู้.....ดีใจๆ ที่แวะมาค่ะ