เที่ยวยะลาในเวลาราชการ (อีกแล้ว)


 

เที่ยวยะลาในเวลาราชการ (อีกแล้ว)

       ท่ามกลางความขัดแย้งในดินแดนด้ามขวานทอง ดินแดนที่มีระเบิดลงตูมตามไม่เว้นแต่ละวัน ทั้งคาร์บอม ลอบยิง ตีหัว ตะปูเรือใบ ผมก็ยังอยากเที่ยวยะลา จังหวัดที่ถูกจัดว่ามีผังเมืองสวยที่สุดในประเทศไทย จังหวัดที่ครั้งหนึ่งผมต้องมาฝึกงานวิจัยภาคสนามเมื่อสมัยเรียนอยู่ชั้นปีที่ 4 มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามที่ยังไม่มีโอกาสได้มาเยี่ยมเยือนอีกหลายแห่ง น้ำตกทรายขาว เขื่อนบางลาง ป่าฮาลา บาลา น่าเสียดายนักที่สถานการณ์ไม่ค่อยจะเอื้ออำนวยสักเท่าไหร่ แต่วันนี้ผมมีโอกาสได้เดินทางมายะลา เมืองแห่งดอกพิกุล

       อ้างอิงมาจากการบรยายที่วิทยาลัยพยาบาลนครสวรรค์ ชัยนาท และตรัง ครั้งนี้ก็สืบเนื่องต่อกันมาครับ เพราะได้รับเชิญจากทางวิทยาลัยให้มาบรรยายให้นักศึกษาชั้นปีที่ 3 ฟัง "เรื่องแท้ง" เช่นเคย

       อาจารย์กำแหงและคุณนงลักษณ์ยังไม่ได้กลับกรุงเทพฯตั้งแต่เราไปที่ตรังกันมาเมื่ออังคาร ท่านทั้ง 2 ต้องไปที่เบตงก่อน ทั้งนี้เนื่องจากคุณหมอไพบูลย์ศักดิ์ได้เชิญท่านให้ไปเยี่ยมเยียน นี่นับว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับท่านทั้ง 2 นี้มาก เมื่อเดินทางไปบรรยายที่ไหนสักแห่ง ก็ต้องไปเยี่ยมอีกหลายแห่งที่ท่านได้เคยสอนคุณหมอท่านต่างๆเอาไว้ การเดินทางไปหาก็เพื่อสอบถามสารทุกข์สุขดิบ กระตุ้นเตือน ดูแล โรงพยาบาลชุมชนต่างๆ ผมคาดว่า ท่านคงจะไปจนเกือบทั่วประเทศไทยแล้วกระมัง อาจารย์กำแหงท่านเคยกล่าวไว้ว่า "ก่อนตาย อยากเห็นประเทศไทย ดูแลผู้หญิงของเราให้ดีกว่านี้"

       รอบนี้ผมออกเดินทางตอน 7 โมงเช้า เพราะไม่ต้องไปรับท่านกำแหงและคุณนงลักษณ์ คณะฯจัดรถ CRV ให้ผมครับ เราไปรับอาจารย์หมอชัชวาลก่อน จากนั้นเลี้ยวเข้าถนนปุณณกัณฑ์ หลัง ม.อ. เลยออกมาทางวัดทุ่งงาย เลี้ยวขวาทางลัดออกนาหม่อม ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผมได้เดินทางมาทางเส้นนี้ มาโผล่ออกถนนสายหลักเมื่อเราเลยสะพานข้ามทางรถไฟที่นาหม่อมมาเล็กน้อย และเพียงไม่นานผมก็ได้มองเห็นรถไฟบรรทุกตู้สินค้ากำลังวิ่งมาตามราง ใจก็นึกอิ่มเอิบ เพราะได้เห็นรถไฟ พาหนะที่รักมากที่สุด ใฝ่ฝันมากที่สุดที่จะได้ขึ้นไปนั่งขับเพียงสักครั้ง การเดินทางเริ่มด้วยการมองเห็นสิ่งที่รัก มักจะนำมาซึ่งความโชคดีเสมอๆ และก็โชคดีจริงๆเสียด้วย เพราะวันนี้ราว 10 โมง ก็มีคาร์บอมกลางเมืองยะลาจริงๆ (โชคดียังไงฟะ)

       การเดินทางดำเนินไปด้วยดี ผ่านหาดสะกอมผมก็มีความสุข ที่นี่เคยเป็นสถานที่พักผ่อนของครอบครัวมาตั้งแต่พี่แป้งยังอายุน้อยๆ บ่อยครั้งที่เรามานอนพักผ่อนที่ลีลารีสอร์ท หรือที่เทพาบีชคลับ ทะเลอ่าวไทยตรงช่วงนี้สวยงามเรียบสงบ ดั่งเช่นเช้าวันนี้ ก้อนเมฆบนท้องฟ้าก็งดงามจับตา ลอนคลื่นที่ทาบทาบนท้องฟ้านั้นสลับสับเปลี่ยนกันไปทุกวันไม่เคยซ้ำเฉดลาย มองเท่าไหร่ก็ไม่เคยเบื่อ และที่สำคัญ ไม่มีเขตแดนบนท้องฟ้าที่ผู้ก่อการร้ายจะไปวางระเบิดได้ เราเลี้ยวขวาที่สามแยกก่อนถึงหนองจิก เพื่อบ่ายหน้าเข้ายะลา ผมผ่านปากทางเข้าวัดช้างให้ หลวงปู่ทวดเป็นพระที่นับถือมานานตั้งแต่จำความได้ เคยมีโอกาสพาพ่อมากราบเมื่อครั้งที่ท่านยังคงมีชีวิตอยู่ จำได้ว่าวันนั้นพ่อสวมเสื้อลายอินโดตัวโปรดมาด้วย

       บนถนนหนทาง เราได้เห็นทหารเดินลาดตระเวนเป็นหย่อมๆ ดูเหมือนเป็นเป้าล่อยังไงยังงั้น รถรามากกว่าที่ผมคิดมากครับ ทำให้รู้สึกว่าการเดินทางไม่เงียบเหงาจนเกินไป ผมยังพบว่ามะฮอกกานีก็ยังคงเป็นต้นไม้ยอดนิยมริมทางหลวงรองลงมาจากกระถินณรงค์และอินทนินท์ (หรือว่าตะแบกผมก็ยังงงงง)

       ถึงวิทยาลัยราว 8.45 น. เร็วกว่าที่นึกพอสมควร แต่กระนั้นก็เป็นเวลาที่คุณนงลักษณ์ขึ้นบนเวทีพอดี ก่อนการบรรยายน้องผู้ดำเนินรายการกำลังกล่าวแนะนำสรรพคุณของวิทยากรอยู่เชียว เป็นการแนะนำที่นานมาก เนื่องจากดีกรีของวิทยากรมีมากนั่นเอง

       ขั้นตอนการแนะนำนี้ เป็นธรรมเนียมที่อยู่ในสายเลือดไทยของเราครับ ใครเรียนมามากก็จะแนะนำกันยาวหน่อย ผมเลยแซวไปว่า "สงสัยได้บรรยายตอนเที่ยง" ดังนั้นสำหรับผม ผมจึงไม่ส่งประวัติให้ใครเลยครับ อายเขา เพราะมันสั้นจุ๊ดจู๋ ขออาสาแนะนำตนเอง โดยเริ่มจากการเรียนจบชั้นอนุบาล 1 ที่โรงเรียนอนุบาลนายแจ้ง มาต่ออนุบาล 2 ที่โรงเรียนหลวงตราดอกบัวที่อนุบาลสุราษฎร์ธานี โรงเรียนสุราษฎร์ธานีตั้งแต่ ม.1 ถึง ม.6 ตราบจนเข้าเรียนแพทย์ที่ ม.อ. ฮาเช่นเดิม แต่เอาเข้าจริงๆก็ไม่ได้แนะนำตัวไปแบบนั้นหรอกครับ เพราะว่าลืม

       พี่อ้น พยาบาลที่ศูนย์อนามัยแม่และเด็ก ที่ผมเริ่มรู้จักตั้งแต่เมื่อครั้งไปเวียดนามด้วยกันมาเจอผมในห้องบรรยายราวๆ  9 โมง

       พี่อ้นเป็นอีกคนหนึ่งที่ผมควรจะแนะนำให้รู้จัก เพราะท่านผู้นี้เป็นคนสำคัญบางประการ ย้อนไปสมัยเมื่อกว่าสิบปีก่อน คนที่เป็นแพทย์ใช้ทุนสูติฯจะต้องมีช่วงหนึ่งหมุนเวียนไปทำงานยังโรงพยาบาลศูนย์ต่างๆ คือ หาดใหญ่ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และยะลา ครั้งละ 1-2 เดือน และยะลาก็คือหนึ่งในที่หมายที่เหล่าบรรดาแพทย์ใช้ทุนจะไปฝึกงาน เพราะว่าใกล้หาดใหญ่ เดินทางเดี๋ยวเดียวก็ถึงแล้ว มารุ่นผมเป็นรุ่นแรกที่เราไม่มียะลาอยู่ในหัว เพราะว่าเรามาเทไปสุราษฎร์ฯและนครฯกันหมด จนลืมไปเลยว่า ยะลาเคยอยู่ในตารางหมุนเวียนของพวกเรามาก่อน บรรดารุ่นพี่ๆของผมที่ไปยะลา เขาจะต้องไปบ้านพี่อ้นกันทุกคน เพราะท่านจะเลี้ยงดูปูเสื่อน้องๆอย่างดี ด้วยฝีมือการทำกับข้าวที่ขึ้นชื่อ การดูแลเรื่องที่พักหลับนอน ท่านจัดการให้หมด ส่วนตัวผมเองเพิ่งได้มารู้จัก และก็เคยได้ลิ้นรสฝีมือทำแกงส้มของท่านหลังกลับจากเวียดนาม เลยได้เข้าใจ ว่าทำไมพี่ๆต่างรู้จักและพูดถึงพี่อ้น

       พี่อ้นนำอาหารเช้ามารับรองผมและอาจารย์ชัชวาล ขนมจีบและหมูสับห่อสาหร่ายเลยได้ตกถึงท้อง ตามด้วยกาแฟที่ชงมาเองคนละเหยือก อยากจะบอกว่า ขนมจีบที่นี่มีขนาดใหญ่มากๆ ใหญ่ขนาดขนมจีบบ้านเรา 2 ชิ้นรวมกันเสียอีกครับ กินไป 4 ลูก อิ่มไปจนถึงเที่ยง ท่านยังบอกว่า อันที่จริงเตรียมโจ๊กไว้ให้ด้วย แต่เกรงใจน้องๆนักศึกษา เพราะว่า ช่วงนี้เขาถือศีลอดกันอยู่ เดี๋ยวได้กลิ่นแล้วจะเสียสมาธิ 

       ระหว่างที่ผมกำลังบรรยายอยู่นั้น ราว 10 โมงกว่า ก็มีโทรศัพท์เข้ามา ไม่ได้รับเลยต้องยื่นไปให้อาจารย์หมอชัชวาล นั่นเพราะไม่รู้เลย ว่าคนที่โทรมาหานั้นเป็นห่วงผมมากเพียงใด

       ตู้มมมมม.......เสียงระเบิดที่ดังกลางเมืองยะลานั้นสะเทือนไปไกลถึงกรุงเทพ เพราะทันทีที่มีการรายข่าวว่ามีเหตุการณ์คาร์บอมเกิดขึ้นกลางเมืองยะลา เมียก็รีบโทรศัพท์เข้ามาหาผมทันที เพื่อตรวจสอบว่าผมยังคงมีชีวิตอยู่หรือไม่ ของอาจารย์ชัชวาลก็ต้องรับโทรศัพท์จากที่บ้านเช่นเดียวกัน คุณนงลักษณ์ก็ได้รับ SMS บอกให้รีบไปดูข่าว คนอื่นรู้เรื่องกันหมด เหลือแต่พวกเราที่ยังคงสนุกสนานอยู่ในวิทยาลัยพยาบาล ไม่ได้ยินเสียงและไม่ได้รับรู้อะไรทั้งสิ้นตราบจนพักเที่ยง แต่ก็นั่นแหละครับ เจ้าบ้านยังคงสงบ ดูเหมือนกับว่านี่เป็นเหตุการณ์ปกติ เขาจึงไม่ได้ทำหน้าตาเดือดเนื้อร้อนใจ ผมจึงได้คลายกังวลลงไปได้มาก ไปกินขนมจีนที่พี่อ้น เจ้าบ้าน เตรียมไว้ต้อนรับอร่อยพุงไปตามระเบียบ

        เราเสร็จการบรรยายและสาธิตการถอดประกอบ MVA ในเวลา 4 โมงพอดี

       พี่อ้นเตรียมลองกองไว้ให้วิทยากรคนละ 1 ลัง แถมแกงไตปลาอีกคนละ 1 ถุง จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับ ซึ่งอาจารย์กำแหงและคุณนงลักษณ์ขอเดินทางกลับไปพร้อมพี่อ้นและสามี คืนนี้เรามีนัดทานอาหารเย็นกันในหาดใหญ่ ท่านอาจารย์กำแหงเตรียมไวน์แดงไว้ 1 ขวด ซึ่งซื้อมาในช่วงที่เดินทางไปเบตงโดยผ่านเข้าไปทางมาเลเซีย

       คนขับรถผมพาเราเข้ามาทางอำเภอโคกโพธิ์ สิ่งนี้นี่เองที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่ผม เพราะว่า ไม่เคยได้ผ่านมาทางนี้มาก่อนเลย และอยากเห็นมานานแล้ว ว่าโคกโพธิ์เป็นอย่างไร ผมได้เห็นสถานีรถไฟโคกโพธิ์ สถานีรถไฟที่คนที่จะมาปัตตานีต้องลงที่นี่ (ในตัวอำเภอเมืองปัตตานีไม่มีสถานีครับ อันนี้ผมเพิ่งรู้) ดังนั้นหากตีตั๋วมาปัตตานี ก็ต้องลงที่นี่ "โคกโพธิ์"

       เราเลี้ยวเข้ามาทางสายเล็กๆ ผ่านหมู่บ้านมากมาย ระยะทางจากตัวเมืองโคกโพธิ์ ขับออกมาเพื่อไปออกถนนสายหลักเลขที่ 43 ยาวเพียง 8 กิโลเมตรเท่านั้น ผมสังเกตเห็นว่าชาวบ้านเขาก็อยู่กันตามปกติ มีที่กั้นถนนเพื่อความปลอดภัย (?) เป็นช่วงๆ มันก็ไม่ได้น่ากลัวกว่าที่ผมเคยจินตนาการเลยครับ นั่นอาจจะเป็นเพราะว่า บนถนนมีรถวิ่งไปมาขวักไขว่ และขณะนั้นเป็นเวลา 4 โมงกว่าๆเท่านั้น หากเป็นสักทุ่มหนึ่ง คงเปลี่ยนความคิด

หอนาฬิกาแสนสวย กับนกเขาและกรงนกเขาที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ผมแต่งตั้งเองเลย)

       ภาระกิจวันนี้ก็จบลงที่ร้านอาหารจีนในหาดใหญ่ ผมหิ้วคุณลูกสาว 2 ตัวไปด้วย กินกันจนลูกหลับผมจึงได้โอกาสลาท่านอาจารย์อาวุโสทุกท่าน และแบกลูกขึ้นรถ กลับบ้าน นอน

 

หมายเลขบันทึก: 295198เขียนเมื่อ 6 กันยายน 2009 13:44 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 21:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (14)

สวัสดีครับคุณหมอ

อาทิตย์หน้าจะไปบรรยายที่ไหนต่อครับ

สงสัยอีกหน่อยต้อง VDO LINK แบบคนบางคนบ้างแล้ว

อยากให้โลกนี้สงบค่ะ ขอบคุณมากที่เสียสละเพื่อชาวใต้ ทุกแห่งหนยังต้องการคนดี เสียสละค่ะ ไม่ว่าวงการไหนทั้งนั้น ชื่นชมมากค่ะ

พี่หนึ่ง

ศุกร์หน้าไปภูเก็ต

พุธหน้านู้นไปนครศรีธรรมราช

ศุกร์หน้านู้นก็ไปแค่สงขลาครับ

น่าจะจบเสียที

คนขับรถของคุณหมอใจถึงจังเลยนะครับ เข้าทางโคกโพธิ์ แล้วไปออกสาย 43 บอกตรงๆ นะครับว่า ผมเลิกใช้เส้นทางนี้มาประมาณสามปีแล้ว ฮิฮิ เสียว (แต่ความจริงทุกเส้นทางมันเสียวได้หมดแหละครับ)

สวัสดีครับอาจารย์จารุวัจน์

ไม่น่าเสียวเลยนะครับ เพราะว่ารถราขวักไขว่ แดดจ้า ป่าไม่รก

ถามจริงๆเถอะ ท่านเสียวจริงเหรอ

ผมจะได้เสียวด้วย ฮา....

สวัสดีครับ อาจารย์

ถ้าอาจารย์กลับ ทุ่ม สองทุ่มยิ่งสบาย

มีแต่รถแต่รถเราคันเดียว ทหารตามจุด ก็ไม่ตรวจ

วิ่งนี้สบายใจ  ไม่มีใครกวน ..

ขอบคูณมากครับ

 

สวัสดีค่ะคุณหมอ...

คุณหมอบรรยายความเหมือนได้ตามไปยะลาด้วยเชียวค่ะ อ่านแล้วก็ให้ชวนคิดถึงเมืองแสนสวยที่เคยมีโอกาสไปเยือนเมื่อร่วมสิบปีก่อน บ้านเมืองสะอาดน่าอยู่มาก แถมด้วยอาหารอร่อยโดยเฉพาะข้าวยำ ได้แต่ภาวนาขอให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ภาวะอันแสนสุขสงบเช่นเคยในเร็ววัน.....

สวัสดีค่ะ อาจารย์หมอธนพันธ์

ขอบคุณสำหรับความรู้และความสนุกมากๆค่ะ ( จนลืมคาร์บอมไปเลย ^_^ )

ถ้ามีโอกาส อยากให้อาจารย์หมอมาบรรยายอีกค่ะ

เช่นกันครับพี่อ้น

ผมก็เคยไปเมื่อร่วม 10 ปีก่อน สวยงามน่าอยู่

แต่เอ๊ะ ทำไมตอนนั้นผมจึงไม่เห็นพี่ล่ะ

สวัสดีครับน้องพยาบาลปี 3

โชคดีนะครับที่เราไม่ได้ยินเสียงตู้ม มิฉะนั้น อรรถรสคงหายไปเยอะ

เพิ่งมาเจอบอร์ดนี้ ดีใจค่ะ ที่มีคุณหมอลงไปในพื้นที่เสี่ยง มีแต่คนกลัว ดิฉันเองไม่เคยไปยะลา พออ่านไปอ่านมาชักอยากไปเหมือนกัน คงไม่น่ากลัวอย่างที่เป็นข่าวใช่ไหมค่ะ

สวัสดีค่ะคุณหมอ สบายดีนะคะ

รุ่นพี่เรียนสาธาฯ ที่ยะลาเค้าบอกว่า เมืองเล็ก สะอาด สงบ น่ารัก

สักวันอยากจะไปเยือนค่ะ สุขสันต์ก้บการงานที่รักนะคะ

น้องออมครับ

น่ากลัวนั้น น่ากลัวอยู่หรอกครับ น่ากลัวเวลาเดินทาง แต่เมื่อถึงที่หมาย ความกลัวมันก็หายไปครับ

ทุกวันนี้ อาจารย์ในคณะแพทย์ ม.อ.เองก็ลงพื้นที่เยี่ยมลูกศิษย์ หรือ ศิษย์เก่าบ่อยเหมือนกันครับ พกพระแคล้วไปด้วย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท