ในขณะที่การเมืองของประเทศ การเมืองของนักการเมือง กำลังเดินทางเข้าสู่ภาวะตีบตัน แบ่งคนออกเป็นซ้าย เป็นขวา เป็นขาวกับดำ ทุกฝ่ายอ้างความชอบธรรม อ้างประชาชน
แต่จริงๆ แล้วการเมืองเป็นเรื่องของนักการเมืองเท่านั้นหรือ แล้ว “การเมืองภาคพลเมือง” ที่แท้จริงเป็นอย่างไร ?
คำตอบน่าจะอยู่ที่ชุมชน นี่คือที่ไปที่มาของเวทีถอดบทเรียน “การเมืองภาคพลเมือง” หรือ”การเมืองภาคประชาชน” โดย ศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้าจังหวัดน่าน โดยเชื้อเชิญกลุ่มแกนนำ ๔ ตำบล (ต.น้ำเกี๋ยน, ต.เมืองจัง, ต.ถืมตอง, ต.กลางเวียง) มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ถึงกระบวนการทำการเมืองภาคพลเมือง
โจทย์ที่ถกคิดร่วมกันคือ
@ คืออะไร ทำไม และอย่างไร ??? มีการสร้างการมีส่วนร่วมอย่างไร ?
@ แล้วต่างจากการเมืองแบบนักการเมือง ???
@ ข้อจำกัดของการเมืองภาคพลเมือง ???
@ จะสร้างสำนึกของการเมืองภาคพลเมืองได้อย่างไร ??? ขยายออกไปได้อย่างไร ???
จากบทเรียน ๔ ตำบล แสดงให้เห็นว่า
“การเมืองภาคพลเมือง” เป็น “กระบวนการของชุมชน โดยชุมชน เพื่อชุมชน”
หลักคิดการเมืองภาคพลเมือง
@ มีกำหนดเป้าหมายชัดเจน ไม่ว่าใครจะมาเป็นผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ เป้าหมายหรือวิสัยทัศน์ของชุมชนไม่เคยเปลี่ยนแปลง และยึดเอาของชุมชนที่ได้กำหนดร่วมกันเป็นที่ตั้ง
@ เน้นพัฒนา “คน” และการสร้าง “สำนึก” ที่ดี เป็นสำนึกของความรับผิดและรับชอบ
@ ใช้กระบวนการทาง “ปัญญา” นำ มิใช่อำนาจหรือเงินตรา และเน้น การสร้าง และใช้ “ทุนภายใน” มิใช่หวังพึ่งพิงทุนภายนอกเท่านั้น
@ ถือสัจจะเป็นที่ตั้ง ควบคุมกันเอง
@ เอื้ออาทร แบ่งปัน เฉลี่ยทุก-เฉลี่ยสุข
@ เน้นความเป็นพี่-น้อง “เครือญาติ” ที่มองเห็นว่าทุกคนในชุมชนล้วนเป็นญาติพี่น้องกัน ไม่มีญาติคนนั้น เพื่อนพ้องน้องพี่คนนี้
@ คิดบวก เชิงสร้างสรรค์ มิใช่ทำลายกัน
@ เน้นกระบวนการมีส่วนร่วม “พระเอกหมู่” คือทุกคนล้วนเป็นพระเอก ไม่ยึดติดคนใดคนหนึ่ง
@ ไม่แยกเขา-แยกเรา แต่เป็น “เรา”
@ ผู้นำไม่เกี่ยวข้องกับผู้รับเหมา “ไม่มีธุรกิจการเมือง” และถือ “ผลประโยชน์ของชุมชนเป็นที่ตั้ง”
กระบวนการเมืองภาคพลเมือง
@ การจัดตั้ง “สภาชาวบ้าน” หรือ “สภาประชาชน” เพื่อร่วมกันวางแผน พัฒนาและติดตามประเมินผลการพัฒนาท้องถิ่น
@ การจัดเวทีชาวบ้าน “จากบ้าน-ตำบล” (จากล่างขึ้นบน) ร่วมคิด คุย ค้น คุ้ย(ความดีงาม) วางแผน พัฒนา และติดตาม
@ สร้างกลุ่มกิจกรรม ดูแลช่วยเหลือกันและกันในชุมชน
@ ใช้แผนแม่บทชุมชนเป็นเครื่องมือกำหนดอนาคตของตนเอง เน้นการ “ใช้ทุนชุมชน”
@ กำหนดแนวปฏิบัติร่วมกัน ทั้งการใช้ “มาตรการสังคม” และ “มาตรการเสริมแรงจูงใจ”
@ เสริมสร้างและพัฒนาทักษะของผู้นำต่อเนื่อง สร้างผู้นำรุ่นใหม่เสริม
@ มีการสร้างและใช้สื่อท้องถิ่น เช่น “วิทยุชุมชน” ในการสื่อและสร้างความรู้ความเข้าใจของคนในชุมชน
@ มีการแสวงหาภาคีภายใน&นอก
@ การถอดบทเรียน สรุปการทำงานร่วมกัน เพื่อสะท้อนการทำงานและหาแนวทางพัฒนาร่วมกัน
กระบวนการคิดและวิถีการปฏิบัติของการเมืองภาคพลเมืองนี้เป็นโจทย์ใหญ่ของสังคมว่า “จะสร้างและขยายสำนึกการเมืองภาคพลเมือง” นี้ออกไปอย่างไร
หากช่วยกันได้ คำตอบนี้จะสร้างการเมืองใหม่ที่ภาคประชาชนมีส่วนร่วมแท้จริง
สวัสดีค่ะคุณพ่อน้องซอมพอ
คำตอบอยู่ที่หมู่บ้าน
อยู่อย่างมีภูมิรู้และสติกำกับ
ถึงเวลาต้องช่วยกันสร้างการเมืองฐานรากที่จริงแท้แล้วครับ
*เหนื่อยกับนักการเมืองลักชาติ รวมนักราชการด้วย
*ให้กำลังใจสำหรับนักรักชาติครับ
*ขอให้เชื่อใน "กรรม" และ "คุณธรรม" ดีทั้งตนทั้งชาติ
ดีคับ
คึนน่านนารัก
พอดีอยากได้ข้อมูลเกียวกับแนวโน้มการปกครงท้องถิ่นนะครับ
ถ้ามีช่วยส่งมาที่
ขอบคุณ